KS FUND TOP PICK 1 - 5 ธ.ค. 2025

KS FUND TOP PICK 1 - 5 ธ.ค. 2025

วิเคราะห์โดย KS Research Strategy
1 ธ.ค. 2568
ย้อนกลับ

KS: KS FUND TOP PICK 1 - 5 ธ.ค. 2025

📌ติดตาม Core PCE ข้อมูลสำคัญชุดสุดท้ายก่อนการประชุม FOMC สัปดาห์หน้า ปรับพอร์ตกองทุนหุ้นโลกเป็น KKP GNP / หุ้นญี่ปุ่นเป็น ASP-NGF / ตราสารหนี้โลกเป็น K-GDBONDUH เริ่มคำแนะนำซื้อ SCBKEQTG รับธีม Memory supercycle

✅สัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นโลก (ACWI) ปรับตัวขึ้นได้ดีอีกครั้ง จากความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟดที่กลับมาชัดเจนมากขึ้น โดย Sentiment เชิงบวกเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 21 พ.ย. เมื่อ John Williams (Fed New York) ส่งสัญญาณว่ายังมีช่องสำหรับการปรับลดดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้ ต่อเนื่องด้วยมุมมองของ Christopher Waller (Fed Governor) ที่ยืนยันสนับสนุนการลดดอกเบี้ย 25 bps ในการประชุมเดือนธันวาคม เนื่องจากกังวลต่อภาวะตลาดแรงงาน และ Mary Daly (Fed San Francisco) ที่มีท่าทีสอดคล้องกัน โดยระบุว่าตลาดแรงงานเริ่มเปราะบางและมีความเสี่ยงต่อการชะลอตัวอย่างฉับพลัน ขณะที่แรงกดดันด้านต้นทุนจากภาษีศุลกากรออกมาต่ำกว่าที่คาดในช่วงต้นปี แม้เธอจะเป็น Non-voter แต่ด้วยท่าทีที่มักสอดคล้องกับ Jerome Powell ทำให้ตลาดให้ความสำคัญอย่างมาก

นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอย่าง PPI, Retail Sales, ADP และ CB Consumer Confidence ต่างออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งช่วยเสริม Narrative ว่าเฟดมีเหตุผลเพียงพอสำหรับการพิจารณาลดดอกเบี้ยได้เร็วกว่าเดิม ขณะเดียวกัน การที่ชื่อของ Kevin Hassett ถูกมองว่าอาจขึ้นมาเป็นผู้ว่าการเฟดคนต่อไป ซึ่งมีภาพลักษณ์เชิง Dovish ยิ่งช่วยหนุนความเชื่อมั่นของตลาดต่อเส้นทางการลดดอกเบี้ยในปีหน้า และสุดท้ายการที่ BEA ประกาศวันรายงาน Core PCE เดือน ก.ย. เป็นวันที่ 5 ธ.ค. ทำให้ตลาดมองว่าชุดข้อมูลดังกล่าว จะเป็นหนึ่งในชุดข้อมูลสำคัญก่อนการประชุมเฟดวันที่ 10 ธ.ค. ทำให้ตลาด “กล้าหวัง” กับโอกาสที่เฟดจะเปลี่ยนจุดยืนจาก “คงดอกเบี้ย” ไปสู่ “ลดดอกเบี้ย” มากขึ้น

✅ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมารีบาวด์นำโดยหุ้นขนาดเล็ก และหุ้น Technology ทำให้ดัชนี Russell 2000 (+5.52%) และ Nasdaq Composite (+4.91%) ปรับตัวขึ้นได้ดี ขณะที่ S&P 500 (+3.73%) ก็ปรับตัวขึ้นกลับมายืนเหนือ 6,800 จุด ได้อีกครั้ง จากแรงหนุนของในกลุ่ม Communication services นำโดย Google (+10.6%) ที่ขึ้นทำ all-time high หลังมีสองปัจจัยหนุนพร้อมกัน ทั้งข่าว Meta พิจารณานำ TPU ซึ่งเป็น ASIC chip ของ Google ไปใช้ใน Data center ของตนเอง และ narrative ว่า Google กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักของ AI infrastructure มากขึ้น ประเด็นนี้ส่งแรงต่อเนื่องไปยัง Broadcom (+16.2%) ซึ่งเป็นผู้ออกแบบและผลิต TPU ให้ Google จนราคาหุ้นพุ่งทำ all-time high ตามไปด้วย

