กองทุนส่วนบุคคล

การจัดตั้งกองทุนส่วนบุคคล

สามารถจัดตั้งโดยบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล

ความยืดหยุ่นในการบริหารพอร์ตลงทุน

มีความยืดหยุ่นมากกว่ากองทุนรวม ลูกค้ามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายการลงทุนและข้อจำกัดการลงทุน

การบริหารพอร์ตการลงทุน

บริหารเงินลงทุนโดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ มีการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทน มี Investment Committee ในการอนุมัติ Investment Universe

เงินลงทุนเริ่มต้น

5 ล้านบาท

3 แผนการลงทุนจาก KS

KS Quality Return

เน้นการบริหารเชิงรุก (Active) จับจังหวะการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อให้ผลตอบแทนมากกว่า SET TRI Index

  • คัดเลือกลงทุนในบริษัทจดทะเบียนฯ ที่มีพื้นฐานดี
  • ปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อให้ทันทุกสถานการณ์
  • กระจายการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดความเสี่ยง

KS High Conviction

เน้นการบริหารเชิงรุก (Active) ลงทุนในระยะยาว เพื่อสร้างผลตอบแทนเชิงบวก ในทุกสภาวะตลาด

  • เจาะลึกการลงทุนในหุ้นรายตัว
  • จับจังหวะการลงทุนในจุดที่ได้เปรียบ
  • เลือกลงทุนเน้นๆ น้อยตัว อย่างมั่นใจ ในความเสี่ยงที่ถูกบริหารอย่างใกล้ชิด

KS Quality Dividend

เน้นการบริหารเชิงรุก (Active) ลงทุนในระยะยาว เพื่อสร้างผลตอบแทนเชิงบวก ในทุกสภาวะตลาด

  • เจาะลึกการลงทุนในหุ้นรายตัว
  • จับจังหวะการลงทุนในจุดที่ได้เปรียบ
  • เลือกลงทุนเน้นๆ น้อยตัว อย่างมั่นใจ ในความเสี่ยงที่ถูกบริหารอย่างใกล้ชิด

Disclosure :
เงื่อนไขกรณีเปลี่ยนตัวชี้วัด เมื่อตัวชี้วัดไม่สะท้อนการลงทุนของนโยบายดังกล่าว บริษัทจะแจ้งกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงตัวชี้วัดให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า 1 เดือนตามช่องทางที่บริษัทกำหนด

Remark :
สำหรับเงินที่ฝากในบัญชีกองทุนส่วนบุคคล จะได้รับดอกเบี้ยจากยอดเงินฝากคงเหลือที่ลูกค้ามีอยู่ ตามอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารผู้รับฝากทรัพย์สินกำหนด (อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป)

