Mutual Fund

ลงทุนหุ้นจีน รับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ KT-CHINA-A

ทำไมต้องลงทุนหุ้นจีนในระยะ 12 เดือนข้างหน้า?

1. กำไรบริษัทจีนไม่ได้พึ่งพาส่งออกอย่างในอดีต : กำไรตลาดหุ้นจีน (EPS) โดยรวมนั้นพึ่งพาการส่งออก (Export) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญนับจาก Trump 1.0 (Fig 1)

2. Valuation ถูกเมื่อเทียบกับการเติบโตและความเสี่ยง : ปัจจุบันหุ้นจีน (MSCI China: All Share) ซื้อขายในระดับมูลค่าที่ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปี (-0.5SD Forward PER 5 ปี) อีกทั้งยังมีอัตราการเติบโตของกำไรปี 2025 ในระดับสองหลักที่ 10.47%

3. ราคาหุ้นปัจจุบันรับเรื่องภาษีนำเข้าไปมากแล้ว : ราคาหุ้นจีนมีการปรับตัวลดลง ในขณะที่การฟื้นตัวยังช้ากว่าตลาดหุ้นอื่นๆ โดยเปรียบเทียบ

4. รัฐบาลจีนจะทยอยออกมาตรการกระตุ้นการบริโภค : หลังการประชุม Politburo ช่วงปลายเดือนเมษายน ผู้นำจีนสี จิ้นผิงยืนยันว่าจะมีการออกมาตรการเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วงต่อจากนี้ นับเป็นจังหวะที่ดีแก่การทยอยสะสม (Fig 2)

ความเสี่ยงของหุ้นจีนคืออะไร?

1. ความผันผวนของตลาดระยะสั้น

ตลาดหุ้นจีนมีโอกาสแกว่งตัวผันผวนตามความคืบหน้าด้านการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ

2. กำไรตลาดถูกกดดันจากภาษี

หากการรายงานผลประกอบการช่วงพฤษภาคมออกมาชะลอตัวอาจจะเกิดแรงขายออกมาในระยะสั้น

นักลงทุนควรลงทุนอย่างไร?

1. KS แนะนำลงทุนหุ้นจีนไม่เกิน 10% สำหรับ Satellite Port (12 เดือน)

2. เข้าลงทุนเมื่อตลาดชะลอตัว สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสัดส่วนการลงทุนในจีนเราแนะนำให้แบ่งการลงทุนออกเป็น 2 – 3 ครั้ง โดยสามารถลงทุนได้ในครั้งแรก ณ ปัจจุบัน และทยอยลงทุนเมื่อดัชนี MSCI China ย่อตัว

3. สำหรับนักลงทุนที่มีกองทุนจีนอยู่แล้ว ทำอย่างไร? แนะนำให้ถือกองทุนเดิมไว้ แต่ควรเป็น All Share และทยอยเข้าลงทุน KT-CHINA-A เพิ่มเติมเพื่อให้ได้สัดส่วนตามที่ตั้งเป้าไว้

KT-CHINA-A กองทุนเปิดเคแทม ไชน่า อิควิตี้ ฟันด์ ชนิดสะสมมูลค่า

ความเสี่ยง 6

ลงทุนผ่านกองทุนหลัก BGF China Fund ซึ่งลงทุนในหุ้นจีน All-Shares ที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศจีน จำนวน 30-60 หลักทรัพย์ บริหารเชิงรุก เน้นการลงทุนแบบยืดหยุ่นทั้งในแง่ภูมิภาค ขนาด และสไตล์ ปรับพอร์ตตามสภาวะตลาด เพื่อจับโอกาสในทุกมิติของตลาดจีนที่เปลี่ยนแปลง

Source: KS Research, KS Business Development, Bloomberg, Fund Factsheet as of 06/05/25