โอกาสที่ ธปท.จะลดดอกเบี้ยปีนี้ดูน้อยลง
โอกาสที่ ธปท.จะลดดอกเบี้ยปีนี้ดูน้อยลง
ธปท.มองดอกเบี้ยปัจจุบันยังเหมาะสมตามแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
-เราร่วมงานแถลงข่าว Monetary policy forum ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ครั้งที่ 2/2567 โดย ธปท.คงประมาณการการเติบโตของ GDP ปี 2567 ไว้ที่ 2.6% เร่งตัวจาก 1.9% ในปี 2566 ขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น, การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว, และการลงทุนภาครัฐที่เร่งตัวขึ้นในครึ่งหลังของปี 2567 โดยการใช้จ่ายภาคเอกชนคาดว่าจะปรับดีขึ้นโดยเฉพาะในส่วนมาจากผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูง
-ในขณะที่คนระดับรากหญ้ายังได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ขณะที่ด้านภาคการท่องเที่ยวน่าจะได้รับแรงส่งต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเป็น 35.5 ล้านคนในปีนี้ จาก 28.2 ล้านคนในปีที่แล้ว ส่วนการลงทุนภาครัฐอาจเริ่มเร่งตัวได้ตั้งแต่เดือน พ.ค. เป็นต้นไป หลังจาก พรบ. งบประมาณผ่านการพิจารณาจากสภาแล้ว
-ด้านแรงกดดันเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ โดย ธปท.คาดว่าอัตราเงินเฟ้อปี FY2567 จะอยู่ที่ 0.6% ซึ่งต่ำกว่ากรอบเป้าหมายนโยบาย อย่างไรก็ตาม ธปท.มองเห็นความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้ออาจเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปี 2567 จากราคาพลังงานที่สูงขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลาง, ปัญหาเรื่องหมูเถื่อนเริ่มบรรเทาลง รวมถึงมาตรการสนับสนุนด้านพลังงานและค่าครองชีพของภาครัฐที่เริ่มหมดลง โดย ธปท. คาดอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นสู่ขอบล่างของเป้านโยบาย หรือแตะที่ราว 1% ได้ในไตรมาส 4/25667
-ธปท.เชื่อว่านโยบายการเงินในปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ย 2.50% ยังคงเหมาะสมกับเศรษฐกิจไทย จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อในครึ่งหลังของปี 2567 อย่างไรก็ตาม ธปท.จะติดตามข้อมูลเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและพร้อมปรับนโยบายการเงินหากแนวโน้มเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป
โอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายน้อยลงในปี 2567
-รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตอกย้ำถึงโทนของ ธปท.ที่ hawkish ซึ่งทำให้เรามองมีโอกาสน้อยลงที่ ธปท.จะลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 โดย ธปท. ยืนยันว่านโยบายการเงินปัจจุบันยังเหมาะสม เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะดีขึ้น รวมถึงมีความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นในครึ่งหลังของปี 2567 นอกจากนี้ ธปท. เชื่อว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหนึ่งถึงสองครั้งจะไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ แต่อาจทำให้เกิดการสร้างหนี้ที่เพิ่มขึ้นของภาคครัวเรือน ซึ่งจะส่งผลเสียต่อภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในระยะยาว อีกทั้งการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจทำให้เกิดเงินทุนไหลออก และอาจส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลง ส่งผลให้เงินเฟ้อเร่งขึ้นในทางอ้อม
-เราคงมุมมองว่าการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะส่งผลดีต่อกลุ่มธนาคารโดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ แต่เป็นลบต่อกลุ่มการเงิน กลุ่มธนาคารมีแนวโน้มที่จะได้ประโยชน์จากแวดล้อมอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ผู้ประกอบการทางการเงินจะยังคงถูกกดดันจากต้นทุนเงินทุนที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากลักษณะการดำเนินธุรกิจนั้นมีหนี้ในระดับสูง
เปิดพอร์ตลงทุน >> https://ksecurities.co/open-account
ดูข้อมูลหุ้นเพิ่มเติมผ่านแอป KS TRADE+ โหลดเลย >> https://ksecurities.co/KSTradePlus
Follow us :
LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA
Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook
Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram
Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter
YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube
Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads