Mutual Fund

บทวิเคราะห์กองทุนรวมทั้ง กลยุทธ์การลงทุน ปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิค

Mutual Fund

บทวิเคราะห์กองทุนรวมทั้ง กลยุทธ์การลงทุน ปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิค

KS FUND TOP PICK 14 - 18 ก.ค. 2025

KS Research Strategy Analysis by KS Research Strategy
14 กรกฎาคม 2568

KS FUND TOP PICK 14 - 18 ก.ค. 2025

ภาษีกดดันตลาด แต่คาดกำไร 2Q25 หนุนกลุ่มเทคฯ ไปต่อ แนะนำ KKP TECH-UH เข้าลงทุนกรอบ 12 เดือน

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลกเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ท่ามกลางบรรยากาศระมัดระวังจากมาตรการภาษีชุดใหม่ หลังประธานาธิบดีทรัมป์ทยอยส่งจดหมายขู่ขึ้นภาษีนำเข้ากับหลายประเทศ โดยมีการระบุอัตราภาษีชัดเจน เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ 25%, บราซิล 50%, แคนาดา 35% รวมถึงประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 15–20% กับประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่ที่ยังไม่ได้รับจดหมายแจ้งภาษีอย่างเป็นทางการ โดยจะเลื่อนวันเริ่มเก็บภาษีจริงเป็น 1 สิงหาคม เพื่อเปิดโอกาสให้แต่ละประเทศเจรจาต่อรองเงื่อนไขกับสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังประกาศขึ้นภาษีทองแดง 50% และขู่ขึ้นภาษียาสูงสุด 200% ใน 12–18 เดือน หากบริษัทยายังไม่ย้ายฐานผลิตกลับสหรัฐฯ

ขณะเดียวกัน ทรัมป์เตือนประเทศที่สนับสนุน BRICS ว่าอาจถูกตั้งภาษีเพิ่ม 10% และประกาศชัดเจนว่าหากมีประเทศใดใช้มาตรการขึ้นภาษีตอบโต้ สหรัฐฯ จะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศนั้นในอัตราเดียวกัน ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นได้ดีจากการที่ไม่ได้รับจดหมายแจ้งภาษีในชุดแรกๆ แต่ตลาดก็ปรับตัวลงแรงช่วงปลายสัปดาห์ หลังทรัมป์ระบุว่าจะมีจดหมายแจ้งอัตราภาษีใหม่ถึงยุโรป ซึ่งสุดท้ายแล้วมีการประกาศขึ้นภาษียุโรป และเม็กซิโกที่อัตรา 30% ขณะที่ฝั่งผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเริ่มทยอยออกมา โดย TSMC รายงานรายได้ไตรมาสล่าสุดเติบโต 38.6% YoY สูงกว่าคาดจากดีมานด์ชิป AI, Delta Airline มีรายได้และกำไรมากกว่าคาด พร้อมกลับมาให้ Guidance ทั้งปีอีกครั้ง หนุนกลุ่มสายการบินปรับตัวขึ้น และ Nvidia เดินหน้าทำ All Time High ด้วย market cap ทะลุ 4 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก

ด้านตลาดหุ้นจีนกลับมาฟื้นตัว โดยดัชนี CSI 300 ขึ้นทำ New high หลังประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แสดงท่าทีจริงจังกับการแก้ไขปัญหาเงินฝืดและการแข่งขันด้านราคาที่กดดันกำไรของอุตสาหกรรมหลัก เช่น เหล็ก แผงโซลาร์ และรถยนต์ไฟฟ้า หลัง PPI เดือนมิถุนายนหดตัว 3.6% YoY ติดต่อกันยาวนาน การเปลี่ยนแปลงท่าทีของรัฐบาลจีนครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ซึ่งหากจีนสามารถลดกำลังการผลิตส่วนเกินได้สำเร็จ ก็จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพให้กับตลาดโลกและสร้างโอกาสการฟื้นตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก แม้ในระยะสั้นอาจยังมีความเสี่ยงต่อการเติบโตและการจ้างงานก็ตาม

