Daily View

แหล่งรวมบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ทั้ง
กลยุทธ์การลงทุน
โดยการวิเคราะห์ จากปัจจัยพื้นฐานและบทวิเคราะห์ทางเทคนิค บทวิเคราะห์หุ้นรายตัว

Daily View

แหล่งรวมบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ทั้ง
กลยุทธ์การลงทุน
โดยการวิเคราะห์ จากปัจจัยพื้นฐานและบทวิเคราะห์ทางเทคนิค บทวิเคราะห์หุ้นรายตัว

KS Daily View 29 พ.ค. 2025

KS Research Strategy Analysis by KS Research Strategy
29 พฤษภาคม 2568

KS Daily View 29 พ.ค. 2025>>>คาดการณ์ว่า SET Index ของไทยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อยจากวันที่ผ่านมา หนุนโดยกลุ่มพลังงานหลัง OPEC+ มีมติคงกำลังการผลิต และ ภาพเชิงบวกจากต่างประเทศหลัง ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐในนิวยอร์กได้มีคำสั่งระงับไม่ให้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้า

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ดัชนี S&P500 ลดลง 0.56%, Nasdaq Composite ลดลง 0.51% และ Dow Jones ลดลง 0.58% หลังจากรายงานการประชุมเฟดเผยท่าทีระมัดระวังต่อสถานการณ์เงินเฟ้อและการว่างงานที่อาจเพิ่มขึ้นจากผลกระทบของนโยบายภาษีนำเข้าของรัฐบาลทรัมป์ นอกจากนี้หุ้นที่พัฒนา/ผลิตซอฟต์แวร์ออกแบบชิปปรับตัวลงแรงหลังทรัมป์เตรียมขยายการจำกัดการส่งออกไปจีนในสินค้ากลุ่มนี้ อย่างไรก็ตามผลประกอบการของ Nvidia ที่ออกมาช่วงหลังตลาดปิดนั้นค่อนข้างแข็งแกร่งแม้เผชิญมาตรการจำกัดการส่งออกชิปไปจีน ทำให้ S&P 500 future ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,160.74 จุด ลดลง 2.68 จุด (-0.23%) จากการปรับตัวลดลงของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, พลังงาน, และธนาคาร ที่เป็นการปรับลดลงของหุ้นรายตัวจากปัจจัยเฉพาะ ขณะที่หุ้นที่เกี่ยวของกับปิโตรเคมีสาย Olefin มีการปรับตัวขึ้นที่โดดเด่นหลัง spread ในไตรมาสนี้มีการฟื้นตัวเชิง YoY, QoQ อย่างมีนัยสำคัญหลังราคาน้ำมันปรับตัวลดลงแรง ในวันนี้เราคาดว่า SET Index ของไทยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย จากวันที่ผ่านมา ประเมินกรอบ 1,150-1,175 จากภาพของกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะธุรกิจขุดเจาะและโรงกลั่น อาจปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในคืนที่ผ่านมาหลัง OPEC+ มีมติคงกำลังการผลิตและ บริษัทเชฟรอนถูกห้ามดำเนินการผลิตและส่งออกน้ำมันดิบในเวเนซุเอลาโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ประกอบกับภาพเชิงบวกจากต่างประเทศหลัง ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐในนิวยอร์กได้มีคำสั่งระงับไม่ให้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าตามนโยบายรัฐบาลทรัมป์ แนะนำการลงทุนในหุ้น BCH ที่มีแนวโน้มของกำไรและรายได้ฟื้นตัวใน 2Q25 และ ITC เก็งกำไรระยะสั้นจากการชะลอหรือหยุดพักมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าแบบครอบคลุมของสหรัฐ

