Mutual Fund

บทวิเคราะห์กองทุนรวมทั้ง กลยุทธ์การลงทุน ปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิค

Mutual Fund

บทวิเคราะห์กองทุนรวมทั้ง กลยุทธ์การลงทุน ปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิค

KS FUND TOP PICK 29 ก.ค. - 1 ส.ค. 2025

KS Research Strategy Analysis by KS Research Strategy
29 กรกฎาคม 2568

KS FUND TOP PICK 29 ก.ค. - 1 ส.ค. 2025

จับตา Peak Week ผลประกอบการที่ถึงคิวเทคใหญ่ ท่ามกลาง Sectoral tariffs ที่อาจกดดันตลาดอีกครั้ง พร้อมด้วยการประชุม FOMC และ BOJ

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในหลายประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง เวียดนาม และอินโดนีเซีย แรงหนุนหลักมาจากการบรรลุข้อตกลงทางการค้า โดยเฉพาะ "Massive Deal" กับญี่ปุ่นที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศลดภาษีสินค้าทั้งหมดเหลือ 15% จากเดิม 25% รวมถึงภาษีเฉพาะกลุ่มยานยนต์ที่ลดลงเหลือ 15% เช่นกัน (ยกเว้นเหล็กและอลูมิเนียมยังคงไว้ที่ 50%) โดยญี่ปุ่นตอบแทนด้วยการลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่ารวม $550 พันล้าน ครอบคลุมการซื้อข้าวเพิ่ม 75%, สินค้าเกษตร, เชื้อเพลิง, เครื่องบิน Boeing 100 ลำ รวมถึงการร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์, พลังงาน, และอู่ต่อเรือ พร้อมเพิ่มงบด้านความมั่นคงจาก $1.4 เป็น $1.7 หมื่นล้าน/ปี ผ่านบริษัทสหรัฐฯ ข้อตกลงนี้ช่วยหนุนดัชนีหุ้นญี่ปุ่นทั้ง Nikkei และ Topix ปรับตัวขึ้นแรง โดย Topix ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นอกจากนี้ยังมี Trade Deal กับอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่อัตราภาษี 19% ขณะที่สหรัฐฯ และจีนเตรียมเจรจาการค้ารอบ 3 ที่สตอกโฮล์มในวันที่ 28-29 ก.ค. นอกจากนี้ Scott Bessent ยังส่งสัญญาณพร้อมขยายเวลาจากเส้นตายเดิมวันที่ 12 ส.ค. ออกไปอีก 90 วัน ด้านผลประกอบการของกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง Google มีผลงานดีกว่าคาดในทุกธุรกิจ พร้อมปรับเพิ่มงบลงทุน AI จาก $75 พันล้านเป็น $85 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ Tesla แม้ยอดขายรถจะมากกว่าคาดแต่หดตัว 16% และเผชิญแรงกดดันจากการยกเลิก EV Tax Credit หลังสิ้น 3Q25 แต่ยังคงเร่งลงทุนใน AI เพื่อพัฒนา Full Self Driving และ Robotaxi โดยภาพรวมการลงทุนด้านมหภาคนั้นเริ่มมีความผ่อนคลายลงในประเด็นด้านภาษีนำเข้า ในขณะที่ด้านจุลภาคอย่างการรายงานผลประกอบการนั้นมีสัญญาณบวกได้อย่างต่อเนื่องในบริษัทขนาดใหญ่อย่างกลุ่มเทคโนโลยี

ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้คือการรายงานผลประกอบการหุ้นสหรัฐฯ ที่จะเป็นสัปดาห์ที่มีหุ้นจำนวนมากที่สุด (Peak Week) นำโดยหุ้นเทคใหญ่อย่าง Microsoft, Apple, Amazon และ Meta รวมถึงหุ้นเทคอื่นๆ อย่าง Cadence Design, Spotify, ARM, KLA, Lam Research, Qualcomm, Cloudflare หุ้นการเงินอย่าง Visa, Mastercard, PayPal และ SoFi หุ้นอุปโภคบริโภคอย่าง Starbucks และ P&G กลุ่ม Healthcare อย่าง Merck, UnitedHealth, Humana, Dexcom, AbbVie, CVS และ Bristol-Myers รวมถึงหุ้น Boeing, หุ้นยุโรปอย่าง Hermes, Kering, L’Oreal, Ferrari, Mercedes, UBS, HSBC และ AstraZeneca หุ้นญี่ปุ่นอย่าง Sumitomo Mitsui, Mizuho Financial, Advantest และ Tokyo Electron และหุ้นเกาหลีใต้อย่าง Samsung Electronic

