KS FUND TOP PICK 21 - 25 เม.ย. 2025


KS FUND TOP PICK 21 - 25 เม.ย. 2025
ลุ้นสงครามการค้าพบทางออก จับตาผลประกอบการ Magnificent 7
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกทยอยฟื้นตัวหลังสงครามการค้ามีแนวโน้มผ่อนคลายลง นำโดยตลาดหุ้นอินเดีย (Nifty 50) เพิ่มขึ้น 4.5%, ตลาดหุ้นยุโรป (Stoxx 600) เพิ่มขึ้น 4% และตลาดหุ้นญี่ปุ่น (Topix) เพิ่มขึ้น 3.7% หลังจากทรัมป์ประกาศผ่อนผันภาษีสินค้าเทคโนโลยีจากจีนชั่วคราวในช่วงต้นสัปดาห์ ประกอบกับระหว่างสัปดาห์มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากับญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P 500) แม้จะปรับตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ขานรับผลประกอบการหุ้นกลุ่มธนาคาร อย่าง JPMorgan, Bank of America, Wells Fargo, Citigroup, Morgan Stanley และ Goldman Sachs ที่ออกมาดีกว่าคาด แต่ปิดสัปดาห์ด้วยการปรับตัวลดลง 1.5% จากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ หลังทางการสหรัฐฯ เพิ่มมาตรการควบคุมการส่งออกชิป Nvidia H20 และ AMD MI308 ไปยังจีน รวมถึงความผิดหวังจากการแถลงของ Powell ที่แสดงจุดยืนชัดเจนว่าเฟดจะยังไม่รีบลดอัตราดอกเบี้ยและปฏิเสธที่จะเข้าแทรกแซงตลาดหุ้น แม้จะมีความเสี่ยงจากนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
ในสัปดาห์นี้ ปัจจัยมหภาคค่อนข้างเบาบาง โดยเรามองว่าการเจรจาภาษีนำเข้าจะยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของตลาด หลังประธานาธิบดีทรัมป์แสดงท่าทีเปิดรับข้อเสนอจากประเทศคู่ค้า โดยญี่ปุ่นได้เริ่มต้นการเจรจาแล้ว และมีแผนจะหารือเพิ่มเติมภายในเดือนเมษายนนี้ ขณะที่ทรัมป์ยังระบุว่ามั่นใจ 100% ว่าจะบรรลุข้อตกลงกับยุโรปได้ก่อนหมดระยะเวลาผ่อนผัน และแสดงท่าทีผ่อนคลายต่อการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน โดยชี้ว่าอาจไม่จำเป็นต้องปรับเพิ่มภาษีเพิ่มเติม เพราะอาจกระทบพฤติกรรมผู้บริโภค
เรามองว่าหากมีความคืบหน้าในการเจรจากับจีน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีแผนหารืออย่างเป็นทางการ จะถือเป็นปัจจัยเชิงบวกที่ช่วยลดแรงกดดันจากประเด็นสงครามการค้า และหนุนบรรยากาศการลงทุนได้ในระยะสั้น
นอกเหนือจากประเด็นมหภาคแล้ว สัปดาห์นี้ตลาดจะเริ่มเข้าสู่ช่วงของการรายงานผลประกอบการจากกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม Magnificent 7 นำโดย Tesla และ Google หลังจากสัปดาห์ก่อนมีรายงานงบจากกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์บางรายที่ออกมาแบบผสมผสาน โดย ASML เผยยอดคำสั่งซื้อใหม่ต่ำกว่าคาด ขณะที่ TSMC รายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาดในทุกด้านจากความต้องการชิป AI ที่แข็งแกร่ง สำหรับรอบนี้ ตลาดจะจับตา Tesla ว่าจะรับมือกับยอดส่งมอบรถที่ต่ำกว่าคาดอย่างไร พร้อมติดตามแผนรถรุ่นราคาย่อมเยาและความคืบหน้า Full Self-Driving ส่วน Google โฟกัสหลักจะอยู่ที่แนวโน้มการเติบโตของ Google Cloud รวมถึงรายได้จากโฆษณาท่ามกลางสัญญาณเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอลง
เราประเมินว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง (Sideways up) เนื่องจากมีสัญญาณบวกจากท่าทีประนีประนอมในประเด็นการค้าระหว่างประเทศ ที่ช่วยคลายความกังวลและทำให้ Sentiment ของตลาดดูดีขึ้น และคาดว่าตลาดน่าจะเริ่มมองหาสินทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง นอกจากนี้ การรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ (Magnificent 7) ซึ่งครั้งนี้ความคาดหวังของตลาดอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์การเติบโตไม่ได้สูงกว่า Guidance เหมือนครั้งก่อนๆ กอปรกับระดับราคาที่ปรับตัวลงมามาก ทำให้ความเสี่ยงด้านลบมีจำกัด ขณะที่หากผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด ราคาหุ้นมีโอกาสตอบสนองเชิงบวกได้มากกว่า