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ โฟกัสหลักจะอยู่ที่การรายงานผลประกอบการของกลุ่มธนาคารสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ ทั้ง JPMorgan, Bank of America, Wells Fargo, Citi, Goldman Sachs และ Morgan Stanley ที่คาดว่าจะยังคงรายงานกำไรที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะรายได้จากธุรกรรมในตลาดทุนและค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้น ซึ่งได้แรงหนุนจากภาวะตลาดหุ้นที่คึกคักตลอดไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (NII) น่าจะยังเติบโตจากภาวะดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ทรงตัวในระดับสูง รวมถึงมีโอกาสได้ Upside เพิ่มจากรายได้ M&A ที่อาจฟื้นตัวขึ้นตามการปรับตัวสูงขึ้นของมูลค่าตลาด อีกทั้งผลจากการผ่าน Stress test ของเฟดในรอบล่าสุด ทำให้ธนาคารเหล่านี้สามารถเดินหน้าประกาศซื้อหุ้นคืน ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรต่อหุ้นและความเชื่อมั่นของตลาดต่อไป

นอกจากกลุ่มธนาคารแล้ว ยังมีผลประกอบการของหุ้นเทคโนโลยีสำคัญ TSMC ที่รายได้ไตรมาสล่าสุดออกมาดีกว่าคาด สะท้อนดีมานด์ของชิป AI ที่ยังแข็งแกร่ง โดยแต่ตลาดจะโฟกัสไปที่ Margin และต้นทุนขยายโรงงานในสหรัฐฯ รวมถึงการรายงานของ ASML ที่ตลาดจะจับตาอัตราการเติบโตของยอดขายเครื่อง EUV และ Margin จาก supply chain ที่ยังตึงตัว ขณะที่ฝั่งสื่อบันเทิงจะมีการรายงานงบของ Netflix ซึ่งคาดว่า EPS จะเติบโตโดดเด่นจากการขยายฐานผู้ใช้ ad-supported tier และ Original content ส่วน American Express ที่ถือเป็นตัวแทนของกำลังซื้อฝั่งผู้บริโภคสหรัฐฯ ก็จะได้รับการจับตาอย่างใกล้ชิดเช่นกัน โดยคาดว่ารายได้และกำไรยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องจากฐานลูกค้าพรีเมียมและการใช้จ่ายผ่านบัตรที่สูง

นอกจากปัจจัยงบการเงิน ยังมีประเด็นความไม่แน่นอนเรื่องมาตรการภาษีนำเข้าและการโต้ตอบระหว่างประเทศ ซึ่งอาจกระทบบรรยากาศการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในฝั่งสหรัฐฯ ที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อ CPI และ PPI ที่ตลาดคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นจากผลกระทบภาษีนำเข้า รวมถึงยอดค้าปลีกและความเชื่อมั่นผู้บริโภคมหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งจะสะท้อนแนวโน้มการใช้จ่ายของครัวเรือ เศรษฐกิจจีน แนะนำให้ติดตามตัวเลข GDP 2Q25 ที่คาดว่าจะเติบโต 5.1% ชะลอลงจาก 5.4% ในไตรมาสก่อน รวมถึงราคาบ้าน การส่งออก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุนสินทรัพย์ถาวร ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในระยะต่อไป

เรามีมุมมองที่ดีขึ้นต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หลังเห็นนักวิเคราะห์เริ่มปรับประมาณการกำไรขึ้น โดยคาดว่าการปรับประมาณการกำไรจะเร่งตัวมากขึ้นจากผลประกอบการหุ้นสหรัฐฯ ใน 2Q25 ที่น่าจะออกมาดีกว่าคาด ประกอบกับนโยบายการคลัง "One Big Beautiful Bill" ที่จะช่วยให้ตลาดหุ้นสามารถซื้อขายบน PE Ratio ที่สูงได้ สำหรับคำแนะนำการลงทุน เรามี Satellite Portfolio ใหม่สำหรับระยะ 12 เดือนข้างหน้า คือ KKP TECH-UH ที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม Technology และ Communication Services ของสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะมีผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่งสวนทางกับกลุ่มอื่น

พร้อมแนะนำให้ทยอยลงทุน K-GSELECTU-A(A) เป็น Core Portfolio ในจังหวะที่ตลาดปรับฐาน ด้านตราสารหนี้ ด้วยอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี สหรัฐฯ ที่อยู่ใกล้ 4.5% เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนที่มีสัดส่วนตราสารหนี้น้อยเข้าลงทุนผ่านกองทุน UGISFX-N ที่เน้นตราสารหนี้คุณภาพดีโดยมีอันดับเครดิตเฉลี่ยที่ AA- และเนื่องจากค่าบาทแข็งค่า แนะนำเลือก Unhedged Class สำหรับทั้ง 3 กองทุนข้างต้นเพื่อลดต้นทุนค่า Hedge