ขณะที่ Nvidia (-2%) แม้จะเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยนี้ แต่ราคาหุ้นก็กลับมารีบาวด์ได้ ภายหลังตลาดเริ่มตระหนักได้ว่า TPU ของ Google ถูกออกแบบมาให้ทำงานคู่กับ TensorFlow ซึ่งเป็นโปรแกรมสร้างโมเดล AI ของ Google โดยใช้ระบบที่เรียกว่า XLA ในการแปลงโมเดลให้รันบนชิป TPU ได้โดยตรง

ขณะที่ PyTorch ซึ่งเป็นโปรแกรมสร้างโมเดลของ Meta สามารถเชื่อมกับ TPU ได้ เพราะวิศวกรของ Google และ Meta ร่วมกันพัฒนาเครื่องมือแปลภาษาที่เรียกว่า PyTorch/XLA มาตั้งแต่ปี 2019 ทำให้ Meta สามารถนำ TPU มาใช้กับงานจริงได้ง่ายกว่าบริษัทอื่นอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันหุ้นในหลาย Sector ก็ปรับตัวขึ้นเป็นวงกว้าง จากโอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือน ธ.ค. ที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง

✅ด้านตลาดหุ้นอื่นๆ ต่างก็มี Sentiment เชิงบวกจากเฟดที่มีโอกาสลดดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ทำให้ภาพรวมปรับตัวขึ้นได้ดี นำโดยตลาดฝั่งเอเชียเหนือ ญี่ปุ่น (Nikkei +3.35%) ไต้หวัน (TWSE +4.51%) และเกาหลี (Kospi +1.90%) ที่ได้อานิสงส์จากการรีบาวด์ของหุ้น Tech และ Semiconductors สหรัฐฯ

ขณะที่จีน (CSI 300 +1.64%, HSCEI +2.36%) แม้ปรับตัวขึ้น แต่โดยรวมค่อนข้างอ่อนแอจากผลประกอบการที่ไม่ดีของ Alibaba และวิกฤตอสังหาฯ ที่ปะทุรอบใหม่จากกรณี China Vanke และภาพตลาดบ้านที่อาจซบเซายาวถึงหลังปี 2027

ด้านอินเดีย Nifty 50 (+0.52%) เคลื่อนไหวใกล้ระดับ all-time high ได้แรงหนุนจากคาดการณ์ GDP 3Q25 ที่น่าจะแข็งแกร่ง (ซึ่งรายงานจริงหลังตลาดปิดออกมาที่ +8.2% YoY มากกว่าคาดที่ 7.3%) และการคาดว่า RBI จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมในสัปดาห์นี้ ขณะที่ยุโรป Stoxx 600 (+2.55%) ได้แรงหนุนจากกระแส “risk-on” โลกบวกกับปัจจัยในภูมิภาค เช่น ความคืบหน้าการหยุดยิงรัสเซีย–ยูเครน และนโยบายการคลังใหม่ของอังกฤษที่เน้นรักษาวินัยการคลัง

✅สัปดาห์นี้ เราแนะนำให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะส่งผลกระทบต่อมุมมองตลาดที่มีต่อการลดดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้นในยามที่เข้าสู่ช่วง Blackout Period กรรมการเฟดไม่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงินได้ โดยตัวเลขที่ต้องติดตาม ได้แก่ ISM Manufacturing และ Services, การจ้างงานโดย ADP, Initial Jobless Claims และ Core PCE รวมถึง Personal Income และ Personal Spending ที่จะเป็นชุดข้อมูลสำคัญรองสุดท้ายก่อนการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า (ต้นสัปดาห์หน้ามี JOLTs ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญชุดสุดท้ายก่อนประชุมเฟด)

นอกจากนี้ยังมี Event อื่นที่สำคัญนอกสหรัฐฯ เช่น ถ้อยแถลงของ Kazuo Ueda ผู้ว่า BOJ ที่มาในช่วงที่ตลาดเริ่มมองว่า BOJ อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางเดือน ธ.ค. นี้, ตัวเลขส่งออกเกาหลีใต้ สำหรับดูการส่งออก Memory, ตัวเลขเงินเฟ้อยูโรโซน และการประชุมธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ที่คาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยลง 25 bps สู่ระดับ 5.25% ด้านผลประกอบการ แนะนำให้ติดตาม CrowdStrike, Marvell, Credo, Snowflake, Salesforce และ MongoDB