ส่วนปัจจัยมหภาคที่สำคัญ ได้แก่ การครบกำหนดการเลื่อนภาษีนำเข้าในวันที่ 1 สิงหาคม, การเจรจาภาษีกับยุโรปที่อยู่ในขั้นสุดท้าย, การประกาศอัตราภาษี Sectoral tariffs ในสินค้ากลุ่มยา และเซมิคอนดักเตอร์, การเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนรอบที่ 3, ตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ, ตัวเลข GDP 2Q25 ของทั้งสหรัฐฯ และยุโรป, อัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ, การประชุมโปลิตบูโรของจีน และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และแคนาดาซึ่งล้วนแล้วแต่มีแนวโน้มที่จะคงดอกเบี้ยไว้ในรอบการประชุมครั้งนี้

จากปัจจัยที่เราติดตามและให้น้ำหนักมากที่สุดอย่างการรายงานผลประกอบการยังคงออกมาแข็งแกร่ง ผลประกอบการ 2Q25 ของบริษัทใน S&P 500 หลังผ่านไปสองสัปดาห์ พบว่ามี 167 บริษัทที่รายงานงบแล้ว โดยมี 84% ที่กำไรมากกว่าคาด กำไรเฉลี่ยมากกว่าคาด 7% และมากกว่าคาดในทุก Sector พร้อมมีการเติบโตของกำไร 8% นำโดยกลุ่ม Financial, Communication Services และ Technology ผลประกอบการที่ดีกว่าคาดทำให้นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มการเติบโตของกำไรบริษัทใน S&P 500 สำหรับ 2Q25 จาก 5.6% ในสัปดาห์ก่อนหน้าเป็น 6.4% สาเหตุหลักมาจากการปรับเพิ่มกลุ่ม Communication Services จาก 29.9% เป็น 34% และ Financial จาก 8.6% เป็น 10.1% รวมถึงการปรับเพิ่มประมาณการกำไรในอีก 12 เดือนข้างหน้าด้วย นอกจากพื้นฐานที่แข็งแกร่งแล้ว ยังมีปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมจากนโยบายกระตุ้นของสหรัฐฯ ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเป็นเก้าอี้ขาที่ 3 คือ Deregulation หรือการลดกฎเกณฑ์ ที่มี AI Action Plan เพื่อปลดล็อกกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา AI ส่งเสริมการสร้าง Data Center และการส่งออกเทคโนโลยีสหรัฐฯ ให้ประเทศพันธมิตร

ด้วยปัจจัยบวกเหล่านี้ เราจึงมีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นโลกและแนะนำให้ทยอยลงทุนใน K-GSELECTU-A(A) เป็น Core Portfolio พร้อมเสริมด้วย Satellite Portfolio ระยะ 12 เดือนในธีมหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ผ่านกองทุน KKP TECH-UH ที่เน้นกลุ่ม Technology และ Communication Services ด้านตราสารหนี้ ด้วยอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี สหรัฐฯ ที่ใกล้ 4.5% แนะนำให้นักลงทุนที่มีสัดส่วนตราสารหนี้น้อยเข้าลงทุนผ่านกองทุน UGISFX-N ที่เน้นตราสารหนี้คุณภาพดีอันดับเครดิตเฉลี่ย AA- เนื่องจากค่าบาทแข็งค่า เราแนะนำเลือก Unhedged Class เพื่อลดต้นทุน Hedge สำหรับ Satellite Portfolio ระยะสั้น 3-6 เดือน แนะนำ ONE-FFI เพื่อเก็งกำไรจากค่าบาทที่แข็งเกินไป โดยทยอยสะสมในกรอบ 32-33.5 บาท/ดอลลาร์ ตัดขาดทุนเมื่อค่าบาทแข็งกว่า 31.50 บาท และมีเป้าหมายกำไรที่ 35 บาท/ดอลลาร์

Implication

Buy lists

Satellite port (สำหรับช่วง 6 - 12 เดือน)

