Global Invest

Accor ร่วมมือเจ้าภาพ เปิดบ้านรับการแข่งขันบอลโลกครั้งที่ 22

หากพูดถึงเครือโรงแรมระดับโลกที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการทั่วโลก และเป็นหนึ่งในโรงแรมที่หลายคนเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับสิทธิพิเศษต่างๆ เชื่อว่า Accor คงเป็นหนึ่งในชื่ออันดับต้นๆที่หลายต่อหลายคนนึกถึง ด้วยบรรยากาศโรงแรม การบริการ ห้องอาหาร รวมถึงการจัดเลี้ยงที่ได้มาตรฐานสากล จึงกลายเป็นจุดขายหนึ่งที่ดึงดูดให้ผู้คนหลงใหลและอยากเข้ามาพักผ่อนในเครือโรงแรมแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย สมดังสโลแกนของบริษัทอย่าง “Live Limitless”

Accor S.A. – หนึ่งในเครือโรงแรมชั้นนำของโลก เป็นบริษัทข้ามชาติของฝรั่งเศส ก่อตั้งเมื่อปี 1967 โดย Paul Dubrule และ Gérard Pélisson มีโรงแรมกระจายอยู่มากกว่า 110 ประเทศ และรับจ้างบริหารจัดการโรงแรมกว่า 5,100 แห่งทั่วโลก ซึ่ง Accor มีห้องพักให้ลูกค้าเลือกสรรตั้งแต่ชั้นประหยัดจนถึงกลุ่ม Upscale โดยเครือโรงแรมภายใต้ Accor ได้แก่ ibis (economy), hotelF1 (economy), Mercure (mid-scale), และ Sofitel (upscale) ซึ่งโดยส่วนใหญ่ของโรงแรมในเครือจะตั้งอยู่ในกลุ่มประเทศในแถบยุโรปประมาณ 60% เอเชียแปซิฟิก 25% ตะวันออกกลางและแอฟฟริกา 5% แอฟฟริกาใต้ 10% และที่เหลือจะกระจายในแถบอเมริกา รวมถึงแถบแคริบเบียน โดยโรงแรมในเครือ Accor ที่มีในประเทศไทย ได้แก่ Banyan Tree, Sofitel, M Gallery, Pullman, Swissotel, Grand Mercure, Novotel, ibis เป็นต้น

ปัจจุบัน Accor (AC FP) จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Euronext Paris ประเทศฝรั่งเศส ณ ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ EUR 6,419.70 Million ซื้อขายที่ P/S 2.1 เท่า (As of 21/11/2022) โดยราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ อยู่ที่ EUR 34.58 ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์อยู่ที่ EUR 20.47 ขณะที่ราคาปัจจุบัน (as of 21/11/2022) ปิดที่ EUR 56.46

ปัจจัยที่นักลงทุนควรจับตามมอง

Accor ลงนามร่วมมือกับประเทศกาตาร์ ซึ่งเป็นเจ้าภาพ (Host Country) ในการจัดการแข่งฟุตบอลโลก (World Cup) ที่จัดในช่วงวันที่ 20 พฤศจิกายน – 18 ธันวาคม 2565 เป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกที่จัดในอาหรับ และเป็นครั้งที่สองที่จัดในทวีปเอเชียต่อจากฟุตบอลโลก 2002 โดย Accor หนึ่งในเครือโรงแรมรายใหญ่ของยุโรป ถือว่าจะได้รับผลบวกจากแฟนบอลที่แห่เข้าชมฟุตบอลโลกในกาตาร์ รวมถึงการเข้าพักของเหล่านักบอล กรรมการจัดการแข่งขัน ที่ Accor เป็นผู้ให้บริการที่พักหลักของการแข่งขันในปีนี้
สถานการณ์การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวภายหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดดีขึ้น จึงส่งผลบวกต่อกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม และกิจกรรมบันเทิง
แนวโน้มการขยายตัวเข้าซื้อกิจการ หรือการเข้าไปบริหารโรงแรมเพิ่มเติมในช่วงที่ผ่านมา แม้อาจมีวิกฤตที่ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว แต่ท่ามกลางวิกฤตดังกล่าว อาจนำมาซึ่งโอกาสให้เข้าซื้อกิจการที่ดีด้วยราคาที่ไม่แพงมากนัก เพื่อนำมาพัฒนาต่อและสร้างรายได้เพิ่มในอนาคต
แบรนด์ที่แข็งแกร่ง เนื่องจากแบรนด์ถือว่าเป็นหนึ่งใน Intangible Asset ที่สามารถจะเพิ่มมูลค่าและราคาให้แก่บริษัทได้ และกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว คุณภาพการบริการ ความสะอาดที่ได้มาตรฐานสากล ภายใต้แบรนด์ที่น่าเชื่อถือได้ ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจได้ และควรพิจารณาความสามารถในการแข่งขันของบริษัทที่จะเข้าไปลงทุน

Investor Tips:

Accor (AC FP): หนึ่งในเครือโรงแรมชั้นนำของโลก มีโรงแรมกระจายอยู่มากกว่า 110 ประเทศ และรับจ้างบริหารจัดการโรงแรมกว่า 5,100 แห่งทั่วโลก โดยเครือโรงแรมภายใต้ Accor ได้แก่ ibis (economy), hotelF1 (economy), Mercure (mid-scale), และ Sofitel (upscale) จดทะเบียนซื้อขายในตลาด Euronext Paris ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า “AC FP” โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล EUR เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)

นักลงทุนไทยอาจคุ้นเคยกับการลงทุนในหุ้นโรงแรมที่จดทะเบียนในประเทศไทย เช่น เครือโรงแรมเอราวัน ที่ปัจจุบัน ซื้อขายที่ราคา P/S 8.5 เท่า แต่การลงทุนในโรงแรมอย่าง Accor ด้วยราคาซื้อขายที่ P/S เพียง 2.1 เท่า เหมือนนักลงทุนได้ถือหุ้นเครือโรงแรมชั้นนำของ Accor กว่า 5,100 แห่งทั่วโลก

Source: KS OFFSHORE, CFRA Research, Bloomberg, Reuters