แผนการลงทุน KS Quality Return KS High Conviction KS Quality Dividend
ทรัพย์สินที่ลงทุน หุ้นไทย หุ้นไทย หุ้นไทย และ REITs & Infra Fund
สัดส่วนการลงทุนในหลักทรัพย์ ลงทุนในตราสารทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีไม่น้อยกว่า 70% ของ NAV ลงทุนในตราสารทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีไม่น้อยกว่า 30% ของ NAV ลงทุนในตราสารทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
จำนวนหุ้นที่ลงทุน 20-30 หุ้น 10-15 หุ้น 15-20 หุ้น
จุดประสงค์ในการลงทุน เพื่อให้ผลตอบแทนในการลงทุนที่ดีกว่าดัชนีอ้างอิงในระยะยาว เน้นลงทุนในระยะยาวเพื่อสร้างผลตอบแทนเชิงบวก ในทุกสภาวะตลาด มีโอกาสได้รับกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอ โดยคาดหวัง Dividend yield ที่ 4% ขึ้นไป
กระบวนการลงทุน ใช้กระบวนการคัดเลือกหุ้นแบบ Top down & Bottom up โดยวิเคราะห์จากแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจ ใช้กระบวนการคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom up โดยอ้างอิงจากพื้นฐานของบริษัทด้วยข้อมูลเชิงลึก เลือกบริษัทที่มีแนวโน้มหรือศักยภาพในการจ่ายปันผลในอนาคตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีกระแสเงินสดที่มั่นคง
ระดับความเสี่ยงของกองทุน 6 6 6
ความเสี่ยงตามนโยบายการลงทุน กองทุนกระจายการลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่สูงจากหุ้นเด่นบางตัวอาจถูกลดทอนลงไป KSHC มีการลงทุนหุ้นรายตัวแบบกระจุกตัว ทำให้ผลตอบแทนมีความผันผวนมากกว่าดัชนี KSQD มีการลงทุนรายธุรกิจแบบกระจุกตัว อาจจะเพิ่มความเสี่ยงรายธุรกิจมากกว่าการลงทุนแบบกระจายตัว
ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ผู้ลงทุนรายย่อยทั่วไป ที่ต้องการลงทุนในหุ้นไทยแบบกระจายในหลายๆกลุ่มธุรกิจ เพื่อกระจายความเสี่ยง และมีระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ระดับ 4 ขึ้นไป ผู้ลงทุนรายย่อยทั่วไป ที่ต้องการลงทุนในหุ้นไทยแบบกระจุกตัว เพื่อผลตอบแทนที่โดเด่นในระยะยาว โดยสามารถทนรับความผันผวนในระยะสั้นได้ และมีระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ระดับ 4 ขึ้นไป ผู้ลงทุนรายย่อยทั่วไป ผู้ที่ต้องการลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน ต้องการกระแสรายได้สม่ำเสมอจากการลงทุน และมีระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ระดับ 4 ขึ้นไป
ผู้จัดการกองทุน
นายสุนทร ทองทิพย์
(ตั้งแต่ 27 มิ.ย. 2568)
นางสาวปรียากร สุทธศิริ, CFA
(ตั้งแต่ 2 ก.ย. 2567)
นางสาวปรียากร สุทธศิริ, CFA
(ตั้งแต่ 3 ต.ค. 2567)
นายอนพัทย์ วนัสชัยพฤกษ์
(ตั้งแต่ 3 ต.ค. 2567)
นายอนพัทย์ วนัสชัยพฤกษ์
(ตั้งแต่ 12 พ.ย. 2567)
นางสาวปรียากร สุทธศิริ, CFA
(ตั้งแต่ 12 พ.ย. 2567)
Risk Disclosure :
(1) ลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ อาจไม่เหมาะสมที่จะลงทุนในนโยบายการลงทุนที่มีการลงทุนในหลักทรัพย์หรือผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูง
(2) ผู้ลงทุนที่มีระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ต่ำกว่าระดับ 4 อาจไม่เหมาะสมที่จะลงทุนในนโยบายการลงทุนที่มีการลงทุนในหลักทรัพย์หรือผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูง

  • บริษัทฯ ยังไม่ได้รับความสนใจจากตลาด
    วิเคราะห์ด้านพื้นฐานของบริษัทในทุกมิติมองหาบริษัทที่ยังไม่ได้รับความสนใจจากตลาดมากนัก แต่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างมีนัยยะ
  • ธุรกิจอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ
    มี business model ที่กำลังจะเติบโตในอนาคตหรืออยู่ในอุตสาหกรรมที่จะส่งเสริมผลประกอบการของบริษัท
  • การเติบโตของงบการเงินที่ดี
    งบการเงิน อัตราส่วนทางการเงิน และ cashflow สะท้อนภาพการเติบโตของผลประกอบการที่แท้จริงของบริษัท พร้อมโครงสร้างทางการเงินที่เข้มแข็งเพื่อรองรับการเติบโต และจ่ายปันผลในอนาคต

ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาตราสาร (Market Risk)

เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของภาวะตลาดที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาตราสารในตลาดนั้นๆ


โอกาสที่จะเกิดความเสี่ยง - ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง และสถานการณ์ของตลาดเงินตลาดทุน


ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น - การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลให้ราคาตราสารที่กองทุนลงทุนปรับลดลง และทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนลดลงด้วย


