ปลุกความสวยในตัวคุณ ลงทุนในหุ้นเครื่องสำอางค์ชั้นนำระดับโลก


ปลุกความสวยในตัวคุณ ลงทุนในหุ้นเครื่องสำอางค์ชั้นนำระดับโลก
“ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” เชื่อว่าในยุคนี้เป็นยุคที่ผู้คนต่างหันมาดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น เครื่องสำอางค์จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับเรา แม้ในช่วง COVID-19 ระบาด ที่ทุกคนต้องใส่ Mask ออกจากบ้าน แต่หลายคนก็ยังเขียนคิ้ว,ดัดขนตา ทาปาก เพื่อปลุกความสดใสให้ตัวเองอยู่เสมอ อีกทั้งยังช้อปปิ้ง Online ซื้อสินค้า Skincare ต่างๆ เพื่อดูแลตัวเองในช่วง WFH นอกจากนี้ธุรกิจเครื่องสำอางค์ยังถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่น่าสนใจในสายตาของนักลงทุน เพราะว่าเป็นธุรกิจที่มีกำไรขั้นต้นสูง (Gross Profit Margin) และสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว เนื่องจากผู้บริโภคยังคงเต็มใจที่จะจ่ายให้สินค้าประเภทนี้อยู่เสมอ โดยสินค้าในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางค์ประกอบด้วย เครื่องสำอางสำหรับแต่งหน้า, ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว, น้ำหอม, ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม (Salon Product) และเครื่องประดับ (พวก Accessories)
บริษัทเครื่องสำอางค์และสกินแคร์ที่น่าสนใจ
Estée Lauder Companies Inc (EL US): บริษัทเจ้าของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์และสกินแคร์รายใหญ่ของโลก จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NYSE ประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวอย่างแบรนด์ในเครือ อาทิ Estée Lauder, Bobbi Brown, MAC Cosmetics, Jo Malone, Tom Ford, La Mer เป็นต้น ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ USD 111,943.4M P/E ปัจจุบันอยู่ที่ 48.41 เท่า กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2021 อยู่ที่ USD6.36 โดยคาดว่าปี 2022-2023 EPS จะอยู่ที่ USD7.44 และ USD8.43 ตามลำดับ (Sourece: Bloomberg)
L'Oreal S.A. (OR FP): ทำธุรกิจผลิตเครื่องสำอางค์และสกินแคร์ชั้นนำระดับโลก มีสินค้าที่ครองใจผู้บริโภคครอบคลุมทั้งกลุ่ม Mass Market ไปจนถึงกลุ่ม Luxury Markeet ตัวอย่างแบรนด์สินค้าในกลุ่ม Mass Market ได้แก่ L'Oreal Paris, Garnier, และ Maybelline ขณะที่กลุ่ม Luxury ได้แก่ Lancome และ Kiehl's นอกจากนี้ยังเด่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม (Salon Sector) ได้แก่ Redken และ L'Oreal Professionnel โดย L'Oreal ถือหุ้นหลักโดย Bettencourt family และ Nestle ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ EUR198,391.7M P/E ปัจจุบันอยู่ที่ 48.52 เท่า กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2020 อยู่ที่ EUR 7.3 โดยคาดว่าปี 2021-2022 EPS จะอยู่ที่ EUR 8.56 และ EUR 9.39 ตามลำดับ (Sourece: Bloomberg)
Inter Parfums Inc (IPAR US): Inter Parfums ทำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำหอมและเครื่องประทินผิว ได้แก่ Karl Lagerfeld, Jimmy Choo, Lanvin, Montblanc, Repetto, S.T. Dupont, และ Van Cleef & Arpels เป็นต้น โดยสินค้าของ Inter Parfums ขายครอบคลุมกว่า 120 ประเทศ รายได้หลักมาจากผู้บริโภคในยุโรปประมาณ 80% ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ USD2,443.4M P/E ปัจจุบันอยู่ที่ 29.36 เท่า กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2020 อยู่ที่ USD1.207 โดยคาดว่าปี 2021-2022 EPS จะอยู่ที่ USD1.950 และ USD2.258 ตามลำดับ (Sourece: Bloomberg)