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. สภาผู้แทนราษฎรมีมติ 295 เสียง รับหลักการร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เพื่อให้ รฟม. มีอำนาจบริหารจัดการตั๋วร่วม พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และออกพันธบัตรเพื่อสนับสนุนกิจการ โดยไม่ต้องผ่าน ครม. เพื่ออุดหนุนนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายเพื่อส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งมวลชนและลดค่าใช้จ่ายประชาชน มองเป็นบวกกับ BTS STECON BEM
  2. ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐในนิวยอร์กได้มีคำสั่งระงับไม่ให้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าแบบครอบคลุม หรือที่เรียกว่า “ภาษีวันปลดปล่อย” ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีผลบังคับใช้ โดยระบุว่าทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขต เพราะรัฐธรรมนูญของสหรัฐมอบอำนาจควบคุมการค้าระหว่างประเทศให้แก่สภาคองเกรส ไม่ใช่ประธานาธิบดี อย่างไรก็ตามทำเนียบขาวสามารถยื่นอุทธรณ์ในกรณีได้ คดีนี้ถูกยื่นโดย Liberty Justice Center ในนามของธุรกิจขนาดเล็ก 5 รายในสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากภาษีดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดนำเข้าสินค้าจากประเทศที่ถูกเก็บภาษี คดีนี้เป็นหนึ่งใน 7 คดีที่ท้าทายนโยบายภาษีของทรัมป์ รวมถึงคดีจาก 13 รัฐของสหรัฐและกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ เบื้องต้น เรามองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหากภาษีดังกล่าวสะดุด หรือถึงแม้จะมีผลแต่วิธีการคำนวณ Reciprocal tariff ที่ประกาศในวันที่ 2 เม.ย. อาจถูกปรับและมีโอกาสที่อ่อนลง  คาดเห็นแรงเก็งกำไรในกลุ่มส่งออก อย่าง AAI ITC TU ASIAN KCE HANA DELTA รวมไปถึงกลุ่ม Petrochemical อย่าง PTTGC
  3. OPEC+ มีมติคงนโยบายลดกำลังการผลิตน้ำมันรวม 2 ล้านบาร์เรลต่อวันไปจนถึงสิ้นปี 2026 ขณะที่การทยอยเพิ่มกำลังการผลิต 411,000 บาร์เรล/วันในเดือนกรกฎาคม ของกลุ่มสมาชิก 8 ประเทศจะมีการพิจารณาเพิ่มเติมในวันที่ 31 พ.ค.นี้ โดยคาดว่าจะยังคงตัวเท่าเดือน พ.ค. และ มิ.ย. ในขณะเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกใบอนุญาตจำกัดให้บริษัทเชฟรอนสามารถถือครองทรัพย์สินในเวเนซุเอลาได้ แต่ห้ามดำเนินการผลิต ส่งออก หรือขยายการลงทุน หนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในคืนที่ผ่านมา เป็นบวกกับกลุ่มพลังงานอย่าง PTTEP TOP SPRC BCP BSRC
  4. กรมการค้าภายในเตรียมเสนอ 4 มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในฤดูกาลผลิตข้าวนาปี 68/69 ต่อที่ประชุมนบข.เช่น สินเชื่อชะลอการขาย, สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าว, ชดเชยดอกเบี้ยผู้ค้า, และจัดตลาดนัดข้าวเปลือก พร้อมเสนอมาตรการปุ๋ยราคาถูกเพื่อลดต้นทุน รวมไปถึงมาตรการเยียวยาผู้ปลูกข้าวนาปรังปี 68 ที่ให้เงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท (ไม่เกิน 10 ไร่) ที่กำลังอยู่ระหว่างพิจารณา ซึ่งล่าสุดมีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 842,000 ครัวเรือน เกินคาดจากเดิม 400,000 ครัวเรือน หลังจากที่ราคาข้าวเปลือกเจ้าล่าสุดทรงตัวที่ 7,800 บาทต่อตัน ต่ำกว่าปีที่แล้วที่ 12,000 บาทต่อตัน มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกเล็กน้อยกับคุณภาพสินทรัพย์ของ MTC, SAWAD, และ SAK
  5. จากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐได้เปิดเผยว่าเฟดกังวลภาวะเงินเฟ้อและการว่างงานที่อาจเพิ่มขึ้นพร้อมกันจากผลกระทบนโยบายภาษีนำเข้าของรัฐบาลทรัมป์ แม้การเลื่อนใช้ภาษีจะลดแรงกดดัน แต่เฟดยังคงระมัดระวัง พร้อมคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25–4.5% จนกว่าสถานการณ์จะชัดเจน และจะประเมินใหม่ในการประชุม 17–18 มิ.ย. ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะเวลา 2 ปีและ 5 ปีปรับตัวขึ้น 5bps ในคืนที่ผ่านมา