✅ราประเมินว่าตลาดจะ sideways และผันผวน ตามมุมมอง Priced-in / Priced-out การลดดอกเบี้ยของเฟดตามข้อมูลใหม่ที่เข้ามา ซึ่งเรามองเป็น narrative เดิมจาก Macro concern แต่สุดท้าย narrative จะกลับสู่เส้นเรื่องเดิม คือ “การลดดอกเบี้ย” รวมถึงการเริ่มยุติการทำ QT ของเฟด ที่จะเป็นอีกแรงหนุนสำคัญ ทำให้เรายังคงมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุนในหุ้นในทุกๆ ครั้งที่ตลาดปรับฐานลงมา จากผลประกอบการหุ้นสหรัฐฯ 3Q25 ที่ออกมาดีกว่าคาด

เราแนะนำสะสมหุ้นโลกผ่านกองทุน 𝐊𝐊𝐏 𝐆𝐍𝐏 (เปลี่ยนจาก 𝐊-𝐆𝐒𝐄𝐋𝐄𝐂𝐓𝐔-𝐀(𝐀)) เป็น Core Equity Portfolio และ 𝐊-𝐆𝐃𝐁𝐎𝐍𝐃-𝐔𝐇 (เปลี่ยนจาก 𝐔𝐆𝐈𝐒𝐅𝐗-𝐍) เป็น Core Fixed Income Portfolio เมื่อ 10Y UST ปรับตัวเข้าใกล้ 4.20%

ด้าน Satellite Portfolio 12 เดือน แนะนำลงทุนหุ้นเทคสหรัฐฯ (KKP TECH-UH) ที่เรามีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นจากผลประกอบการที่ดีของ Nvidia และแนวโน้มที่ดีขึ้นมากของ Broadcom ที่จะมาเป็นแรงหนุนเพิ่มเติม, หุ้นญี่ปุ่นผ่านกองทุน 𝐀𝐒𝐏-𝐍𝐆𝐅 (เปลี่ยนจาก 𝐊-𝐉𝐏-𝐀(𝐃)) ที่เรามีมุมมองที่ดีในระยะยาว, หุ้นอินเดีย (MINDIA) ที่ผลประกอบการผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และคำแนะนำใหม่ หุ้นเกาหลีใต้ผ่านกองทุน 𝐒𝐂𝐁𝐊𝐄𝐐𝐓𝐆 จากภาวะ Memory supercycle หนุนให้ Samsung และ SK Hynix จะมีผลประกอบการที่ดีมากในปี 2026 และสำหรับ Satellite Portfolio 3-6 เดือน แนะนำลงทุน ONE-FFI เพื่อเก็งกำไรจากค่าบาท โดยมองว่าควรทยอยสะสมเมื่อเงินบาทอยู่ในกรอบ 32-33 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่เป้าหมายทำกำไรจะอยู่เมื่อเงินบาทอ่อนค่าไปที่ระดับ 35 บาท/ดอลลาร์ และตั้งจุดตัดขาดทุนหากเงินบาทแข็งค่ากว่า 31.50 บาท/ดอลลาร์

💡 𝐈𝐦𝐩𝐥𝐢𝐜𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧

1️⃣ 𝐈𝐧𝐢𝐭𝐢𝐚𝐭𝐞 𝐁𝐮𝐲 (𝟑 𝐍𝐨𝐯 𝟐𝟎𝟐𝟓)

𝐒𝐚𝐭𝐞𝐥𝐥𝐢𝐭𝐞 𝐩𝐨𝐫𝐭 (สำหรับช่วง 6 - 12 เดือน)

✅𝐒𝐂𝐁𝐊𝐄𝐐𝐓𝐆: กองทุนหุ้นเกาหลีใต้ ลงทุนผ่าน iShares MSCI South Korea (EWY) ที่มีสัดส่วนการลงทุนใน Samsung Electronics และ SK Hynix รวมกันราว 40% โดยเรามองกระแส Memory supercycle จากความต้องการใช้ Memory ที่เร่งตัวขึ้นจะต่อเนื่องจนถึงปลายปี 2026 โดยสัปดาห์นี้ให้ติดตามตัวเลขส่งออกเกาหลีใต้ โดยเฉพาะ Memory exports

✅สามารถซื้อลงทุนได้ทันที (1 ธ.ค. 2025) จากระดับ PER ที่ยังอยู่ที่ค่าเฉลี่ยที่ 10 เท่า แต่พื้นฐานหุ้นนำสองตัวเปลี่ยนจาก Commodity เป็น Growth

2️⃣ 𝐁𝐮𝐲 𝐥𝐢𝐬𝐭𝐬

𝐒𝐚𝐭𝐞𝐥𝐥𝐢𝐭𝐞 𝐩𝐨𝐫𝐭 (สำหรับช่วง 6 - 12 เดือน)

