💰KS: KTB โดดเด่นในฐานะธนาคารป้องกันความเสี่ยง คำมั่นสัญญาที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น
📌เราเลือก KTB เป็นหุ้นเด่นสำหรับปี 2026 ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าและความตั้งใจที่ชัดเจนในการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น ในบรรดาธนาคารพาณิชย์ไทย KTB มีศักยภาพในการบริหารจัดการเงินกองทุนมากที่สุด โดยมี CET1 อยู่ที่ 18.9% ซึ่งสูงที่สุดในอุตสาหกรรม และสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 8% อยู่มาก ธนาคารได้ระบุเป้าหมายที่ชัดเจนในการบรรลุ ROE ในอัตราตัวเลข 2 หลัก ผ่านการบริหารจัดการเงินกองทุนเชิงรุก โดยมีเป้าหมายที่จะลดเงินกองทุนส่วนเกินให้ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม นอกจากนี้ KTB ยังคงรักษาอัตราสำรองต่อหนี้สูญ (coverage ratio) ไว้ที่ 202% ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มธุรกิจนี้ สูงกว่าเป้าหมายภายในของธนาคารที่ 170% อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับงบดุล จากปัจจัยเหล่านี้ เราจึงมองเห็นโอกาสสูงที่อัตราการจ่ายเงินปันผลจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ธนาคารยังคงมุ่งมั่นที่จะ DPS ไว้ และส่งสัญญาณถึงศักยภาพในการซื้อหุ้นคืนในอนาคต โดย ณ ปัจจุบัน KTB มีสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 2 ล้านลบ. การลด CET1 ลงทุกๆ 0.5% จะทำให้ธนาคารสามารถปลดล็อกเงินทุนส่วนเกินได้ประมาณ 1 หมื่นลบ. หรือคิดเป็นประมาณ 0.7 บาท/หุ้น นอกจากนี้ เรามองว่าการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครั้งแรกของธนาคารที่ 0.43 บาท/หุ้น ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่แสดงถึงความเชื่อมั่นของผู้บริหาร และเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นผ่านผลตอบแทนจากเงินทุนเชิงรุกมากขึ้น
📌 พอร์ตสินเชื่อของ KTB มีสถานะที่โดดเด่นด้วยระดับความเสี่ยงด้านเครดิตที่ต่ำที่สุดในบรรดาธนาคารพาณิชย์ไทย เนื่องจากสินเชื่อ 40-50% ของสินเชื่อทั้งหมดเป็นสินเชื่อภายใต้ MOU ซึ่งธนาคารมีสิทธิตามสัญญาในการหักเงินชำระคืนจากรายได้ต่อเดือนของผู้กู้โดยตรง โครงสร้างสินเชื่อนี้คิดเป็นประมาณ 30% ของสินเชื่อทั้งหมดของ KTB ซึ่งประกอบด้วยสินเชื่อส่วนบุคคลประมาณ 90% และสินเชื่อที่อยู่อาศัยประมาณ 50% นอกจากนี้ สินเชื่อภาครัฐและรัฐวิสาหกิจคิดเป็นประมาณ 18% ของพอร์ตสินเชื่อของ KTB ซึ่งมีความเสี่ยงด้านเครดิตในระดับที่แทบไม่มีนัยสำคัญ เมื่อพิจารณาจากโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อนี้ เราคาดว่าแม้ว่าการเติบโตของสินเชื่อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำในปี 2026 แต่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) ของ KTB อาจลดลงต่ำกว่า 100bps ผู้บริหารยังคาดการณ์ว่า credit cost ใน 4Q25 น่าจะลดลงเหลือ 100-110bps ซึ่งจะทำให้ credit cost ทั้งปี 2028 อยู่ในช่วงเป้าหมายที่ 105-125bps
📌 เราเชื่อว่า KTB กำลังวางตำแหน่งตัวเองในฐานะผู้ประกอบการหลักที่มุ่งเน้นการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะจากกลุ่มธุรกิจบริหารความมั่งคั่งและธุรกิจระดับโลก ธนาคารมีเป้าหมายที่จะใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าเงินฝากเพื่อขายผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงเหล่านี้ หลังจากสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งทั้งในด้านทรัพยากรบุคคลและศักยภาพของผลิตภัณฑ์ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา KTB มีแผนที่จะเพิ่มความเข้มข้นในการทำการตลาดตั้งแต่ 4Q25 เพื่อเร่งสร้างรายได้ค่าธรรมเนียม โดยในอดีต รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิของ KTB เติบโตอย่างต่อเนื่องจากประมาณ 1 พันลบ./ไตรมาส ในช่วงปี 2021-2022 เป็น 1.8 พันลบ. ใน 3Q25 เราคาดว่าการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในกลุ่มธุรกิจนี้จะช่วยสนับสนุน ROE ให้ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากธนาคารมีอัตรากำไรสูงและมีการใช้เงินทุนต่ำ
🎯มุมมอง KS
📌 แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 31.50 บาท ได้ประโยชน์จากฐานเงินก้นถุงที่แข็งแรงและโครงสร้างหนี้ความเสี่ยงต่ำ เป็นหุ้นเด่นในเชิงปันผลสำหรับปี 2026 อยู่ในกลุ่ม 25% ของกลุ่มหุ้นปันผลสูงสุดในกลุ่มหุ้นที่เราวิเคราะห์

📲เปิดพอร์ตลงทุน >> https://ksecurities.co/open-account
⛳Follow us :
📲 LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA
📲 Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook
📲 Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram
📲 Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter
📲 YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube
📲 Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads
#KS #หลักทรัพย์กสิกรไทย #KSecurities #การลงทุน #การลงทุนหลักทรัพย์ #ผลตอบแทน #ข่าวหุ้น #หุ้นไทย #KTB
ภาษาไทย
English