Strategy

ส่งออกไทย ส.ค. 67 : ส่งออกแข็งแกร่ง แต่อนาคตเริ่มดูท้าทาย

ส่งออกปรับตัวดีขึ้นทุกกลุ่มในเดือนส.ค.2567

กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าการส่งออกของไทยในเดือนส.ค.2567 ที่ 2.61 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.8% MoM และ 7.0% YoY ดีกว่าที่ตลาดมองไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 6.0% YoY ขณะที่การส่งออกไม่รวมเชื้อเพลิง ทองคำและยุทโธปกรณ์ก็เติบโตขึ้น 6.6% YoY การส่งออกขยายตัวดีขึ้นในทุกกลุ่มหลักตั้งแต่สินค้าเกษตรไปจนถึงการผลิต ทั้งนี้ ส่งออกไทยขยายตัวได้แล้ว 4.2% ในช่วง 8 เดือนของปี 2567 เทียบกับเป้าหมายทั้งปี FY2567 ที่ตั้งไว้ที่ 1-2%

ปัจจัยหนุนหลักมาจากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน

ปัจจัยหลักที่หนุนการเติบโตมาจากการส่งออกของภาคการผลิต (+5.2%) ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ (+13.9%) โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน (+74.7%), อัญมณีและเครื่องประดับ (+40.8%), และผลิตภัณฑ์ยาง (+14.9%) และเครื่องจักรและชิ้นส่วน (+23.0%) ขณะที่การส่งออกของกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้น 17.4% หนุนจากกลุ่มอาหาร (+12.5%), ยางพารา (+64.8%), และข้าว (+46.6%)

การส่งออกแข็งแกร่งทั้งตลาดหลักและรอง

การส่งออกเติบโตได้ดีทั้งส่งไปยังตลาดหลัก เช่น ยุโรป (+26.9%), อาเซียน (+8.5%), และจีน (+6.7%) และตลาดรอง เช่น ตะวันออกกลาง (+39.3%), เอเชียใต้ (+22.8%), และลาตินอเมริกา (+28.1%) อย่างไรก็ดี การส่งออกจากไทยไปยังญี่ปุ่นลดลงต่อ 13.2% จากแรงกดดันของสกุลเงินเยนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินบาท

การนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าทุนเพิ่มขึ้น

การนำเข้าเพิ่มขึ้น 8.9% YoY แตะ 2.59 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ในเดือนส.ค.2567 ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 6.5% YoY ด้วยปัจจัยหนุนหลักจากการนำเข้าสินค้าในกลุ่มวัตถุดิบ (+16.2%), และสินค้าทุน (+7.2%) อย่างไรก็ดี การนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ลดลง 23.8%

ไทยเกินดุลการค้าเล็กน้อยในเดือนส.ค.

ประเทศไทยรายงานเกินดุลการค้าที่ 265 ล้านดอลลาร์ฯ ในเดือน ส.ค.2567 ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะสมดุลและดีกว่าที่ขาดดุล 1.37 พันล้านดอลลาร์ฯ ในเดือน ก.ค.2567 อย่างไรก็ดีดุลการค้ายังขาดดุลที่ 6.3 พันล้านดอลลาร์ฯ YTD

คาดส่งออกแข็งแกร่งต่อในไตรมาส 4 แต่แนวโน้มดูท้าทายมากขึ้น

ตัวเลขการส่งออกไทยยืนยันแนวโน้มการเติบโตเชิงบวกของเศรษฐกิจไทยและสนับสนุนธีมลงทุนของเราใน SET สำหรับครึ่งหลังปีนี้ อย่างไรก็ดี หุ้นที่สัมพันธ์กับการส่งออกอาจได้รับแรงกดดันจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรของผู้ส่งออกบางรายอาจได้รับผลกระทบ แต่เราเชื่อว่าผลกระทบเชิงลบต่อการส่งออกของไทยจะยังเห็นผลไม่ชัดจนกว่าจะถึงครึ่งแรกปี 2568 เนื่องจากคาดการส่งออกไทยจะเติบโตขึ้นแข็งแกร่งในไตรมาส 4/2567 จากฐานที่ต่ำปีที่แล้ว เราแนะนำลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เช่น กลุ่มสายการบิน (AAV และ BA), กลุ่มปิโตรเคมี (IVL และ PTTGC) และกลุ่มสาธารณูปโภค (BGRIM และ GPSC)