✅𝐊𝐊𝐏 𝐓𝐄𝐂𝐇-𝐔𝐇: กองทุนหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ลงทุนผ่าน iShares Expanded Tech (IGM) โดยสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวขึ้น +6.01% จากการ priced-in โอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. และการขึ้นของหุ้น Google และ Broadcom หลัง Meta เตรียมพิจารณาใช้ TPU

✅คงคำแนะนำซื้อเมื่อ IGM (ETF) มีการย่อตัวลง สำหรับกรอบการลงทุน 12 เดือนข้างหน้า และให้ติดตาม ตัวเลข Macro สหรัฐฯ และผลประกอบการของ CrowdStrike, Marvell, Credo, Snowflake, Salesforce และ MongoDB

✅𝐀𝐒𝐏-𝐍𝐆𝐅: กองทุนหุ้นญี่ปุ่น ลงทุนผ่าน Eric Sturdza Nippon Growth โดยสัปดาห์ที่แล้วดัชนี Topix +2.45% จาก sentiment เชิงบวกที่เฟดอาจลดดอกเบี้ย และการปรับตัวขึ้นของกลุ่มธนาคาร รับมาตรการกระตุ้นทางการคลังที่ผ่าน ครม.

✅คงคำแนะนำซื้อเมื่อ Topix มีการย่อตัวลง สำหรับกรอบการลงทุน 12 เดือนข้างหน้า และให้ติดตาม ถ้อยแถลงของผู้ว่า BOJ

✅𝐌𝐈𝐍𝐃𝐈𝐀: กองทุนหุ้นอินเดีย ลงทุนผ่าน Jupiter India Select Fund โดยสัปดาห์ที่แล้วดัชนี Nifty 50 +0.52% เลี้ยงตัวใกล้ระดับ all-time high ก่อนการประกาศ GDP 3Q25 ซึ่งล่าสุดประกาศหลังปิดตลาดวันศุกร์ออกมา +8.2% YoY ดีกว่าตลาดคาดที่ 7.3%

✅คงคำแนะนำซื้อเมื่อ Nifty 50 มีการย่อตัวลง สำหรับกรอบการลงทุน 12 เดือนข้างหน้า และให้ติดตาม การประชุมธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ที่ตลาดคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 25 bps

𝐒𝐚𝐭𝐞𝐥𝐥𝐢𝐭𝐞 𝐩𝐨𝐫𝐭 (สำหรับช่วง 3 - 6 เดือน)

✅𝐎𝐍𝐄-𝐅𝐅𝐈: กองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนใน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้นโดยปัจจุบันมี Port Duration ที่ 7 เดือน 20 วัน และมี Yield to Maturity ที่ 3.65% ต่อปี กองทุนไม่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Unhedged) ซึ่งเปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เรามองว่าค่าเงินบาทแข็งค่ามากเกินไปตรงข้ามกับปัจจัยพื้นฐาน

✅คงคำแนะนำลงทุนเมื่อ USD/THB อยู่ในกรอบ 32 – 33 โดยมีเป้าหมายการทำกำไรที่ 35/USD และจุดตัดขาดทุนที่ 31.5/USD

3️⃣ 𝐇𝐨𝐥𝐝𝐢𝐧𝐠 𝐥𝐢𝐬𝐭𝐬

𝐒𝐚𝐭𝐞𝐥𝐥𝐢𝐭𝐞 𝐩𝐨𝐫𝐭 (สำหรับช่วง 6 - 12 เดือน)

✅𝐓𝐔𝐒𝐅𝐈𝐍-𝐀: กองทุนหุ้นกลุ่มการเงินในสหรัฐฯ ลงทุนผ่าน XLF (ETF) โดยสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวขึ้น +3.21% จากความคาดหวังว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.

✅คงคำแนะนำ Let profit run และให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Core PCE

KS-FUND-WEEKLY-1200x1200.jpg

📲เปิดพอร์ตลงทุนกองทุนรวมกับ KS ลงทุนได้หลากหลาย บลจ. >> https://ksecurities.co/Open-Account_Fund

⛳Follow us :

📲 LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA

📲 Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook

📲 Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram

📲 Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter

📲 YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube

📲 Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads

#KS #KSecurities #หลักทรัพย์กสิกรไทย #กองทุน #ผลตอบแทน #หุ้นไทย #การลงทุนหลักทรัพย์ #FUND #กลยุทธ์การจัดพอร์ต

ค้นหา