สำหรับ Satellite Portfolio ระยะสั้น 3-6 เดือน เราแนะนำ ONE-FFI เพื่อเก็งกำไรจากค่าบาทที่แข็งเกินไป โดยกองทุนลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้นแบบ Unhedged ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนเมื่อค่าบาทอ่อนค่า เราแนะนำให้ทยอยสะสมในกรอบ 32-33.5 บาท/ดอลลาร์ และตัดขาดทุนเมื่อค่าบาทแข็งกว่า 31.50 บาท โดยมีเป้าหมายกำไรที่ 35 บาท/ดอลลาร์

Implication

Initiate buy (11 July 2025)

Satellite port (สำหรับช่วง 6 - 12 เดือน)

KKP TECH-UH: กองทุนหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก iShares Expanded Tech หรือ IGM (ETF) เน้นลงทุนในกลุ่ม Technology, Communication Services และ Consumer Discretionary โดยมี Top 10 Holding เป็น Nvidia, Apple, Meta, Microsoft, Broadcom, Alphabet, Netflix, Oracle และ Palantir ซึ่งเรามองว่าจะได้ปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่ดีต่อเนื่อง ภายหลัง Oracle และ Micron มีผลประกอบการที่ดีกว่าคาด รวมถึง TSMC ที่รายงานรายได้ 2Q25 มากกว่าคาดและเติบโต 39% YoY

สำหรับกลุ่มเทคฯ สหรัฐฯ สัปดาห์นี้ติดตามการรายงานผลประกอบการของ TSMC, ASML และ Netflix เราแนะนำซื้อ IGM (ETF) โดยมีกรอบการลงทุนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

Buy lists

Satellite port (สำหรับช่วง 6 - 12 เดือน)

K-JP-A(D): กองทุนหุ้นญี่ปุ่นที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Lazard Japanese Strategic มีสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มการเงินราว 20% โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลงเล็กน้อย จากการเจรจาการค้าที่ทรัมป์ขู่จะเพิ่มภาษีนำเข้าจากญี่ปุ่นสูงถึง 30-35% และและยืนยันไม่ยกเลิกแผนเก็บภาษีรถยนต์ในอัตราสูง ด้านญี่ปุ่นเองไม่ยอมรับข้อเสนอการนำเข้าข้าวจากสหรัฐฯ แม้จะเผชิญการขาดแคลนข้าวอย่างหนักจนราคาพุ่งขึ้นเป็นสองเท่า เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกรที่เป็นฐานเสียงก่อนการเลือกตั้งสภาสูงวันที่ 20 กรกฎาคม

สำหรับญี่ปุ่น สัปดาห์นี้ให้ติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ, การรายงานการส่งออก และอัตราเงินเฟ้อทั่วประเทศที่คาดว่าจะชะลอตัวลงตามอัตราเงินเฟ้อในกรุงโตเกียว เรายังคงคำแนะนำซื้อเมื่อดัชนี Topix มีการย่อตัวลง โดยมีกรอบการลงทุนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

TUSFIN-A: กองทุนหุ้นกลุ่มการเงินในสหรัฐฯ ลงทุนผ่านกองทุนหลัก XLF (ETF) โดยหุ้นในกลุ่มการเงินสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง Underperform ในสัปดาห์ล่าสุด ภายหลังจากที่เพิ่งขึ้นทำ All time high หลักๆ แล้วมาจากการปรับตัวลงของหุ้นธนาคารที่ระมัดระวังก่อนการรายงานผลประกอบการ รวมถึงการถูก HSBC ปรับลดมุมมอง นอกจากนี้หุ้นในกลุ่ม Payment gateway เผชิญแรงขายหลังจาก JPMorgan ประกาศจะเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการเข้าถึงข้อมูลบัญชีธนาคารของลูกค้า ซึ่งเดิมให้ใช้ได้ฟรี

สำหรับกลุ่มการเงินสหรัฐฯ สัปดาห์นี้ให้ติดตามการรายงานผลประกอบการของ JPMorgan, Bank of America, Wells Fargo, Citi, Goldman Sachs, Morgan Stanley และ American Express เราคงคำแนะนำซื้อเมื่อ XLF (ETF) มีการย่อตัวลง โดยมีกรอบการลงทุนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