Shiseido Co, Ltd. (4911 JP): บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจผลิตเครื่องสำอางค์และผลิตภัณฑ์ดูแลด้านความงาม ผิวกาย เส้นผม อาหารเสริม และน้ำหอม ก่อตั้งเมื่อปี 1872 โดยเป็นหนึ่งบริษัทเครื่องสำอางค์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ตัวอย่างแบรนด์ในเครือ ได้แก่ Shiseido, NARS, Laura Mercier, Dolce & Gabbana, Issey Miyake, Elixir และ Senka เป็นต้น รายได้กว่า 40% มาจากการขายสินค้าในจีน ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ JPY2,979.6B คาดการณ์ P/E ปี 2021 ที่ 61.62 เท่า กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2020 อยู่ที่ JPY -29.19 โดยคาดว่าปี 2021-2022 EPS จะอยู่ที่ JPY 120.88 และ JPY 155.01 ตามลำดับ (Sourece: Bloomberg)
Amorepacific Corp (090430 KS) ทำธุรกิจพัฒนาและส่งออกสินค้าเครื่องสำอางค์และสกินแคร์รายใหญ่ของเกาหลี หลายแบรนด์เป็นแบรนด์ฮิตที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี เช่น ETUDE HOUSE, Sulwhasoo, innisfree, Mamonde, Laneige, espoir, LIRIKOS, HERA, IOPE เป็นต้น ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ KRW10,148.5B P/E ปัจจุบันอยู่ที่ 79.95 เท่า กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2020 อยู่ที่ KRW 997 โดยคาดว่าปี 2021-2022 EPS จะอยู่ที่ KWR 4,978 และ KWR 6,525 ตามลำดับ (Sourece: Bloomberg)
ปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตาม
แนวโน้มการทำกำไรในอนาคต ซึ่งบางบริษัทในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเฉพาะการปิดศูนย์การค้าในช่วง Lockdown ที่ทำให้ยอดขายและความสามารถในการทำกำไรลดลง ขณะในบางบริษัทที่สามารถปรับตัวมาสู่ตลาดออนไลน์อาจได้รับผลกระทบไม่มากนัก ซึ่งหากสถานการณ์กลับมาสู่ภาวะปกติ อาจมีแนวโน้มที่การดำเนินงานของกลุ่มอุตสาหกรรมโดยรวมกลับมาดีขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมา
นวัตกรรมด้านความงาม เนื่องจากธุรกิจความงามจะมีการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ นักลงทุนจึงควรติดตามเทรนด์ใหม่ๆ รวมถึงเปรียบเทียบกับบริษัทที่เราสนใจว่ามีการปรับตัวและพัฒนากับตามพฤติของผู้บริโภครวมถึงเทรนด์ในอนาคตหรือไม่
Investor Tip:
Estée Lauder Companies Inc และ Inter Parfums Inc – จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ New York Stock Exchange, ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า “EL US และ IPAR US ซึ่งนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
L'Oreal S.A. - จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ Euronext Paris ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า OR FP โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล EUR เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade lot=1)
Shiseido Co, Ltd. - จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ Tokyo Stock Exchange ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า 4911 JP โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล JPY เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 100 หุ้น (Trade lot=1)
Amorepacific Corp - จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ Korea Exchange ประเทศเกาหลี ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า 090430 KS โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade lot=1)
Source: KS OFFSHORE , CFRA Research ,Bloomberg
เปิดพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ > https://bit.ly/3c3oDs2

KS #KSecurities
Follow us :
LINE : http://bit.ly/KSLINEOA
Facebook: http://bit.ly/2XwGoaa
Instagram: http://bit.ly/332OqIT
Twitter: http://bit.ly/344OVng
YouTube: http://bit.ly/2QAdiFp