KS : GULF ความชัดเจนด้านการลงทุนแข็งแกร่งขึ้น

วิเคราะห์โดย KS Research Strategy

29 พ.ย. 2568

📌รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ที่ 7.27 พันลบ. เพิ่มขึ้น 6% YoY แต่ลดลง 89% QoQ

✅สอดคล้องกับประมาณการของเราและตลาด กำไรที่เติบโต YoY มาจากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 12% หลังการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้า HKP หน่วยที่ 2 (770 เมกะวัตต์ ถือหุ้น 49%) ขณะที่กำไรที่ลดลงอย่างมากเชิง QoQ เกิดจากกำไรพิเศษจำนวน 5.6 หมื่นลบ. จากการควบรวมกิจการ GULF-INTUCH ในไตรมาส 2/2568

📌การเติบโตของกำไรในปี 2569-70

✅เราคาดว่ากำไรจะเติบโตแข็งแกร่ง 9%/14% ในปี 2569/70 จาก 1) การทยอย COD โครงการโซลาร์ฟาร์ม 7 แห่ง รวมกำลังการผลิต 600MW ตั้งแต่ไตรมาส 4/2568 เป็นต้นไป 2) ปริมาณนำเข้า LNG ที่เพิ่มขึ้นจาก 50 คาร์โก ในปี 2568 เป็นราว 70 คาร์โก ในปี 2569 3) ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้า Jackson ในสหรัฐฯ (1,200MW สัดส่วนถือหุ้น 49%) จากรายได้ค่าความพร้อมจ่ายที่สูงขึ้นตามอุปสงค์ศูนย์ข้อมูล ในตลาด PJM และ 4) การรับรู้กำไรที่เพิ่มขึ้นจาก ADVANC สำหรับปัจจัยลบ คือ โรงไฟฟ้า BPG (โรงไฟฟ้าก๊าซ 600MW สัดส่วนถือหุ้น 35%) อาจล่าช้าไปอีกหลายปีจากปัญหาขาดแคลนกังหันก๊าซทั่วโลก โดยกำหนด COD ใหม่ยังต้องรอการเจรจากับ กฟผ.

📌แนวโน้มพลังงานไฟฟ้าของไทย

✅ผู้บริหารเชื่อว่าแผน PDP2025 มีความเป็นไปได้น้อยที่จะมีการเปลี่ยนแปลงในช่วง 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากโครงการที่มีกำหนด COD ได้มีภาระผูกพันแล้ว ในระยะยาว GULF มองว่ามีศักยภาพในการทดแทนโรงไฟฟ้า base-load ในพื้นที่ที่ต้องการเสถียรภาพของระบบโครงข่ายไฟฟ้า สำหรับโครงสร้างราคาก๊าซใหม่ ผู้บริหารมองว่ามีโอกาสเกิดขึ้นน้อย เนื่องจากผู้ใช้ไฟภาคอุตสาหกรรมไม่น่าจะยอมรับอัตราค่าไฟที่สูงขึ้นได้

📌มุมมอง KS : คงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมายที่ 61.00 บาท ราคาเป้าหมายของเราคำนวณโดยวิธีรวมส่วนของกิจการ (SOTP) โดยใช้ WACC ที่ 4.4% เรามองว่า GULF มีความน่าสนใจจากการขยายกำลังการผลิตที่แข็งแกร่งในช่วง 5 ปีข้างหน้า พร้อมศักยภาพสำหรับการเติบโต