มุมมอง KS
Satellite port (สำหรับช่วง 6 - 12 เดือน)
K-JP-A(D): กองทุนหุ้นญี่ปุ่นที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Lazard Japanese Strategic มีสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มการเงินราว 25% โดยมีปัจจัยบวกจากการเติบโตของค่าจ้างหนุนการบริโภคในประเทศ การที่ BOJ ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเป็นการรักษาสภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลาย โดยล่าสุดดัชนี Topix ฟื้นตัวขึ้นจากความคืบหน้าการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ และปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งจากการที่ Bloomberg Consensus ยังปรับประมาณการกำไรขึ้น
สำหรับญี่ปุ่น สัปดาห์นี้มีตัวเลขที่ต้องติดตาม คือ S&P Global Manufacturing และ Services PMI ที่ตลาดคาดว่าจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยและอัตราเงินเฟ้อในกรุงโตเกียว ที่คาดว่าจะกลับมาเร่งตัวขึ้น โดยหากดัชนี Topix มีการอ่อนตัวลง เรามองเป็นจังหวะซื้อสำหรับกรอบการลงทุนใน 12 เดือนข้างหน้า
TUSFIN-A: กองทุนหุ้นกลุ่มการเงินในสหรัฐฯ ลงทุนผ่านกองทุนหลัก XLF ETF โดยล่าสุดหุ้นในกลุ่มการเงินสหรัฐฯ รายงานผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด รวมถึงกลุ่มบัตรเครดิตอย่าง AMEX ที่สะท้อนการใช้จ่ายยังแข็งแกร่ง และยังคงเป้าการเติบโตของรายได้ทั้งปีไว้ตามเดิม เรามองหุ้นในกลุ่มการเงินมีโอกาสฟื้นตัวได้ดีกว่ากลุ่มอื่น หากตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมารีบาวด์ได้ จากการที่หุ้นในกลุ่มการเงินถูกปรับประมาณการกำไรโดดเด่นที่สุดในสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากการลดดอกเบี้ยของเฟดและนโยบายการคลัง เช่น การลดภาษีนิติบุคคลและการลดกฎเกณฑ์สำหรับภาคธุรกิจการเงินที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
สำหรับกลุ่มการเงินสหรัฐฯ สัปดาห์นี้มีตัวเลขที่ต้องติดตาม คือ S&P Global Manufacturing และ Services PMI ที่ตลาดคาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ทั้ง 2 อุตสาหกรรม โดยเราคงคำแนะนำซื้อสำหรับกรอบการลงทุนใน 12 เดือนข้างหน้า
Satellite port (สำหรับช่วง 3 - 6 เดือน)
KT-INDIA-A(A): กองทุนหุ้นอินเดีย ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Invesco India Equity เน้นการลงทุนในบริษัทที่มีการเติบโตอย่างมีคุณภาพ (Quality Growth) โดยเรามีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นหลังดัชนี Nifty 50 ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นในสัปดาห์ล่าสุด กลับขึ้นมาอยู่ในจุดที่สูงกว่าช่วงก่อน Reciprocal tariffs สะท้อนถึง Sentiment ที่ผ่อนคลายลงของนักลงทุน ประกอบกับการปรับประมาณการกำไรของดัชนี Nifty 50 จาก Bloomberg consensus ที่พลิกกลับมาเป็นบวกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 1 เดือน
เราแนะนำให้ซื้อเมื่อดัชนี Nifty 50 สามารถยืนได้ในกรอบ 23,000 – 24,000 โดยมีเป้าหมายดัชนีที่ 25,200 จุด และจุดตัดขาดทุนที่ 22,000 จุด

เปิดพอร์ตลงทุนกองทุนรวมกับ KS ลงทุนได้หลากหลาย บลจ. >> https://ksecurities.co/Open-Account_Fund
Follow us :
LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA
Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook
Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram
Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter
YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube
Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads