เริ่มต้น TFEX

Equity Index Futures 1
Equity Index Futures 1

ดัชนีที่คำนวณแบบถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization Weight) ของหุ้นสามัญจำนวน 50 หุ้นที่ผ่านการคัดเลือกโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

Equity Index Options
Equity Index Options

ตราสารอนุพันธ์ที่มูลค่าอ้างอิงกับระดับของดัชนี SET50

Single Stock Future
Single Stock Future

SSF คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีสินค้าอ้างอิงเป็นหุ้นสามัญ

Metal Futures
Metal Futures

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของที่มีโลหะที่มีความบริสุทธิ์ 99.9%

Currency Futures
Currency Futures

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อสกุลเงินต่างๆ

อนุมัติภายในวันทำการ
(เฉพาะลูกค้าที่มี )

เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ 8.30-17.00 น. กรณีนอกเวลาทำการ
จะอนุมัติในวันถัดไป

วางหลักประกันเพื่อลงทุนได้ 3 ช่องทาง

( Bill Payment ภายใน จันทร์ - ศุกร์ 8.30 - 19.00 น. ระบบจะเพิ่มอำนาจซื้อในทันที )

1. ลงทุนออนไลน์ด้วยตัวเอง

1.1 Streaming

1.2 Log in “ KS Trade

www.kasikornsecurities.com

2. ผู้แนะนำการลงทุน

02-7960562 , 02-7960819

KS_TFEX@kasikornsecurities.com

เอกสารประกอบการเปิดบัญชี

  1. *เอกสารคำขอเปิดบัญชี (ประกอบด้วย ข้อมูลลูกค้า แบบประเมินความเหมาะสมในการลงทุน การจัดการข้อมูลส่วนบุคคล และแบบแจ้งสถานะความเป็นบุคคลอเมริกัน/ไม่เป็นบุคคลอเมริกัน)
  2. *สัญญาแต่งตั้งตัวแทนเพื่อซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และเอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงเกี่ยวกับ การซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าฟิวเจอร์สสัญญาซื้อขายล่วงหน้าออปชั่นในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขาย ล่วงหน้า (Risk Disclosure Statement for Futures and Options Trading in Derivatives Exchange)
  3. *W-9 หรือ W-8BEN
  4. *หลักฐานประกอบการเปิดบัญชี (พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง)
    • บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง (เพื่อใช้แสดงตนที่สาขาของบริษัทฯ)
    • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน(ด้านหน้าและด้านหลัง) ที่ยังไม่หมดอายุจำนวน 1 ฉบับ
    • สำเนาเอกสารการเปลี่ยนชื่อ หรือนามสกุล จำนวน 1 ฉบับ (กรณีที่ชื่อ-นามสกุลที่ปรากฎในเอกสารหลักฐานไม่ตรงกับบัตรประจำตัวประชาชน)
    • สำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝากที่ใช้ในการรับเงินปันผล และรับเงินที่ถอนจากบัญชี จำนวน 1 ฉบับ
    • สำเนาหลักฐานทางการเงิน ยอดรวมกันไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท (อาทิเช่น สำเนาบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีฝากประจำย้อนหลัง 3 เดือนล่าสุด หรือใบแสดงยอดหลักทรัพย์/กองทุนในบัญชีเดือนล่าสุด หรือสลิปเงินเดือนล่าสุด หรือหลักฐานทางการเงินอื่นๆ ที่ยังไม่ครบกำหนดอายุ เช่น ตราสารหนี้พันธบัตรรัฐบาล สลากออมสิน เป็นต้น)
    • บริษัทอาจพิจารณาขอเอกสารหลักฐานประกอบการเปิดบัญชีเพิ่มเติม (ถ้ามี)

    หมายเหตุ :  *กรณีท่านเปิดบัญชีหลายประเภท หากเอกสารประกอบการเปิดบัญชีตามที่กล่าวข้างต้น ตรงกับเอกสารประกอบการเปิดบัญชีกับประเภทบัญชีอื่น ท่านสามารถยื่นเอกสารเพียง 1 ชุด

    ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Streaming

    เริ่มต้นเปิดบัญชีลงทุน

    เลือกบัญชี Derivatives

    เลือกสัญญาซื้อขาย ล่วงหน้าที่ต้องการ

    ทำความรู้จักตราสารอนุพันธ์ (Derivatives)

            อนุพันธ์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า คือ สินค้าทางการเงินชนิดหนึ่ง ที่ทำขึ้นเพื่อให้ ผู้ซื้อ และผู้ขาย ตกลงซื้อขาย หรือให้สิทธิในการซื้อขายสินค้าอ้างอิงในอนาคต โดยมีการระบุประเภทสินค้า สเปค ราคา จำนวน การชำระเงิน และวันหมดอายุสัญญาหรือวันส่งมอบรับมอบที่ชัดเจน

            ในการซื้อขายอนุพันธ์นั้น “ผู้ซื้อ(Buy) จะเรียกว่ามีสถานะ Long” และ “ผู้ขาย(Sell) จะเรียกว่ามีสถานะ Short” ดังนั้นอนุพันธ์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้านี้ จึงเป็นสินค้าที่ไม่มีมูลค่าในตัวเอง แต่จะมีมูลค่าขึ้นอยู่กับมูลค่าสินค้าอ้างอิง(Underlying Asset) ที่อนุพันธ์นั้นๆ อ้างอิงอยู่

    ประเภทของอนุพันธ์

            ตราสารอนุพันธ์ที่ซื้อขายการในตลาดการเงินแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่ Futures, Options, Forward และSwap “สำหรับตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(ประเทศไทย) หรือ TFEX” มีการซื้อขายตราสารอนุพันธ์อยู่ 2 ประเภท คือ ฟิวเจอร์ส(Futures) และออปชั่น(Options)

    ฟิวเจอร์ส (Futures) คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ผู้ซื้อและผู้ขายทำการตกลงกันเพื่อซื้อ/ขายสินค้าอ้างอิงกันในอนาคต โดยมีการกำหนดในวันนี้ถึงประเภทสินค้า สเปค ราคา จำนวน วิธีการชำระราคาหรือส่งมอบ และระบุวันสิ้นสุดอายุสัญญา

    ออปชั่น (Options) คือ สัญญาสิทธิ ที่ผู้ซื้อได้สิทธิในการซื้อ (Call) หรือสิทธิในการขาย (Put) สินค้าอ้างอิงนั้น จากผู้ขาย ในจำนวน และราคาที่ตกลงกันไว้ในสัญญา โดยสัญญามีวันสิ้นสุดอายุ โดยผู้ขายมีภาระต้องปฏิบัติตามพันธะในสัญญา ในขณะที่ผู้ซื้อมีสิทธิ จะเลือกใช้สิทธิหรือไม่ก็ได้

            ทั้งนี้ Futures และ Options ไม่จำเป็นต้องถือสัญญาจนครบกำหนดอายุ นักลงทุนสามารถทำการล้างสถานะหรือการปิดสัญญาได้ผ่านการลงทุนในตลาด TFEX

    จุดเด่นในการลงทุนตราสารอนุพันธ์

    1. สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้น และขาลง 

    • - ช่วงตลาดขาขึ้น ผู้ที่ถือสถานะ Long จะกำไร และ ผู้ที่ถือสถานะ Short จะขาดทุน
    • - ช่วงตลาดขาลง ผู้ที่ถือสถานะ Short จะกำไร และ ผู้ที่ถือสถานะ Long จะขาดทุน

    2. ใช้เงินลงทุนน้อย สร้างอัตราผลตอบแทนสูง (Leverage) :

    ในตลาด TFEX นักลงทุนไม่จำเป็นต้องวางเงินเต็มจำนวน นักลงทุนจะวางหลักประกันเพียง 5-20% ของมูลค่าสัญญาเท่านั้น (ตามที่ตลาดTFEXกำหนด) ในขณะที่ผลตอบแทนจะคำนวณจากมูลค่าสัญญา อย่างไรก็ดี หากการลงทุนเป็นไปตามทิศทางที่คาดการณ์ไว้ นักลงทุนจะได้รับผลกำไรในอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับเงินที่ใช้ในการลงทุน แต่ในทางกลับกัน หากการลงทุนไม่เป็นไปตามทิศทางที่คาดการณ์ไว้ ก็จะมีผลขาดทุนสูงด้วยเช่นกัน

    กลยุทธ์การลงทุนในตราสารอนุพันธ์
    Speculation การเก็งกำไร ในตลาด TFEX โดยส่วนมากจะนิยมใน 2 รูปแบบ ดังนี้

    1. การเก็งกำไรจากทิศทางของราคา

         คือ การเก็งกำไรจากการคาดการณ์ทิศทางของราคาสินค้าอ้างอิง โดยนักลงทุนจะทำการเปิดสถานะ Long(ซื้อ) หากคาดการณ์ว่า ราคาสินค้าอ้างอิงจะมีการปรับตัวขึ้น และจะเปิดสถานะ Short(ขาย) หากคาดการณ์ว่า ราคาสินค้าอ้างอิงจะมีการปรับตัวลง

         การเก็งกำไรจากทิศทางของราคาสินค้าอ้างอิง เป็นการเก็งกำไรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเนื่องจากเป็นแนวคิดพื้นฐานของการทำกำไร และนิยมใช้การวิเคราะห์เชิงเทคนิคในการหาจังหวะการซื้อขาย

    ตัวอย่างการเก็งกำไรจากทิศทางของราคา

         นักลงทุนคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น นักลงทุนจึงทำการ ซื้อสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Gold Online Futures รุ่นสัญญาหมดอายุในเดือนมีนาคม 2022 โดยทำการเปิดสถานะ Open Long GOH22 ที่ราคา 1,800 จำนวน 1 สัญญา (วางเงินหลักประกันตามที่TFEX กำหนด) ในสัปดาห์ต่อมา ราคาทองคำปรับตัวขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ นักลงทุนจึงทำการ ปิดสถานะเพื่อทำกำไร โดยการ Close Short GOH22 ที่ราคา 1,830 จำนวน 1 สัญญา

    การคำนวนกำไรขาดทุน(ไม่รวมค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย)

    = (ราคาปิด – ราคาเปิด) x ตัวคูณดัชนี x จำนวนสัญญา

    = (1,830 – 1,800) x 300 x 1 = กำไรจากการลงทุน 9,000 บาท

    2.การเก็งกำไรจากส่วนต่างราคา (Spread Trading)

         คือ การทำกำไรจากส่วนต่างราคาของ Futures 2 สัญญา โดยทำการ ซื้อ (Long) และ ขาย (Short) Futures ที่มีวันส่งมอบต่างกัน และ/หรือ มีสินค้าอ้างอิงต่างชนิดกัน สามารถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะคือ

         Calendar Spread Trade เป็นการเก็งกำไรจากส่วนต่างราคา Futures ที่มีสินค้าอ้างอิงเดียวกัน แต่มีวันส่งมอบต่างกัน (Calendar Spread Trade = สัญญาเดือนไกล – สัญญาเดือนใกล้)

         Inter-Commodity Spread เป็นการทำกำไรจากส่วนต่างราคา Futures ที่มีสินค้าอ้างอิงต่างกัน

    Hedging ป้องกันความเสี่ยง : นักลงทุนที่มีการถือครองสินค้าอ้างอิง สามารถทำการป้องกันความเสี่ยงจากการปรับตัวของราคาสินค้าได้ โดยการเปิดสถานะตราสารอนุพันธ์ในฝั่งตรงข้ามกับการถือครองที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่น นักลงทุนเป็นผู้ประกอบการนำเข้าสินค้าเพื่อจำหน่ายจากต่างประเทศ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องถือครองเงินสกุล USD และมีความกังวลว่าเงินบาทจะมีการอ่อนค่า ทำให้เสียประโยชน์ในการทำธุรกิจ นักลงทุนสามารถทำการเปิดสถานะ Long USD Futures เมื่อเงินบาทมีการปรับตัวอ่อนค่าขึ้น นักลงทุนจะเสียประโยชน์ในการแลกเงิน USD เพื่อนำเข้าสินค้า แต่ในขณะเดียวกันก็จะได้รับประโยชน์จากการ Long USD Futures

    Leverage การเพิ่มอำนาจการซื้อขาย : การซื้อขายตราสารอนุพันธ์จะใช้ระบบการวางเงินหลักประกันแทนการจ่ายเงินเต็มจำนวนมูลค่าสัญญา โดยจะใช้เงินในการวางหลักประกันเพียงบางส่วน (5-20% ของมูลค่าสัญญา เป็นไปตามที่ TFEX กำหนด) ในขณะที่การคำนวนผลตอบแทนจะคำนวณจากมูลค่าสัญญา ทำให้การลงทุนใน Futures มีอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในสินค้าอ้างอิงโดยตรง

    ตัวอย่างสมมุติเหตุการณ์ นักลงทุนมีความสนใจที่จะลงทุนในหุ้น AOT จำนวน 1,000 หุ้น ที่ราคา 60 บาท/หุ้น นักลงทุนต้องใช้เงินในการลงทุนทั้งสิ้น 60,000 บาท แต่หากนักลงทุนทำการ ซื้อ Single Stock Futures ที่อ้างอิงในหุ้น AOT 1 สัญญา (1,000 หุ้น) จะใช้เงินวางหลักประกันเพียง 4,760 บาท (เป็นไปตามที่ TFEX กำหนด)

         ต่อมานักลงทุนตัดสินใจขายหุ้น AOT ที่ราคา 65 บาท/หุ้น ผลตอบแทนจากการซื้อหุ้น AOT 1,000 หุ้น จะเท่ากับ (65-60)*1,000 = 5,000 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (5,000/60,000)x100= 8.33% แต่หากนักลงทุนทำการ ซื้อ Single Stock Futures ที่อ้างอิงในหุ้น AOT 1 สัญญา (1,000 หุ้น) นักลงทุนยังคงได้รับผลตอบแทน 5,000 บาท แต่คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (5,000/4,760)x100= 105.04%

         จะเห็นได้ว่า อัตราผลตอบแทน จากการลงทุนใน Futures สูงกว่าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดีหากทิศทางราคาสินค้าอ้างอิงไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก็จะมีอัตราผลขาดทุนที่สูงด้วยเช่นกัน
    ประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่
    1. ชื่อย่อสินค้าอ้างอิง
    2. เดือนครบกำหนดอายุ
    3. ปีครบกำหนดอายุ

    เช่น SET50 Index Futures ที่จะครบกำหนดอายุ เดือน มีนาคม ปี 2022 Symbol ที่ใช้ในการซื้อขาย คือ S50H22

    เดือนครบกำหนดอายุของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า

    Months Series
    January F
    February G
    March H
    April J
    May K
    June M
    July N
    August Q
    September U
    October V
    November X
    December Z

    ค้นหา