นักลงทุนมือใหม่ควรรู้ก่อนลงทุนกองทุนรวม


นักลงทุนมือใหม่ควรรู้ก่อนลงทุนกองทุนรวม
- กองทุนรวมเป็นการรวบรวมเงินของนักลงทุน นำมาลงทุนตามนโยบายที่กองทุนรวมนั้นๆ กำหนดไว้ โดยมี “ผู้จัดการกองทุน” ที่เป็นมืออาชีพช่วยบริหารจัดการเงินของกองทุน
- แต่ละกองมีผลตอบแทนและความเสี่ยงที่แตกต่างกันตามประเภทสินทรัพย์ที่กองทุนไปลงทุน
- นักลงทุนสามารถเลือกกองทุนให้เหมาะกับเป้าหมายในการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ซึ่งจะมีการทำแบบทดสอบวัดระดับความเสี่ยงเมื่อเปิดบัญชีเริ่มซื้อขายกองทุน
จุดเด่นกองทุนรวม
- ผู้จัดการกองทุนบริหารเงินลงทุนให้ – มีผู้เชี่ยวชาญคอยบริหารจัดการเงินลงทุนให้กับนักลงทุน ตามนโยบายการลงทุนที่กำหนดไว้
- มีการกระจายการลงทุน – ช่วยให้ลดความเสี่ยงได้
- ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อย – บางกองทุนเริ่มต้นเพียงแค่ 1 บาท ก็สามารถเริ่มลงทุนกองทุนรวมได้
- มีสภาพคล่องสูง – สามารถขายคืนเป็นเงินสดได้
- ซื้อขายสะดวก – ซื้อขายได้ทุกวันทำการ ยกเว้นบางกองทุนที่มีเงื่อนไขการซื้อขายกำหนดไว้ชัดเจน
- นโยบายการลงทุนที่หลากหลาย – มีหลากหลายประเภทสินทรัพย์ สามารถเลือกได้ตามเป้าหมายการลงทุน ผลตอบแทนที่คาดหวังและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี – รายได้ของกองทุนรวมจะไม่เสียภาษีเงินได้ นักลงทุนจึงได้รับผลประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย และยังมีกองทุนรวมประเภท RMF/SSF ที่เป็นเครื่องมือที่ดีในการช่วยลดหย่อนภาษี และวางแผนความมั่งคั่งในระยะยาวได้ด้วย
- ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน – สำหรับกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ อาจมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ช่วยป้องกันความผันผวนจากค่าเงินให้แก่นักลงทุน ซึ่งหากนักลงทุนต้องการป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวด้วยตนเอง จะมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง และต้องอาศัยความชำนาญ
สิ่งที่นักลงทุนควรรู้ก่อนลงทุนในกองทุนรวม
- นโยบายการลงทุน: นักลงทุนสามารถศึกษานโยบายการลงทุนผ่านหนังสือชี้ชวนของบลจ. หรือหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ( Fund Fact Sheet)
- Top Holding: นักลงทุนสามารถเข้าดูข้อมูลการถือครองสินทรัพย์ต่างๆ ได้ในเว็บไซต์ของบริษัทจัดการกองทุน หรือหนังสือชี้ชวนต่างๆ ซึ่งจะมีรายงานข้อมูลการลงทุนของผู้จัดการกองทุนอัพเดตอยู่เสมอ
- ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา: พิจารณาถึงผลการดำเนินในอดีตเทียบกับดัชนีตัวชี้วัด ตามกลยุทธ์และความมุ่งหวังผลตอบแทนของกองทุน เช่น กองทุนที่เป็น Active Management จะมุ่งหวังผลตอบแทนเหนือดัชนีชี้วัด ขณะที่กองลักษณะ Passive Management มุ่งหวังผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีชี้วัด
- ค่าใช้จ่ายของกองทุน: ควรเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในกลุ่มกองประเภทเดียวกัน
- วิธีการซื้อขายกองทุนรวม: กองทุนแต่ประเภทมีเวลาซื้อ-ขายแตกต่างกัน ควรศึกษาวิธีการซื้อ-ขายได้จากหนังสือชี้ชวนสรุปข้อมูลสำคัญ
- จังหวะการลงทุน: แม้จะให้ผู้จัดการกองทุนเป็นผู้ดูแลให้ แต่เราควรพิจารณาแนวโน้มตลาดประกอบการตัดสินใจลงทุน
- ความเสี่ยงจากการลงทุน:
- แม้การลงทุนในกองทุนรวมจะกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน แต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่กระทบต่อตลาดโดยรวมได้ เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตจากโรคระบาด สงคราม ภาวะเงินเฟ้อ เป็นต้น
- นักลงทุนอาจพิจารณาผลตอบแทนต่อความเสี่ยง รวมถึงความผันผวนของราคา ผ่านตัวชี้วัดต่างๆ ได้แก่ Sharpe Ratio, Standard Deviation, Information Ratio, Beta เป็นต้น
กองทุนรวมเหมาะกับ
- นักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่มีความชำนาญในการลงทุน ไม่มีประสบการณ์การลงทุนมาก่อน จำนวนเงินลงทุนเริ่มต้นไม่มาก รวมถึงไม่มีเวลาติดตามข่าวสารการเงินอย่างต่อเนื่อง
- นักลงทุนที่ไม่มีเวลาในการติดตามการลงทุนสม่ำเสมอ และต้องการผู้เชี่ยวชาญช่วยบริหารเงินลงทุน
- นักลงทุนที่ต้องการจัดพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน
- นักลงทุนที่ต้องการทยอยลงทุนแบบ DCA
- นักลงทุนที่หาตัวช่วยเพื่อประหยัดภาษี

ลูกค้า KS สนใจลงทุนในกองทุนรวม สอบถามข้อมูลได้ที่ผู้จัดการเงินทุนบุคคลของท่าน
เปิดพอร์ตกองทุนรวมกับ KS ลงทุนได้หลากหลายบลจ. bit.ly/3rDwX70
#KS #หลักทรัพย์กสิกร #กองทุน #ผลตอบแทน #หุ้นไทย #การลงทุนหลักทรัพย์ #FUND