KKP TECH-UH: กองทุนหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก iShares Expanded Tech หรือ IGM (ETF) เน้นลงทุนในกลุ่ม Technology, Communication Services และ Consumer Discretionary โดยมี Top 10 Holding เป็น Nvidia, Apple, Meta, Microsoft, Broadcom, Alphabet, Netflix, Oracle และ Palantir โดยหุ้นในกลุ่มเทคฯ สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากแรงกดดันที่ Wall Street Journal รายงานว่า SoftBank & OpenAI จะลดขนาดโครงการ Stargete ลง แต่อย่างไรก็ตาม ได้มีรายงานตามหลังว่าทั้งสองได้ขยายโครงการเพิ่ม และยืนยันว่า Stargate 1 ในเท็กซัสเริ่มดำเนินการแล้ว ขณะที่กลุ่ม Communication Services ปรับตัวขึ้นโดดเด่นจากดีของ Google ที่บริษัทปรับเพิ่มงบลงทุน (CAPEX) จาก $75 bn เป็น $85 bn เพื่อลงทุนใน Data Center และ Custom Silicon (TPU) สำหรับเทรนนิ่ง Gemini

สำหรับกลุ่มเทคฯ สหรัฐฯ สัปดาห์นี้ติดตามการรายงานผลประกอบการของ Microsoft, Meta, Amazon, Apple, Cadence Design, ARM, Qualcom, KLAC, Lam Research และ Cloudflare เราแนะนำซื้อ IGM (ETF) โดยมีกรอบการลงทุนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

K-JP-A(D): กองทุนหุ้นญี่ปุ่นที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Lazard Japanese Strategic มีสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มการเงินราว 20% โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศข้อตกลงการค้ามูลค่ามหาศาลกับญี่ปุ่น โดยลดภาษีสินค้าทั้งหมดเหลือ 15% จากเดิม 25% รวมถึงภาษีเฉพาะกลุ่มยานยนต์ (Sectoral tariff) ที่ลดลงเหลือ 15% เช่นกัน (ยกเว้นเหล็กและอลูมิเนียมยังคงไว้ที่ 50%) โดยแลกกับการที่ญี่ปุ่นจะลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่ารวม $550 พันล้าน ครอบคลุมทั้งการซื้อข้าวเพิ่ม 75%, สินค้าเกษตร, เชื้อเพลิง, เครื่องบิน Boeing 100 ลำ รวมถึงการร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ พลังงาน และอู่ต่อเรือ ขณะเดียวกันญี่ปุ่นยังเพิ่มงบด้านความมั่นคงจาก $14 เป็น $17 พันล้าน/ปี ผ่านบริษัทสหรัฐฯ โดยเงินลงทุนทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การคัดเลือกโครงการโดยฝ่ายสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการได้รับสิทธิภาษีรถยนต์ที่ต่ำลง

สำหรับญี่ปุ่น สัปดาห์นี้ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ตลาดคาดว่าจะคงดอกเบี้ยที่ 0.50% และผลประกอบการของธนาคารใหญ่ Sumitomo Mitsui และ Mizuho Financial รวมถึงหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ Advantest และ Tokyo Electron เรายังคงคำแนะนำซื้อเมื่อดัชนี Topix มีการย่อตัวลง โดยมีกรอบการลงทุนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

KT-CHINA-A: กองทุนหุ้นจีน ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Blackrock BGF China Fund ซึ่งลงทุนหุ้นจีน All China โดยปัจจุบันเน้นการลงทุนใน H-Shares ราว 60% และ A-Shares ราว 20% โดยตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นทำ New High ทั้งดัชนี CSI 300 (A-Shares) และ HSCEI (H-Shares) โดยได้รับแรงหนุนจากข่าวเชิงบวกเรื่องการเจรจารอบที่ 3 ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่สตอกโฮล์ม ซึ่ง Scott Bessent แสดงท่าทีพร้อมขยายเวลาจากเส้นตายเดิมวันที่ 12 ส.ค. ออกไปอีก 90 วัน โดยจะมีการเจรจาอย่างเป็นทางการในวันที่ 28-29 ก.ค. นอกจากนี้ยังมีแรงบวกจากการที่หน่วยงานกำกับดูแลจีนเรียกบริษัทส่งอาหาร 3 รายมาหารือเพื่อควบคุมสงครามราคา ทำให้หุ้น Alibaba, Meituan และ JD ปรับตัวขึ้นแรง ขณะที่ Tencent ก็พุ่งทำ New High เช่นกัน จากความคาดหวังว่ารายได้จากโฆษณา เกม และ WeChat จะได้แรงหนุนจากเทคโนโลยี AI อย่างชัดเจนในช่วงต่อไป

สำหรับจีน สัปดาห์นี้ให้ติดตามตัวเลข Manufacturing และ Services PMI ที่รายงานโดย NBS เราคงคำแนะนำซื้อสำหรับกรอบการลงทุนใน 12 เดือนข้างหน้า โดยให้ทยอยลงทุนเมื่อดัชนี MSCI China ย่อตัวลง

Satellite port (สำหรับช่วง 3 - 6 เดือน)

