KERING ความหรูหรา ... ระดับโลก


KERING ความหรูหรา … ระดับโลก
ในอดีตเราอาจได้ยินประโยคคุ้นหูอย่าง “Diamonds are a girl’s best friend” (มาจากเพลงชื่อดังของศิลปินสุดฮอตในอดีตอย่าง Marilyn Monroe) แต่จะเห็นได้ว่าในยุคหลังๆเพื่อนคู่กายของสาวๆเหล่า Material Girls (Must have items!) กลับกลายเป็นกระเป๋าใบเก่งและเครื่องประดับจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่เป็นเครื่องบ่งบอกถึง Style ความชอบของเหล่าแฟนคลับของแต่ละแบรนด์ อีกทั้งสินค้าแฟชั่นอย่างกระเป๋าและเครื่องประดับจากแบรนด์ชั้นนำยังถูกนำมาเป็นหนึ่งในเครื่องมือการลงทุน เนื่องด้วยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นตามเอกลักษณ์เฉพาะและความต้องการของผู้คนทุกเพศทุกวัย อีกทั้งยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของกำลังซื้อจากประเทศในแถบเอเชียโดยเฉพาะประเทศจีน ที่ถือเป็นนักช้อปตัวยงของสินค้าแบรนด์เนม และคงจะดีไม่น้อยหากนักลงทุนได้เข้ามาร่วมเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าของแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมากมายอย่าง “Kering (KER FP)”
Kering – หนึ่งในบริษัทข้ามชาติผู้ผลิต Luxury Goods ระดับโลกสัญชาติฝรั่งเศสก่อตั้งโดย Francois Pinault เมื่อปี 1963 (สำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส) โดยสินค้าหรูแบรนด์เนมที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในวงการแฟชั่นอย่างมาก ได้แก่ Gucci, Yves Saint Laurent, Bottega Veneta, Balenciaga, Alexander McQueen และ Brioni (Menswear) เป็นต้น ปัจจุบัน Kering มีแบรนด์ใน portfolio ทั้งสิ้น 15 แบรนด์ทั้ง Luxury และ Lifestyle brands โดยแบรนด์หลักที่สร้างรายได้กว่า 82% ประกอบด้วย Gucci (58.7%), Yves Saint Laurent (13.8%) และ Bottega Veneta (9.5%) เป็นรายได้รวมทั้งหมด ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้ากลุ่มเครื่องหนัง รองเท้า และสินค้ากลุ่ม ready-to-wear (พวกเสื้อผ้าสำเร็จรูป) นอกจากนี้ปัจจุบันบริษัทถูกถือหุ้นหลักโดย Artemis SA เป็นหนึ่งใน Family investment vehicle ของ Francois Pinault ผู้ก่อตั้ง Kering (Artemis SA - Holding Company ที่มีพอร์ตการลงทุนด้านแฟชั่น ไวน์ ความหรูหรา ศิลปะ การท่องเที่ยว) โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นกว่า 41.41%
ในเชิงรายได้ยอดขายของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Kering 28% มาจากฝั่งยุโรปตะวันตก, 21% มาจากฝั่งอเมริกาเหนือ, 7% มาจากประเทศญี่ปุ่น, 38% มาจากทวีปเอเชีย และ 6% มาจาก Rest of the World ณ ปัจจุบัน Kering มีมูลค่าตลาด (Market Cap) อยู่ที่ EUR 87Billion, เทรดอยู่ที่ P/E 26.04 เท่า และมี Dividend Yield อยู่ที่ 1.29% (อ้างอิงข้อมูลจากเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2021)
ปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตาม
-จากยอดขายส่วนใหญ่กว่า 38% มาจากประเทศในแถบเอเชีย นักลงทุนจึงควรติดตามแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศดังกล่าว โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งหากเศรษฐกิจเติบโตดี รายได้ประชากรเพิ่มมากขึ้นจะส่งผลต่อกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น และส่งผลบวกต่อรายได้ของบริษัทจากการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้นตามมา
-Brand ถือว่าเป็น Intangible Asset ที่สามารถเพิ่มมูลค่าของตราสินค้าได้ ซึ่งจุดแข็งนี้เป็นปัจจัยสำคัญของบริษัทที่ทำให้ผู้บริโภคยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อได้ครอบครองสินค้าเหล่านี้ ซึ่งเราจะเห็นจากมูลค่าสินค้าอย่างเช่นกระเป๋ายอดฮิตที่มีราคาเพิ่มขึ้นในทุกปี
-การอ่อนค่าของเงิน EUR (EUR Depreciation) อาจส่งผลทำให้กำไรของบริษัทเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากบริษัท Kering มีการส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก การอ่อนค่าของสกุล EUR ทำให้ราคาสินค้าน่าดึงดูดต่อผู้ซื้อในเชิงเปรียบเทียบ ในทางกลับกันการแข็งค่าของเงิน EUR (EUR Appreciation) อาจส่งผลต่อกำไรของบริษัทของบริษัทเช่นกัน
-การปรับตัวในการเพิ่มช่องทางขายผ่าน Online มากขึ้น ซึ่งเป็นไปตาม New Normal ที่ผู้คนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการซื้อขายผ่าน Stand-alone store หรือ Shopping mall ไปสู่การซื้อขายในรูปแบบ e-commerce มากขึ้น อย่างไร บริษัทมีการปรับตัวสร้างฐานแผนคลับสินค้าในโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
-กระแสของศิลปินที่เป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าอาจมีส่วนในการกระตุ้นยอดขายสินค้า อย่างไรตาม นักลงทุนควรพิจารณาแนวโน้มความสามารถในการทำกำไรโดยรวมของบริษัทในอนาคต รวมถึงการเติบโตของประเทศผู้ซื้อหลัก
Investor Tip:
Kering – หนึ่งในบริษัทข้ามชาติผู้ผลิต Luxury Goods ระดับโลก สัญชาติฝรั่งเศส ก่อตั้งโดย Francois Pinault เมื่อปี 1963 (สำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส) เจ้าของแบรนด์ดังอย่างง Gucci, Yves Saint Laurent, Bottega Veneta, Balenciaga, Alexander McQueen และ Brioni (Menswear) เป็นต้น จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ Euronext Paris ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า “KER FP” โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล EUR เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
ที่ผ่านมาราคาเคยขึ้นไปสูงสุดในรอบ 1 ปี อยู่ที่ EUR798 และเคยลงไปต่ำสุดที่ EUR513.3 ขณะที่ราคาในปัจจุบัน (As of 16/12/2021) อยู่ที่ EUR695.9 (ปรับลดลงมา 14.67%)
การครอบครองกระเป๋าแบรนด์เนม 1 ใบ เริ่มต้นที่ราคาประมาณ 30,000-40,000 บาท แต่ด้วยเงินจำนวนเดียวกันนี้เราสามารถเป็นเจ้าของหุ้น Kering ที่เหมือนได้ครอบครองสินค้าแบรนด์เนมหลายแบรนด์พร้อมกันในคราวเดียว
Source: KS OFFSHORE , CFRA Research ,Bloomberg
เปิดพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ > https://bit.ly/3c3oDs2
KSecurities #KS #OffshoreInvestment #หุ้นต่างประเทศ #KERING

Follow us :
LINE : http://bit.ly/KSLINEOA
Facebook: http://bit.ly/2XwGoaa
Instagram: http://bit.ly/332OqIT
Twitter: http://bit.ly/344OVng
YouTube: http://bit.ly/2QAdiFp