Global Invest

แหล่งรวมบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ทั้ง กลยุทธ์การลงทุนโดยการวิเคราะห์ จากปัจจัยพื้นฐานและบทวิเคราะห์ทางเทคนิค บทวิเคราะห์หุ้นรายตัว

Global Invest

แหล่งรวมบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ทั้ง กลยุทธ์การลงทุนโดยการวิเคราะห์ จากปัจจัยพื้นฐานและบทวิเคราะห์ทางเทคนิค บทวิเคราะห์หุ้นรายตัว

รู้จัก Leverage และ Inverse ETFs ตัวช่วยทำกำไรทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง

KS Research Strategy Analysis by KS Research Strategy
7 เมษายน 2568

รู้จัก Leverage และ Inverse ETFs ตัวช่วยทำกำไรทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง

หลายคนอาจสงสัยว่า Leverage และ Inverse ETFs คืออะไร และมีความแตกต่างจากการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนทั่วไปอย่างไร บทความนี้จะพาไปรู้จักกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ พร้อมศึกษาลักษณะผลตอบแทนก่อนการลงทุน

ETF คืออะไร

Exchange-Traded Fund หรือ ETF คือ เครื่องมือการลงทุนที่รวมสินทรัพย์หลากหลายชนิดมาไว้ในหนึ่งกองทุน แล้วนำไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทำให้สามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้น โดย ETF มักใช้ลงทุนตามสินทรัพย์อ้างอิง เช่น ดัชนี S&P 500 สินค้าโภคภัณฑ์ หรือทองคำ เป็นต้น

Leverage และ Inverse ETFs (L&I ETFs) คืออะไร?

ผลิตภัณฑ์ Leveraged/Inverse ETFs (L&I ETFs) เป็นทางเลือกในการลงทุนที่สามารถสร้างโอกาสในการทำกำไรได้ทั้งใน ภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง โดยอาศัยกลไกการลงทุนแบบทวีคูณ (Leverage) หรือตรงกันข้าม (Inverse) กับสินทรัพย์อ้างอิง อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์นี้มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง นักลงทุนจึงควรทำความเข้าใจลักษณะของผลิตภัณฑ์ก่อน ตัดสินใจลงทุน

1. Leverage ETFs

• เป็นกองทุน ETF ที่ทำผลตอบแทนทิศทางเดียวกับสินทรัพย์อ้างอิง เช่น 2 หรือ 3 เท่า หรือเรียกว่า อัตราทด 2 หรือ 3 เท่า

• ใช้เครื่องมือทางการเงินอย่าง Options หรือ Futures ในการทำผลตอบแทนตามอัตราทดที่กำหนดไว้

• ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนลงทุนใน ETF ที่ล้อกับดัชนี Nasdaq 100 โดยมีอัตราทด 2 เท่า เมื่อดัชนีเพิ่มขึ้น 1% ผลตอบแทนของ ETF จะเพิ่มขึ้น 2%

2. Inverse ETFs

• เป็นกองทุน ETF ที่เหมือน Leverage ETFs แต่ออกแบบมาให้ผลตอบแทนสวนทางกับสินทรัพย์อ้างอิง

• ใช้เครื่องมือทางการเงินเช่นเดียวกับ Leverage ETFs (เช่น Options หรือ Futures)

• ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนลงทุนใน Inverse ETF อ้างอิงกับดัชนี S&P 500 เมื่อดัชนีปรับตัวลดลง 1% ผลตอบแทนของ ETF จะเพิ่มขึ้น 1%

ที่มา: Nasdaq

ตัวอย่างประเภทของ L&I ETF

1. 2x ETFs (Leveraged Bull Funds): มีเป้าหมายให้ผลตอบแทน 2เท่า ของผลตอบแทนรายวันของสินทรัพย์อ้างอิง

2. -1x ETFs (Inverse Bear Funds): มีเป้าหมายให้ผลตอบแทนสวนทางกับผลตอบแทนรายวันของสินทรัพย์อ้างอิง 

3. -2x ETFs (Inverse Leveraged Bear Funds): มีเป้าหมายให้ผลตอบแทนสวนทาง 2 เท่าเทียบกับผลตอบแทนรายวันของสินทรัพย์อ้างอิง 

ปัจจัยที่ควรรู้ ก่อนลงทุน Leverage และ Inverse ETFs (L&I ETFs)