KT-CHINA-A: กองทุนหุ้นจีน ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Blackrock BGF China Fund ซึ่งลงทุนหุ้นจีน All China โดยปัจจุบันเน้นการลงทุนใน H-Shares ราว 60% และ A-Shares ราว 20% โดยตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังมีรายงานว่าอาจมีการประชุมระดับสูงของรัฐบาลจีนเพื่อพิจารณามาตรการฟื้นฟูภาคอสังหาฯ รวมถึงเตรียมเดินหน้าปฏิรูปฝั่งอุปทาน (supply-side reform) รอบใหม่ มุ่งควบคุมการขยายกำลังผลิตส่วนเกินในอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น เหล็ก พลังงานแสงอาทิตย์ และรถยนต์ไฟฟ้า หลังเกิดปัญหา oversupply และราคาสินค้าตกต่ำ

สำหรับจีน สัปดาห์นี้ให้ติดตามชุดตัวเลขเศรษฐกิจอย่าง GDP 2Q25, ราคาบ้าน, การส่งออก, การผลิต, การบริโภค และการลงทุน เราคงคำแนะนำซื้อสำหรับกรอบการลงทุนใน 12 เดือนข้างหน้า โดยให้ทยอยลงทุนเมื่อดัชนี MSCI China ย่อตัวลง

Satellite port (สำหรับช่วง 3 - 6 เดือน)

ONE-FFI: กองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนใน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้นโดยปัจจุบันมี Port Duration ที่ 5 เดือน 26 วัน และมี Yield to Maturity ที่ 4.06% ต่อปี กองทุนไม่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Unhedged) ซึ่งเปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เรามองว่าค่าเงินบาทแข็งค่ามากเกินไปตรงข้ามกับปัจจัยพื้นฐาน

เราแนะนำลงทุนเมื่อ USD/THB อยู่ในกรอบ 32 – 33.50 โดยมีเป้าหมายการทำกำไรที่ 35/USD และจุดตัดขาดทุนที่ 31.5/USD

Holding lists

Satellite port (สำหรับช่วง 6 - 12 เดือน)

PRINCIPAL VNEQ-A: กองทุนหุ้นเวียดนาม ลงทุนโดยตรงในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนามหรือมีธุรกิจหลักในเวียดนามและ ETF โดย ณ วันที่ 30 พ.ค. 2025 กองทุนมีสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มการเงินมากที่สุดในพอร์ตราว 38% ลดลงจาก 44% ในเดือนก่อนหน้า ด้านดัชนี VN Index ปรับตัวขึ้นทำ New High ต่อเนื่อง จากแรงหนุนข้อตกลงการค้าเวียดนาม-สหรัฐฯ ที่ลดความเสี่ยงด้านภาษีศุลกากร และการปรับเพิ่มมุมมองจาก JPMorgan ที่ให้เป้าหมาย Base Case ที่ 1,500 จุด

เราแนะนำให้ขาย เมื่อสถานะการลงทุนกลับมามีกำไร

เปิดพอร์ตลงทุนกองทุนรวมกับ KS ลงทุนได้หลากหลาย บลจ. >> https://ksecurities.co/Open-Account_Fund

Follow us :

LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA

Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook

Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram

Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter

YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube

Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads

#KS #หลักทรัพย์กสิกรไทย #กองทุน #ผลตอบแทน #หุ้นไทย #การลงทุนหลักทรัพย์ #FUND #กลยุทธ์การจัดพอร์ต

KKP TECH-H/ KKP TECH-UH หุ้นเทคไปต่อ กระแส AI ไม่แผ่วดันงบเติบโตแกร่ง
13 ก.ค. 2568

KKP TECH-H/ KKP TECH-UH หุ้นเทคไปต่อ กระแส AI ไม่แผ่วดันงบเติบโตแกร่ง

6 กองทุนแนะนำจาก KS ประจำเดือนกรกฏาคม
6 ก.ค. 2568

6 กองทุนแนะนำจาก KS ประจำเดือนกรกฏาคม

Smart Fund Tips: กองทุนรวมมีค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง?
6 ก.ค. 2568

Smart Fund Tips: กองทุนรวมมีค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง?

TACTICAL ASSET ALLOCATION กลยุทธ์การจัดพอร์ต กองทุนรวมเดือนกรกฎาคม
5 ก.ค. 2568

TACTICAL ASSET ALLOCATION กลยุทธ์การจัดพอร์ต กองทุนรวมเดือนกรกฎาคม

Smart Fund Tips: Active VS Passive Fund ต่างกันอย่างไร?
28 มิ.ย. 2568

Smart Fund Tips: Active VS Passive Fund ต่างกันอย่างไร?

KS FUND TOP PICK 23 - 27 มิ.ย. 2025
23 มิ.ย. 2568

KS FUND TOP PICK 23 - 27 มิ.ย. 2025