แนวทางการบริหารความเสี่ยง - บริษัทมีการกระจายสัดส่วนตราสารต่างๆ อย่างเหมาะสม ซึ่งจะทำให้สามารถควบคุมระดับความเสี่ยงโดยรวมของกองทุนให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสมตามนโยบาย และมีดุลยภาพกับด้านผลตอบแทนตามที่คาดหวัง รวมทั้งบริษัทมีการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และภาวะตลาดเงิน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนของกองทุนอย่างสม่ำเสมอ


ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของผู้ออกตราสาร (Business Risk)

เกิดจากการเปลี่ยนแปลงความสามารถในการทำกำไรของผู้ออกตราสาร


โอกาสที่จะเกิดความเสี่ยง - ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทธุรกิจ โครงสร้างรายได้ ค่าใช้จ่ายของกิจการ ปัจจัยที่กระทบเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม หรือการดำเนินงานภายในของผู้ออกตราสารเอง


ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น - การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลให้ราคาตราสารที่กองทุนลงทุนปรับลดลง และทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนลดลงด้วย


แนวทางการบริหารความเสี่ยง - กองทุนจะคัดเลือกตราสาร และวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ รวมทั้งติดตามสถานการณ์การลงทุนที่อาจส่งผลกระทบต่อผลต่อการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทผู้ออกตราสาร


ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของตราสาร (Liquidity Risk)

เกิดจากหลักทรัพย์ที่ลงทุนไม่มีสภาพคล่อง ไม่สามารถขายหลักทรัพย์ได้ในราคาและระยะเวลาที่ต้องการ


โอกาสที่จะเกิดความเสี่ยง – ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องของหลักทรัพย์ที่กองทุนลงทุน ภาวะตลาดที่ซื้อขายหลักทรัพย์ หรือเกิดเหตุการณ์ใดที่ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ที่ซื้อขายหลักทรัพย์อาจหยุดรับคำสั่งซื้อขาย


ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น – อาจทำให้กองทุนไม่สามารถจำหน่ายหลักทรัพย์ที่ลงทุนได้ในราคาที่เหมาะสม และภายในระยะเวลาที่ต้องการ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจได้รับชำระเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนล่าช้ากว่าระยะเวลาที่กาหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน


แนวทางการบริหารความเสี่ยง - บริษัทจัดการจะพิจารณาเลือกลงทุนในบริษัทที่ได้วิเคราะห์แล้วว่ามีปัจจัยพื้นฐานดี รวมทั้งทำการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนโดยไม่ลงทุนในหลักทรัพย์ใด หรืออุตสาหกรรมใด ในสัดส่วนที่สูงเกินไปจะช่วยลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของตราสารที่กองทุนลงทุน


ปัจจัยความเสี่ยงจากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร (credit risk)

เกิดจากหลักทรัพย์ที่ลงทุนไม่สามารถชำระคืนหนี้ (เงินต้น หรือดอกเบี้ย) ได้ ทำให้ผู้ถือตราสารขาดทุน ทั้งนี้นโยบายการลงทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในตราสารทุนซึ่งจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงหากเกิดเหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้ทั้งกรณี Default หรือ Cross default


โอกาสเกิดความเสี่ยง – ปัจจัยการผิดนัดชำระหนี้ประกอบด้วยปัจจัยภายนอก ได้แก่ วิกฤตเศรษฐกิจ นโยบายรัฐ โรคระบาด ภัยธรรมชาติ การถูก disrupt จากเทคโนโลยี หรือค่านิยมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง เป็นต้น และปัจจัยภายใน ได้แก่ บริษัทมีการก่อหนี้เกินตัว, การบริหารธุรกิจผิดพลาด, การตบแต่งบัญชี, หรือแพ้คดีความ เป็นต้น


ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น - เหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้ทั้งกรณี Default หรือ Cross default จะส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และส่งผลให้ราคาหลักทรัพย์ปรับตัวลง หรืออาจเกิดเหตุการณ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย SP เพื่อให้บริษัทแก้ไขเหตุแห่งการผิดนัดชำระหนี้


