Global Invest

“ทองคำ” หลุมหลบภัยในภาวะเงินเฟ้อร้อนแรง!

สืบเนื่องจากความกังวลในเรื่องของเงินเฟ้อในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และจากการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี ทำให้นักลงทุนต่างวิ่งเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยที่สามารถต่อสู้กับเงินเฟ้อ (Inflation Hedging Vehicle) และแน่นอนว่าทองคำถือว่าเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่สามารถต่อสู้กับเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบราคา 1,759-1,870 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

ภายหลังจากที่ดัชนีราคาสินค้าผู้ผลิต (PPI Index) และดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภค (CPI Index) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในรอบหลายๆ ปีที่ผ่านมา รวมถึงตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ (Job Less Claims) ยังคงออกมาต่ำกว่าที่คาด อีกทั้งจากจำนวนผู้ว่างงานที่ต่ำกว่าความต้องการจ้างงานในสหรัฐฯ จึงเป็นปัจจัยกดดันอัตราค่าจ้างแรงงานให้สูงขึ้น และส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการอีกทางหนึ่ง ซึ่งจากภาวะราคาสินค้าที่สูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจยังขยายตัวไม่มากนัก และยังคงมีปัญหาการขาดแคลนปัจจัยการผลิต (Supply Shortage) ทำให้ตลาดเกิดความกังวลต่อการเกิดภาวะ Stagflation (ภาวะที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง แต่เศรษฐกิจยังคงเปราะบาง) ปัจจัยดังกล่าวจึงทำให้สินทรัพย์ที่ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงของเงินเฟ้ออย่างทองคำกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง และส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

นักลงทุนที่สนใจลงทุนในทองคำแต่อาจจะมีความกังวลในเรื่องการเก็บรักษาทองคำ เนื่องจากต้องใช้พื้นที่ที่มีความปลอดภัยสูงในการเก็บรักษา (อาจจะกลัวโดนขโมย) และไม่ต้องการจะลงทุนในทองคำกระดาษ (Derivative Gold) อาจพิจารณาลงทุนผ่าน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็น ETF ทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ณ ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) อยู่ที่ USD173.89 และมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ประมาณ 58.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (as of 12/11/2021) โดย SPDR Gold Trust ถือเป็น ETF กองเดียวที่มี Psychical Gold Back Up มากกว่า 99% (ทองคำแท่งจะถูกเก็บรักษาที่ธนาคาร HSBC ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้นักลงทุนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาเพิ่มเติม) หรืออาจพิจารณาลงทุนผ่านกองทุนรวมของ KGOLD (กองทุนรวมที่เน้นลงทุนใน SPDR Gold Trust) ได้เช่นกัน ซึ่งข้อดีในการลงทุนในกองทุนรวมคือมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่หากนักลงทุนซื้อ ETF โดยตรง จะต้องรับความเสี่ยงจาก Exposure FX และความผันผวนของราคาทองคำ

ปัจจัยที่นักลงทุนต้องจับตามมอง
จากอดีตจะพบว่าในช่วงที่มีการทำ QE Tapering จะส่งผลต่อการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม สำหรับการทำ QE Tapering ในปัจจุบันคาดว่าปัจจัยดังกล่าวได้ถูก Price In ไปในราคาทองคำแล้ว
การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยหากมีการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์เพื่อลดความร้อนแรงของภาวะเงินเฟ้อ อาจกดดันราคาทองให้มีการปรับตัวลดลง (แต่หาก FED ไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ เท่าที่ทราบกันทองคำมักชอบเงินเฟ้อ แต่ไม่ชอบอัตราดอกเบี้ย)
ทองคำถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (Correlation) เคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับหุ้น
ทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่นักลงทุนใช้ในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ (Inflation Hedging) ซึ่งปัจจุบันตลาดยังคงมีความกังวลต่อการสถาณการณ์เงินเฟ้อ ซึ่งยังไม่มีใครทราบชัดเจนว่าภาวะเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วคราวหรือไม่

Investor Tip:
SPDR Gold Trust (GLD US) – เป็น ETF ทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ณ ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) อยู่ที่ USD173.89 และเป็นรายเดียวที่มี Physical Gold Back Up มากกว่า 99% โดยมุ่งหวังในการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำแท่งในตลาดโลก ซึ่ง SPDR Gold Trust จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ New York ARCA ประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า “GLD” โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย และมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1) นอกจากนี้นักลงทุนอาจพิจารณาลงทุนผ่านกองทุนรวมของ KGOLD (กองทุนรวมที่เน้นลงทุนใน SPDR Gold Trust) ได้เช่นกัน

ในกรณีที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าทองคำมีแนวโน้มจะปรับตัวลง อาจจะพิจารณาลงทุนใน Invert Gold ETF ได้อีกทางหนึ่ง
ทองคำไม่ได้เป็นแค่เครื่องประดับและการลงทุนเท่านั้น แต่ทองคำถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในการผลิตแผงวงจรในโทรศัพท์มือถือ และใช้เป็นทุนสำรองของธนาคารกลาง

Source: KS OFFSHORE , CFRA Research ,Bloomberg

เปิดพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ > https://bit.ly/3c3oDs2