Leverage และ Inverse ETFs เป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนสำหรับการทำกำไรในตลาดทั้งขาขึ้นและขาลง แต่ก็มีความเสี่ยง เนื่องจาก L&I ETFs มีการคำนวณมูลค่าของผลิตภัณฑ์เป็นรายวัน (Daily reset) และมีการคำนวณผลตอบแทนแบบทบต้น (Compounding Effect) ซึ่งอาจทำให้การถือครองเกินกว่า 1 วันอาจทำให้ผลตอบแทนเบี่ยงเบนจากดัชนีอ้างอิง และอาจเกิดการขาดทุนโดยเฉพาะในภาวะตลาดที่มีความผันผวน นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ L&I ETFs มีความผันผวนสูงกว่าดัชนีอ้างอิง 

ฉะนั้น การลงทุนใน L&I ETFs จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะสั้นเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น และไม่เหมาะกับการลงทุนระยะยาว นักลงทุนควรศึกษาปัจจัยความเสี่ยงของ L&I ETFs ก่อนตัดสินใจลงทุน

1. Daily Reset 

Leverage และ Inverse ETFs จะต้องรักษาอัตราทดที่ตั้งไว้ เช่น 2 เท่าของดัชนีอ้างอิง เนื่องจากราคาดัชนีเปลี่ยนแปลงทุกวัน ETFs จะต้องปรับมูลค่า "Index Exposure" หรือมูลค่าลงทุนที่สามารถรับได้ เพื่อเป็นกรอบรองรับกรณี ETFs กำไรหรือขาดทุน ซึ่งกระบวนการนี้ในแต่ละวัน เรียกว่า Daily Reset

ตัวอย่าง:

สมมติว่า Leverage ETF ที่มีอัตราทด 2 เท่า มีสินทรัพย์ 100 ล้านดอลลาร์ หมายความว่าต้องมี Index Exposure เท่ากับ 200 ล้านดอลลาร์ (2 เท่าของสินทรัพย์)

• ถ้าดัชนีเพิ่มขึ้น 10% → ETF จะทำกำไร 2 เท่า หรือ 20%

• มูลค่าสินทรัพย์ของ ETF จะเพิ่มเป็น 120 ล้านดอลลาร์ (100 × 1.2)

• ดังนั้น Index Exposure ต้องเพิ่มเป็น 240 ล้านดอลลาร์ (2 เท่าของสินทรัพย์)

หากไม่มีการทำ Daily Reset อัตราทดของ ETF จะเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน แทนที่จะคงที่ที่ 2 เท่าหรือ 3 เท่าตามที่ตั้งไว้

2.Volatility Decay 

แม้ว่า Daily Reset จะช่วยให้ L&I ETFs รักษาอัตราทดตามที่ตั้งไว้ แต่ในช่วงที่ตลาดผันผวน ผลตอบแทนของ ETF อาจเริ่มคลาดเคลื่อนจากดัชนีอ้างอิง เนื่องจากต้นทุนที่เกิดจากการ Daily Rebalancing ทุกวันและผลจากการทบต้นของราคาที่แตกต่างกัน

• วันที่ 1: กำหนดให้ราคาดัชนีและราคา ETF อยู่ที่ 100 ดอลลาร์เหมือนกัน

• วันที่ 2:

ราคาดัชนีปรับขึ้น 10% จาก 100 เป็น 110 ดอลลาร์ (100 x 1.1 = 110)

ราคา ETF (อัตราทด 2 เท่า) จะเพิ่มขึ้น 20% จาก 100 เป็น 120 ดอลลาร์ (100 x 1.2 = 120)

• วันที่ 3: 

ราคาดัชนีลดลง 10% จาก 110 เหลือ 99 ดอลลาร์ (110 x 0.9 = 99)

ราคา ETF (อัตราทด 2 เท่า) จะลดลง 20% จาก 120 เหลือ 96 ดอลลาร์ (120 x 0.8 = 96)

ในกรณีนี้จะเห็นได้ว่าท้ายที่สุดแล้วราคาของ ETF ต่ำกว่าดัชนีอ้างอิง ซึ่งเป็นผลมาจากการทำ Daily Rebalancing และการทบต้นของราคาที่แตกต่างกัน โดยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Volatility Decay

3. อัตราค่าธรรมเนียมสูงกว่า ETF ทั่วไป

L&I ETFs ลงทุนในตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) ซึ่งอาจมีต้นทุนเพิ่มเติม เช่น ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม และค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น

