มหกรรมยานยนต์ Motor Expo 2021


มหกรรมยานยนต์ Motor Expo 2021
คงไม่มีใครปฏิเสธว่ามหกรรมยานยนต์ Motor Expo 2021 เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่คนไทยต่างให้ความสนใจมากที่สุด โดยมหกรรมยานยนต์ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 38 ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1-12 ธันวาคม 2564 เชื่อว่าใครตั้งใจจะจับจองหรือเปลี่ยนรถใหม่คงไม่พลาดมหกรรมครั้งนี้อย่างแน่นอน เพราะว่าในงาน Motor Expo ของทุกปีจะมีค่ายรถมากมายตบเท้าเข้ามาอวดโฉมรถรุ่นใหม่พร้อมทั้งนวัตกรรมยานยนต์ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้มาชม ซึ่งนักลงทุนไทยคงคุ้นเคยกับการลงทุนในหุ้นชิ้นส่วนรถยนต์กันเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็น SAT, AH, STANLEY แต่วันนี้เราจะพานักลงทุนไปเยี่ยมชมและทำความรู้จักกับหุ้นบริษัทรถยนต์ในงาน Motor Expo กัน
เริ่มต้นกันที่ทางฝั่งรถยุโรป
คงหนีไม่พ้นค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากประเทศเยอรมันนี Daimler (เจ้าของรถยี่ห้อดังยอดฮิตอย่าง Mercedes-Benz), BMW และ Volkswagen โดยรถยนต์หรูจากทางยุโรปต่างได้รับความนิยมอย่างสูงทั้งในประเทศไทยและประเทศในแถบเอเชีย เนื่องจากช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้กับผู้ขับขี่ อีกทั้งมีจุดเด่นด้านเทคโนโลยีเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ระบบช่วงล่างที่ดี มีนวัตกรรมความปลอดภัย รวมถึงระบบอัตโนมัติที่ช่วยเหลือผู้ขับขี่ ซึ่งจุดเด่นสำคัญของรถยุโรปคือการมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และคนเชื่อมั่นในแบรนด์ จึงทำให้บริษัทสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ได้อย่างดี
Daimler AG (DAI GY): จดทะเบียนซื้อขายในตลาด XETRA German Electronic Exchange ประเทศเยอรมนี ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า DAI GY” โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล EUR เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
Bayerische Motoren Werke AG (BMW GY): จดทะเบียนซื้อขายในตลาด XETRA German Electronic Exchange ประเทศเยอรมนี ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า BMW GY”โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล EUR เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
Volkswagen Group (VOW3 GY): จดทะเบียนซื้อขายในตลาด XETRA German Electronic Exchange ประเทศเยอรมนี ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า VOW3 GY”โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล EUR เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
Ferrari NV (RACE US): เจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NYSE ประเทศสหรัฐฯ ในรูปแบบของ US ADR ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า “RACE US” โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย มีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1) อย่างไรก็ดีนักลงทุนสามารถพิจารณาลงทุนหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ Borsa Italiana ประเทศอิตาลี ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า “RACE IL” โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล EUR เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
ฝั่งรถญี่ปุ่น
ค่ายรถญี่ปุ่นเป็นรถค่ายรถที่คนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มีผู้ใช้งานค่อนข้างมาก ราคาจับต้องได้ และมีฐานกำลังการผลิตอยู่ที่ประเทศไทย โดยค่ายรถญี่ปุ่นหลักๆ ได้แก่ Toyota, Honda, Mazda, Nissan, Subaru เป็นต้น จุดเด่นของรถญี่ปุ่นนอกจากเรื่องราคาแล้ว ยังมีเรื่องค่าซ่อมบำรุงรักษาที่ไม่แพง อะไหล่หาง่าย และทางญี่ปุ่นมีการพัฒนานวัตกรรมอยู่ตลอด
Toyota (TM US): จดทะเบียนซื้อขายในตลาด NYSE ประเทศสหรัฐฯ (ในรูปแบบ ADR) ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า TM US”โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