แนวทางการบริหารความเสี่ยง – กำหนดอัตราส่วนทางการเงินด้าน credit ในกระบวนการคัดเลือกหลักทรัพย์เข้า Universe และกระบวนการตัดสินใจลงทุน พร้อมติดตามผลประกอบการรายไตรมาสอย่างใกล้ชิด  

  • ทีมนักวิเคราะห์ติดตามอย่างใกล้ชิด
    ทีม In-house Research โดยนักวิเคราะห์ที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้เราสามารถติดตามแต่ละบริษัทได้อย่างใกล้ชิด
  • หาจุดที่ได้เปรียบด้วยสัญญาณเทคนิค
    เสริมด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อจับจังหวะในการซื้อและขายเพื่อเพิ่มความได้เปรียบ นอกเหนือจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
  • ติดตาม portfolio อย่างต่อเนื่อง
    ลูกค้าสามารถติดตาม portfolio ได้ทุกวัน โดยจะเห็นภาพรวมการลงทุนของ T-1 ผ่าน KS-One
  • ทีมงานดูแลอย่างต่อเนื่อง
    มีทีมงานควบคุมการลงทุนและความเสี่ยงเพื่อให้ portfolio ของลูกค้าไม่เกิดความผันผวนจนเกินไป

นโยบายการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหลักทรัพย์
(Proxy Voting Policy)

การพิจารณาวาระการประชุม
คณะกรรมการการลงทุน (Investment Committee) เป็นผู้พิจารณาตัดสินใจการเข้าร่วมประชุมและการใช้สิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นของหลักทรัพย์ที่กองทุนส่วนบุคคลลงทุน โดยหลักแล้วบริษัทจะเข้าประชุมและใช้สิทธิออกเสียงในวาระที่บริษัทพิจารณาแล้วเห็นว่ามีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกองทุนส่วนบุคคลเท่านั้น ทั้งนี้ คณะกรรมการการลงทุนจะพิจารณาใช้สิทธิออกเสียงโดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ นโยบายของกองทุนส่วนบุคคล ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และความครบถ้วนเพียงพอของข้อมูลที่ใช้ประกอบการพิจารณาตัดสินใจ
สำหรับวาระอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุในแนวทางการใช้สิทธิออกเสียงในนโยบายฉบับนี้ ผู้จัดการกองทุนจะเป็นผู้นำเสนอวาระการเข้าร่วมประชุมและใช้สิทธิออกเสียงต่อที่ประชุมคณะกรรมการการลงทุน พร้อมข้อมูลและเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อประกอบการพิจารณาและการตัดสินใจของคณะกรรมการการลงทุนในการเข้าร่วมประชุมและใช้สิทธิออกเสียงในแต่ละวาระ
บริษัทอาจพิจารณาไม่เข้าร่วมประชุม หากคณะกรรมการการลงทุนพิจารณาแล้วเห็นว่าค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนที่เกิดขึ้นจากกระบวนการใช้สิทธิออกเสียงมากกว่าผลประโยชน์ที่คาดว่ากองทุนส่วนบุคคลจะได้รับ
ทั้งนี้ เอกสารที่แสดงการตัดสินใจในวาระต่างๆ ของคณะกรรมการการลงทุนจะจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษรและเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

รายงานสรุปการใช้สิทธิออกเสียง 2568

รายงานสรุปการใช้สิทธิออกเสียง 2567

คำเตือน :
(1) ทำความเข้าใจลักษณะกองทุนส่วนบุคคล เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
(2) ในการเสนอนโยบายการลงทุนของกองทุนส่วนบุคคลนี้ มิได้เป็นการแสดงว่าสำนักงาน ก.ล.ต.ได้รับรองถึงความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าว หรือได้ประกันราคาหรือผลตอบแทนของนโยบายการลงทุนที่เสนอนั้น

KS Private Fund Team

Tel :  02-7960566
วันจันทร์–ศุกร์ เวลา 8.30 น. - 17.00 น.
ยกเว้นวันหยุดตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

ค้นหา