APPLE บริษัทแรกของโลก ที่มูลค่าตลาดทะยานแตะ 3 ล้านล้านดอลลาร์ฯ

หากเรากล่าวถึงหนึ่งในแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภค และเสมือนได้เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันแล้ว คงไม่แปลกใจว่าจะต้องมีชื่อ APPLE อยู่ด้วยอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารผ่าน iPhone (โทรศัพท์และแชท), ทำงานผ่าน Mac Computer หรือว่า iPad, ออกกำลังกายควบคู่กับการใช้งาน Apple Watch, ซื้อ Application ผ่าน App Store, เปลี่ยนโทรทัศน์ให้กลายเป็น Smart Television ผ่าน Apple TV และอื่นๆ อีกมากมาย ในสายตาของผู้บริโภคในทุกวันนี้ Apple ไม่ใช่เพียงแค่ตราสินค้านึงเท่านั้น แต่ได้กลายเป็นภาพลักษณ์ไปเสียแล้ว

APPLE – เป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมสินค้าเทคโนโลยีของโลก ก่อตั้งโดย Steve Jobs และ Steve Wozniak เมื่อปี 1976 โดยปัจจุบันมี Tim Cook หรือภายใต้ชื่อเต็มๆ ว่า Timothy Donald Cook เป็นหัวเรือใหญ่ โดย APPLE เป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก (มูลค่าตลาดแตะ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2022) เริ่มต้นจากการผลิตสินค้าเทคโนโลยีนวัตกรรมอย่าง iPod และขยายอาณาจักร iPhone iPad Macbook Airpod เป็นต้น ด้วยจุดแข็งที่มีระบบปฏิบัติการ (iOS) ของตนเองและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งใน Ecosystem จึงทำให้ Apple มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังคงครองใจผู้บริโภคได้อย่างดี นอกจากนี้ Apple ยังมีจุดเด่นเรื่อง Network effect ที่สามารถขยายกลุ่มผู้ใช้งานจากการเชื่อมโยงของผู้ใช้งานเดิมที่ใช้ iOS และบริษัทยังขยายธุรกิจไปในกลุ่ม Healthcare เช่น Apple watch ที่กลายเป็นอีก item ประจำตัวคนรักสุขภาพ และอนาคตยังมีแผนในการพัฒนา Apple car เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตระยะยาวและกระจายความเสี่ยง

ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าตลาดล่าสุดอยู่ที่ USD 2.99 Trillion (as of 3/01/2022) ซึ่งในระหว่างวัน (intraday) ของวันจันทร์ที่ผ่านมา (3/01/2022) ราคาหุ้นมีการปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 2% และนับเป็นบริษัทแรกในสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าตลาดแตะ USD 3 Trillion โดยราคาเปิดรับปีใหม่ของปีที่แล้วเมื่อวันที่ 4/01/2021 ปิดที่ $129.41 ขณะที่ราคาเปิดรับปีใหม่ปีนี้เมื่อวันที่ 3/01/2022 ปิดที่ $182.01 (เพิ่มขึ้น 41%) ที่ผ่านมา APPLE มีราคาสูงสุดในช่วง 52 สัปดาห์ อยู่ที่ $182.88 และราคาต่ำสุดในช่วง 52 สัปดาห์อยู่ที่ $116.21 ปัจจุบันซื้อขายที่ P/E 32.46 เท่า

ประเด็นที่ต้องจับตามอง
-การเปิดตัวของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของค่าย Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone, Ipad, Mac Computer ซึ่งใช้ชิป M1 ที่ผ่านมาได้รับกระแสตอบรับจากผู้บริโภคค่อนข้างดี และถือว่าเป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดด ซึ่งชิป M1 สามารถประมวลผลและควบคุมคุณภาพได้ดีกว่าชิปรุ่นก่อนๆ (ในอดีต Apple ใช้ชิปที่ผลิตจากค่าย Intel มาโดยตลอด)
-แนวโน้มความรุนแรงของการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งหากความรุนแรงของการแพร่ระบาดไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก คาดการณ์ว่าจะทำให้หน้าร้านค้า Apple กลับมาคึกคักอีกครั้งทั่วโลก อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา Apple สามารถปรับตัวและรับมือผลกระทบจากวิกฤต Covid-19 โดยเพิ่มยอดขายผ่านช่องทาง Online มากยิ่งขึ้น
-รายได้ในส่วน Service ได้ปรับเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่า Apple มีการบริหารความเสี่ยงในการกระจายรายได้เป็นอย่างดี ซึ่งรายได้ในส่วนของ Service ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มยอด Subscription ต่างๆ ที่ Apple ให้บริการ นอกจากนี้ในอนาคตยังมีแนวโน้มการพัฒนา Apple Car เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตและกระจายความเสี่ยงของธุรกิจในระยะยาว
-Apple มีตราสินค้า (Brand) ที่มีภาพลักษณ์ดีในสายตาผู้บริโภค และบริษัทมี Network Effect ที่ทำให้เกิดการขยายฐานของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว และระบบ Ecosystem ที่ Apple ได้สร้างขึ้นมาทำให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่ง่าย ผ่านชีวิตประจำวันของผู้บริโภค

Investor Tip:
APPLE Inc. – หนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมสินค้าเทคโนโลยีของโลก เริ่มต้นจากการผลิตสินค้าเทคโนโลยีนวัตกรรมอย่าง iPod และขยายอาณาจักร iPhone iPad Macbook Airpod iMac เป็นต้น จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐฯ ใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า “AAPL US” โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
-การได้ครอบครอง iPhone ต้องใช้เงินขั้นต่ำ 20,000-30,000 บาท แต่เราสามารถเป็นเจ้าของหุ้น Apple ได้เพียงหุ้นละ $182-$185 หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 7,000 บาทเท่านั้น
-บริษัทมีกำไรต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2005 จนถึงปัจจุบัน และเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยที่ผ่านมาจ่ายปีละ 4 ครั้ง มูลค่าเงินปันผลต่อหน่วยเพิ่มขึ้นทุกปี (5Y Dividend Growth ประมาณ 9.18%)

Source: KS OFFSHORE , CFRA Research ,Bloomberg

เปิดพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ > https://bit.ly/3c3oDs2

KSecurities #KS #OffshoreInvestment #หุ้นต่างประเทศ

Follow us :
LINE : http://bit.ly/KSLINEOA
Facebook: http://bit.ly/2XwGoaa
Instagram: http://bit.ly/332OqIT
Twitter: http://bit.ly/344OVng
YouTube: http://bit.ly/2QAdiFp