Honda Motor (HMC US): จดทะเบียนซื้อขายในตลาด NYSE ประเทศสหรัฐฯ (ในรูปแบบ ADR) ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า HMC US”โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
ฝั่งรถจีน
สำหรับรถยนต์ฝั่งจีน แม้จะเป็นน้องใหม่ แต่เป็นน้องใหม่ไฟแรง ที่มีทั้งเทคโนโลยีสมัยใหม่ และราคาที่จับต้องได้ ซึ่งที่ผ่านมาค่ายรถฝั่งจีนได้มีการเข้าไปซื้อค่ายรถทางฝั่งยุโรป ทำให้สามารถดึง Know-How ของทางยุโรปมาใช้พัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ในจีน และนอกจากนี้ทางจีนยังมีจุดเด่นในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งในมหกรรม Motor Expo ครั้งนี้อาจจะมีรถยนต์สัญชาติจีนไม่กี่ค่ายเข้ามาให้ยลโฉมในประเทศไทย แต่ในอนาคตเราอาจได้เห็นรถยนต์จีนในมหกรรมรถยนต์และเข้ามาทำการตลาดในบ้านเราเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
BYD (1211 HK): จดทะเบียนซื้อขายทั้งใน Hong Kong Exchange ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า 1211 HK โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล HKD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 500 หุ้น (Trade Lot = 500)
Great Wall Motor (2333 HK): จดทะเบียนซื้อขายทั้งใน Hong Kong Exchangeซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า 2333 HK โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล HKD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 500 หุ้น (Trade Lot = 500)
XPENG (XPEV US): จดทะเบียนซื้อขายในตลาด NYSE ประเทศสหรัฐฯ (ในรูปแบบ ADR) ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า XPEV US”โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
NIO (NIO US): จดทะเบียนซื้อขายในตลาด NYSE ประเทศสหรัฐฯ (ในรูปแบบ ADR) ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า NIO US”โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
Geely (175: HK): Volvo จดทะเบียนซื้อขายทั้งใน Hong Kong Exchangeซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า 175 HK โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล HKD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 500 หุ้น (Trade Lot = 500)
ผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้า
TESLA INC. (TSLA US): . จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า TSLA US”โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
ปัจจัยที่นักลงทุนควรทราบและจับตามอง
-ปกติแล้วหุ้นชิ้นส่วนรถยนต์ในไทยจะเทรดที่ P/E ประมาณ 10-15 เท่า แต่ว่าเราสามารถเป็นเจ้าของหุ้นรถยนต์ชั้นนำของโลกได้ที่ P/E เริ่มต้นประมาณ 8-9 เท่า (15-30 เท่า สำหรับค่ายรถยนต์ที่มีการเติบโตสูง)
-อุตสาหกรรมรถยนต์ถูกคาดหวังว่าจะได้รับการฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2022
-หุ้นรถยนต์ยักษ์ใหญ่มีฐานรายได้จากกลุ่มลูกค้าทั่วโลก มีแนวโน้มการจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เช่น Toyota, Daimler, BMW, VOW เป็นต้น
-รถยนต์ถือว่าเป็นสินค้าประเภทฟุ่มเฟือย มีการเติบโตเป็นไปตามแต่ละสภาวะทางเศรษฐกิจ
-แบรนด์ถือว่าเป็นหนึ่งใน Intangible Asset ที่สามารถจะเพิ่มมูลค่าและราคาให้แก่บริษัทได้
-การแข่งขันที่ดุเดือดของตลาดรถยนต์ทั่วโลก นักลงทุนจึงควรพิจารณาความสามารถในการแข่งขันของบริษัทที่จะเข้าไปลงทุน
-การปรับตัวของการใช้นวัตกรรมรถ EV CAR ที่จะกลายเป็นหนึ่งใน Megatrend ในอนาคต
Source: KS OFFSHORE , CFRA Research ,Bloomberg
เปิดพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ > https://bit.ly/3c3oDs2
KSecurities #KS #OffshoreInvestment #หุ้นต่างประเทศ #Motor #Expo

Follow us :
LINE : http://bit.ly/KSLINEOA
Facebook: http://bit.ly/2XwGoaa
Instagram: http://bit.ly/332OqIT
Twitter: http://bit.ly/344OVng
YouTube: http://bit.ly/2QAdiFp