ONE-FFI: กองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนใน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้นโดยปัจจุบันมี Port Duration ที่ 5 เดือน 26 วัน และมี Yield to Maturity ที่ 4.06% ต่อปี กองทุนไม่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Unhedged) ซึ่งเปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เรามองว่าค่าเงินบาทแข็งค่ามากเกินไปตรงข้ามกับปัจจัยพื้นฐาน

เราแนะนำลงทุนเมื่อ USD/THB อยู่ในกรอบ 32 – 33.50 โดยมีเป้าหมายการทำกำไรที่ 35/USD และจุดตัดขาดทุนที่ 31.5/USD

Holding lists

Satellite port (สำหรับช่วง 6 - 12 เดือน)

TUSFIN-A: กองทุนหุ้นกลุ่มการเงินในสหรัฐฯ ลงทุนผ่านกองทุนหลัก XLF (ETF) โดยหุ้นในกลุ่มการเงินสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หนุนโดย JPMorgan, Wells Fargo, Citi และ Goldman Sachs ที่ขึ้นทำ All time high ด้วย เช่นกัน จากแรงหนุนต่อเนื่องของผลประกอบการที่ดีของหุ้นในกลุ่มธนาคารในสัปดาห์ก่อนหน้า อีกทั้งยังได้ปัจจัยบวกจาก Trade Deal ระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น

เราแนะนำ Let profit run และให้ติดตามผลประกอบการของ Visa และ Mastercard รวมถึงตัวเลขตลาดแรงงานและการประชุม FOMC

Sell lists

PRINCIPAL VNEQ-A: กองทุนหุ้นเวียดนาม ลงทุนโดยตรงในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนามหรือมีธุรกิจหลักในเวียดนามและ ETF โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2025 กองทุนมีสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มการเงินมากที่สุดในพอร์ตราว 37% ลดลงจาก 38% ในเดือนก่อนหน้า โดยดัชนี VN Index ปรับตัวทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากปัจจัยบวกจากความน่าจะเป็นที่สูงที่จะได้อัปเกรดเป็นตลาดเกิดใหม่โดย FTSE Russell ในเดือนกันยายนนี้ รวมถึงการที่ JPMorgan ปรับเป็น Overweight และให้เป้าดัชนี VI Index ที่ 1,600 ในสิ้นปีนี้

เราแนะนำให้ขาย หลังจากตลาดปรับตัวขึ้นมาจนชดเชยผลกระทบค่าเงินดองที่อ่อนค่า การปรับประมาณการกำไรโดยรวมยังไม่ได้น่าสนใจ เมื่อเทียบกับ Valuation ที่ขยับขึ้นมาซื้อขายบริเวณค่าเฉลี่ย Forward PER 5 ปี

เปิดพอร์ตลงทุนกองทุนรวมกับ KS ลงทุนได้หลากหลาย บลจ. >> https://ksecurities.co/Open-Account_Fund

Follow us :

LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA

Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook

Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram

Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter

YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube

Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads

#KS #หลักทรัพย์กสิกรไทย #กองทุน #ผลตอบแทน #หุ้นไทย #การลงทุนหลักทรัพย์ #FUND #กลยุทธ์การจัดพอร์ต

Smart Fund Tips : ส่อง 10 กองทุนผลตอบแทน YTD สูงสุด
8 ส.ค. 2568

Smart Fund Tips : ส่อง 10 กองทุนผลตอบแทน YTD สูงสุด

6 กองทุนแนะนำจาก KS ประจำเดือนสิงหาคม 2568
8 ส.ค. 2568

6 กองทุนแนะนำจาก KS ประจำเดือนสิงหาคม 2568

KS FUND TOP PICK 4 - 8 ส.ค. 2025
4 ส.ค. 2568

KS FUND TOP PICK 4 - 8 ส.ค. 2025

TACTICAL ASSET ALLOCATION กลยุทธ์การจัดพอร์ต กองทุนรวมเดือนสิงหาคม
2 ส.ค. 2568

TACTICAL ASSET ALLOCATION กลยุทธ์การจัดพอร์ต กองทุนรวมเดือนสิงหาคม

Smart Fund Tips : อยากลงทุนกองทุนหุ้นจีน แบบ Passive ลงอะไรได้บ้าง?
26 ก.ค. 2568

Smart Fund Tips : อยากลงทุนกองทุนหุ้นจีน แบบ Passive ลงอะไรได้บ้าง?

KS FUND TOP PICK 21 - 25 ก.ค. 2025
21 ก.ค. 2568

KS FUND TOP PICK 21 - 25 ก.ค. 2025