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • BCH: ราคาพื้นฐานที่ 16.60 บาท

ผู้บริหารให้ความมั่นใจมากขึ้นว่าจะไม่มีปัญหาการขาดแคลนงบประมาณสำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่มีค่าใช้จ่ายสูงในปี 2025 ซึ่งยังคงอยู่ที่ 12,000 บาท/RW ที่สอดคล้องกับแนวทางของโรงพยาบาลอื่น ทั้งนี้คาดว่ารายได้จากผู้ป่วยต่างชาติจะเติบโตได้ดีขึ้น YoY ใน 2Q25 หลังจากที่ไม่มีผู้ป่วยคูเวตภายใต้ GoP (Government of Kuwait Program) ใน 2Q24 ประกอบกับผู้ป่วยชาติอื่นที่ปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ทั้งนี้ผู้บริหารคาดว่ารายได้จากผู้ป่วยต่างชาติจะเติบโต 10–15% ในปี 2025

  • ITC : ราคาพื้นฐาน 12.60 บาท

เก็งกำไรระยะสั้น ที่อาจเกิดการชะลอหรือหยุดพักมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าแบบครอบคลุม หลังศาลรัฐบาลกลางสหรัฐในนิวยอร์กได้มีคำสั่งระงับไม่ให้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของนโยบายรัฐบาลทรัมป์ ขณะที่แนวโน้มของรายได้ใน 2Q25 ยังคงเติบโต จากคำสั่งซื้อล่วงหน้าเนื่องจากความกังวลต่อภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น โดยบรรลุยอดขายแล้ว 83% ของเป้าหมายในไตรมาสนี้

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสบดี ติดตามการรายงานครั้งที่สองของ GDP 1Q25 สหรัฐอเมริกา ตลาดคาดที่ -0.3% QoQ ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า ปิดท้ายด้วยจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดคาดการณ์ที่ 2.30 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.27 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทย (TH Industrial Production) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ -3.45% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.66% YoY ต่อด้วย ตัวเลขส่งออก (TH Exports) ของ ธปท. เดือน เม.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 17.7% YoY และตัวเลขนำเข้า (TH Imports) เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 9.4% YoY ปิดท้ายด้วยรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคลของสหรัฐ (US Core PCE Price Index) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.5% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.6% YoY

*ข้อมูลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามข้อมูลใหม่และแหล่งที่มาที่แตกต่างกัน

เปิดพอร์ตลงทุนออนไลน์กับ KS ได้แล้ววันนี้!

เปิดพอร์ตลงทุน >> https://ksecurities.co/open-account

Follow us :

LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA

 Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook

 Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram

 Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter

 YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube

#KS #หลักทรัพย์กสิกรไทย #Ksecurities #การลงทุน #หุ้นไทย #การลงทุนหลักทรัพย์ #ผลตอบแทน #ข่าวหุ้น #DAILYVIEW

KS Daily View 30 พ.ค. 2025
30 พ.ค. 2568

KS Daily View 30 พ.ค. 2025

KS Daily View 28 เม.ย. 2025
28 พ.ค. 2568

KS Daily View 28 เม.ย. 2025

KS Daily View 27 พ.ค. 2025
27 พ.ค. 2568

KS Daily View 27 พ.ค. 2025

KS Daily View 26 พ.ค. 2025
26 พ.ค. 2568

KS Daily View 26 พ.ค. 2025

KS Daily View 23 พ.ค. 2025>
23 พ.ค. 2568

KS Daily View 23 พ.ค. 2025>

KS Daily View 22 พ.ค. 2025
22 พ.ค. 2568

KS Daily View 22 พ.ค. 2025