ตัวอย่าง หากเปรียบเทียบระหว่าง SPY (ETF ที่ลงทุนในดัชนี S&P 500) กับ SSO (Leverage ETF 2x ที่ลงทุนในดัชนี S&P 500)

o SPY มีอัตราค่าธรรมเนียมเพียง 0.09% ต่อปี

o SSO มีอัตราค่าธรรมเนียมที่ 0.89% ต่อปี (ค่าธรรมเนียมสูงกว่า)

Source: https://www.etf.com/tools/etf-comparison/SPY-vs-SSO

ตัวอย่างการคำนวณผลตอบแทนใน Leverage และ Inverse ETFs (L&I ETFs) เมิ่อเทียบกับดัชนีอ้างอิง

กรณีที่ 1 : แนวโน้มขาขึ้น (Continuous Upward Trend)

สมมติว่า Leverage ETF ที่มีอัตราทด 2 เท่า (2X Leverage ETF) ราคา 100 หน่วยเท่ากับดัชนีอ้างอิง โดยกำหนดให้ดัชนีอ้างอิงเพิ่มขึ้นวันละ 10% ในเวลา 4 วันทำการติดต่อกัน

• ผลตอบแทนของ 2X leveraged ETF จะดีกว่าสองเท่าของผลตอบแทนสะสมของดัชนีอ้างอิง หากถือครองมากกว่าหนึ่งวันทำการ (กรณีไม่มีค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการและไม่มีความคลาดเคลื่อนในการติดตามดัชนีอ้างอิง)

• จากรูปภาพจะเห็นว่า เมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นวันละ 10% ใน 4 วัน ผลตอบแทนสะสมอยู่ที่ 46% ขณะที่ 2X Leverage ETF ทำผลตอบแทนสะสมสูงถึง 107% จะเห็นได้ว่า 2X Leverage ETF ทำผลตอบแทนได้มากกว่าสองเท่าของดัชนีอ้างอิง

กรณีที่2 : แนวโน้มขาลงต่อเนื่อง (Continuous Downward Trend)

สมมติว่า Leverage ETF ที่มีอัตราทด 2 เท่า (2X Leverage ETF) ราคา 100 หน่วยเท่ากับดัชนีอ้างอิง โดยกำหนดให้ดัชนีอ้างอิงลดลงวันละ 10% ในเวลา 4 วันทำการติดต่อกัน

• ผลตอบแทนของ 2X leveraged ETF จะปรับลดลงน้อยกว่าสองเท่าของผลตอบแทนสะสมของดัชนีอ้างอิงหากถือครองมากกว่าหนึ่งวันทำการ (กรณีไม่มีค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการและไม่มีความคลาดเคลื่อนในการติดตามดัชนีอ้างอิง)

• จากรูปภาพจะเห็นว่า เมื่อดัชนีปรับตัวลงวันละ 10% ใน 4 วัน ผลตอบแทนขาดทุนสะสม 34% ขณะที่ 2X Leverage ETF ผลตอบแทนขาดทุนสะสมถึง 59% จะเห็นได้ว่า 2X Leverage ETF ทำผลตอบแทนขาดทุนได้น้อยกว่าสองเท่าของดัชนีอ้างอิง

กรณีที่3 : แนวโน้มการเคลื่อนไหวในกรอบแคบ (Sideway trend)

สมมติว่า Leverage ETF ที่มีอัตราทด 2 เท่า (2X Leverage ETF) ราคา 100 หน่วยเท่ากับดัชนีอ้างอิง โดยกำหนดให้ดัชนีเคลื่อนไหวขึ้นลงในกรอบแคบใกล้เคียงกับราคาต้นทุน ในเวลา 4 วันทำการติดต่อกัน

• ผลตอบแทนของ 2X leveraged ETF จะปรับลดลงต่ำกว่าผลตอบแทนสะสมของดัชนีอ้างอิง หากถือครองมากกว่าหนึ่งวันทำการ (กรณีไม่มีค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการและไม่มีความคลาดเคลื่อนในการติดตามดัชนีอ้างอิง)

• จากรูปภาพจะเห็นว่า เมื่อดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบจนกลับมาจุดเดิม ใน 4 วัน ผลตอบแทนสะสมจะกลับสู่ราคาต้นทุน (0%) ขณะที่ 2X Leverage ETF กลับทำผลตอบแทนขาดทุน 7% จะเห็นได้ว่า 2X Leverage ETF ทำผลตอบแทนขาดทุนได้มากกว่าสองเท่าของดัชนีอ้างอิง

ที่มา: Nasdaq

L&I ETFs เหมาะ/ไม่เหมาะสม กับใคร?

