Alibaba ยักษ์ใหญ่ e-commerce แดนมังกร

Alibaba – ผู้นำด้านธุรกิจ e-Commerce และ Cloud Computing อันดับต้นๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็น TMALL (เน้นรูปแบบ Business to Consumer) หรือ TAOBAO (เน้นรูปแบบ Consumer to Consumer) โดยจุดเด่นของ Platform ในเครือ Alibaba จะเชื่อมต่อช่องว่างระหว่างผู้ประกอบการและลูกค้ามาซื้อขายผ่าน Platform

การซื้อของออนไลน์ไม่ได้จำกัดเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น เพราะในปัจจุบันการซื้อและส่งสินค้าไปต่างประเทศผ่าน Platform ในเครือ Alibaba Group ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยม และเร่งตัวขึ้นไปอย่างมากในช่วง สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ที่ผู้บริโภคต้องทำการเว้นระยะห่าง (Social Distancing) และถึงแม้ว่าสถานการณ์ Covid-19 จะเริ่มดีขึ้น (ในหลายๆประเทศ) แต่พฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ ได้กลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว (New Normal)

ยิ่งไปกว่านั้น Alibaba เจ้าของ Platform ‘Ali Pay” หรือชื่อที่คนจีนรู้จักดีคือ “Zhi Fu Bao” – ซึ่งเป็น Platform ที่ชาวจีนนิยมซื้อสินค้าและชำระรายการผ่านช่องทางนี้ และในปัจจุบันมีจำนวนร้านค้าที่ยอมรับการชำระสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณไปทั่วโลก นอกเหนือจากนี้ Alibaba ยังคงมีบริการในการส่งสินค้าผ่าน Ali Express (ผู้นำด้าน Logistic ในเครือ Alibaba) อีกด้วย

ปัจจัยที่ต้องจับตามอง

• การปรับตัวเพิ่มขึ้นของ US Bond Yield ทำให้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี เผชิญกับแรงขายเมื่อช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา
  -กฏหมาย Anti-Trust Law ซึ่งป้องกันการผูกขาดในประเทศจีน ได้กดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในจีน และความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลจีนกับ Jack Mao
• การถูกเลื่อน IPO อย่างไม่มีกำหนดและข้อสรุปของ ANT Groups ทำให้หุ้น Alibaba ถูกกดดันอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

Investor Tips :
Alibaba – จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า “9988 HK” โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล HKD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 100 หุ้น (Trade Lot = 100)

อย่างไรก็ดีนักลงทุนสามารถพิจารณาลงทุนในหุ้น Alibaba ที่จดทะเบียนซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐฯ ได้เช่นกัน (ในรูปแบบ ADR – American Depository Receipt) ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า “BABA US” โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1) โดย 1 BABA = 8 หุ้นของ 9988 HK และสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนใน US ADR จะมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ ในการถือครองหุ้นเป็นรายปี นอกเหนือจากค่าคอมมิชชั่นด้วย

Source: KS Offshore, CFRA Research, Bloomberg

เปิดพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ > https://bit.ly/3c3oDs2

KSecurities #KS #OffshoreInvestment #หุ้นต่างประเทศ #BABA

Follow us :
LINE : http://bit.ly/KSLINEOA
Facebook: http://bit.ly/2XwGoaa
Instagram: http://bit.ly/332OqIT
Twitter: http://bit.ly/344OVng
YouTube: http://bit.ly/2QAdiFp