เหมาะสม

• นักลงทุนที่เข้าใจและยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดการขาดทุนครั้งใหญ่ภายในระยะเวลาสั้นๆ 

• นักลงทุนที่เข้าใจลักษณะเฉพาะและคุณสมบัติด้านผลตอบแทนของกองทุนที่มุ่งหวังผลตอบแทนแบบ leveraged ในแต่ละวัน 

• นักลงทุนที่มีเวลาติดตามและจัดการพอร์ตโฟลิโออย่างสม่ำเสมอ เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพตลาดและผลการดำเนินงานของกองทุน 

• เทรดเดอร์ที่มองโอกาสทำกำไรจากแนวโน้มตลาดในระยะสั้น

ไม่เหมาะสม

• นักลงทุนที่ต้องการความมั่นคง

• นักลงทุนที่ไม่สามารถยอมรับการขาดทุนครั้งใหญ่หรืออาจขาดทุนทั้งหมดในระยะเวลาสั้นๆ 

• นักลงทุนที่ไม่คุ้นเคยกับลักษณะเฉพาะและคุณสมบัติด้านผลตอบแทนของกองทุนที่มุ่งหวังผลตอบแทนแบบ leveraged หรือ inverse ในแต่ละวัน 

• นักลงทุนที่ไม่มีลักษณะการบริหารพอร์ตโฟลิโอที่สามารถปรับเปลี่ยนตามสภาพตลาดได้ทันที (Active Portfolio) และติดตามผลการดำเนินงานของกองทุนได้อย่างใกล้ชิด

จะเห็นได้ว่า L&I ETFs เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เข้าใจลักษณะความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ Leveraged/Inverse ซึ่งออกแบบมาเพื่อผลตอบแทนในระยะสั้น อาจไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะยาว หรือไม่สามารถติดตามการลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ

ลงทุนหุ้นนอกกับ KS ครอบคลุม 40 ตลาดชั้นนำทั่วโลก (เทรด Online 28 ตลาด เทรด Offline 12 ตลาด) เปิดพอร์ตลงทุน >> http://ksecurities.co/Open-Account_GlobalTrade

Source: KS Global Invest, Bloomberg, CFRA Research, Company Report (As of 18/08/2025)

Follow us :

LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA

Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook

Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram

Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter

YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube

Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads

#KS #Ksecurities #หลักทรัพย์กสิกรไทย #หุ้นต่างประเทศ #หุ้นสหรัฐ #หุ้นสหรัฐอเมริกา #หุ้นฮ่องกง #หุ้นยุโรป #หุ้นเทค #ผลตอบแทน #ETF

KS: 10 หุ้นสิงคโปร์ยักษ์ใหญ่สุดในดัชนี STI หลังทำ All Time High ใหม่
13 ก.ย. 2568

KS: 10 หุ้นสิงคโปร์ยักษ์ใหญ่สุดในดัชนี STI หลังทำ All Time High ใหม่

KS: The Magnificent 7 สรุปงบ 2Q25 หุ้น 7 นางฟ้า
12 ก.ย. 2568

KS: The Magnificent 7 สรุปงบ 2Q25 หุ้น 7 นางฟ้า

KS: ส่องงบครึ่งปีแรก 2025 Ping An บริษัทประกันและบริการทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก
12 ก.ย. 2568

KS: ส่องงบครึ่งปีแรก 2025 Ping An บริษัทประกันและบริการทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก

KS: Trip นทท. Inbound พุ่ง 100% Outbound ทะลุ 120% pre-covid
11 ก.ย. 2568

KS: Trip นทท. Inbound พุ่ง 100% Outbound ทะลุ 120% pre-covid

KS: Snowflake รายได้ - EPS เหนือคาดจาก AI หนุนใช้งานจริงบนแพลตฟอร์ม
10 ก.ย. 2568

KS: Snowflake รายได้ - EPS เหนือคาดจาก AI หนุนใช้งานจริงบนแพลตฟอร์ม

Tencent สร้างสถิติรายได้ใหม่ หนุนโดยเกมดัง-เร่งลงทุน AI
5 ก.ย. 2568

Tencent สร้างสถิติรายได้ใหม่ หนุนโดยเกมดัง-เร่งลงทุน AI