TOP: แนวโน้มระยะยาวแข็งแกร่ง
TOP: แนวโน้มระยะยาวแข็งแกร่ง
- TOP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 1.08 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ ตามคาดจากค่าการกลั่นที่ฟื้นตัว และผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันที่พลิกเป็นกำไร
- ยุคทองของอุตสาหกรรมโรงกลั่นที่จะมาถึงในปี 2568 ผู้บริหาร TOP ยืนยันมุมมองที่ว่ายุคทองของอุตสาหกรรมโรงกลั่นจะเริ่มต้นในปี 2568 เนื่องจากกำลังการผลิตโรงกลั่นใหม่เพิ่มขึ้นน้อยลง สำหรับปี 2567 ผู้บริหารคาดว่าค่าการกลั่น (GRM) จะกลับมาสู่ระดับปกติที่ 7 ดอลล่าร์สหรัฐฯ/บาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์น้ำมันอากาศยานและน้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปริมาณสต๊อกกลุ่มน้ำมันดีเซลที่อยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าความต้องการน้ำมันดีเซลดูเหมือนจะทรงตัว YoY ทั้งนี้ แนวโน้มดังกล่าวดูจะดีกว่าที่เราคาดเล็กน้อย เนื่องจากเราคาดว่าปีทองของอุตสาหกรรมโรงกลั่นจะเริ่มต้นในปี 2569 เป็นต้นไป
- …ด้วยการฟื้นตัวของธุรกิจปิโตรเคมี จากแนวโน้ม market GRM ที่อาจจะทรงตัว YoY ในปี 2567 กำไรของ TOP น่าจะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจปิโตรเคมี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ PE และผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์พื้นฐาน ทั้งนี้ อุปทานใหม่ของ PE และอะโรเมติกส์พื้นฐานคาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยในปี 2567-68 และน้อยกว่าความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหมายถึงอุปทานส่วนเกินที่ลดลงและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่อาจสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารคาดว่าปีที่ดีของธุรกิจปิโตรเคมีจะมีระยะเวลา 2-3 ปี ก่อนที่กำลังการผลิตใหม่จะมาถึงในปี 2569-71
- …และประโยชน์ของโครงการ CFP นอกจากสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมโรงกลั่นและปิโตรเคมีที่ดีขึ้นในปี 2568 แล้ว TOP จะได้รับประโยชน์จากการเริ่มดำเนินงานโครงการ CFP ในปี 2568 ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะช่วยเพิ่ม GRM เป็น 2 เท่าและเพิ่มปริมาณการผลิตของโรงกลั่นขึ้น 33% ทั้งนี้ ปัจจุบันความคืบหน้าการก่อสร้างของโครงการ CFP อยู่ที่ 94% โดย TOP คาดว่าจะเริ่มดำเนินการทดสอบการใช้งานหน่วยไฮโดรเดสซัลเฟอร์ไรเซชัน (HDS) ในไตรมาส 1/2567 และหน่วยกลั่นน้ำมันดิบรวมถึงหน่วยผลิตไฟฟ้าในปี 2567 ดังนั้น โครงการ CFP ทุกหน่วยคาดว่าจะเริ่มต้นดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ทั้งหมดในไตรมาส 1/2568
- ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสภาวะการแข่งขันหลังการรวมตลาด ผู้บริหาร TOP คาดว่าแนวโน้มการแข่งขันในอุตสาหกรรมโรงกลั่นในประเทศจะไม่เปลี่ยนแปลงหลังจากเกิดการควบรวมกิจการระหว่าง BCP และ ESSO เนื่องจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงกำลังการกลั่นของประเทศ ทั้งนี้ อัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นของโรงกลั่น ESSO หลังการควบรวมจะเป็นเพียงการทดแทนปริมาณที่ BCP นำเข้าจากต่างประเทศในปัจจุบัน ในขณะที่ TOP เชื่อว่าต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทฯ จะสามารถแข่งขันได้กับต้นทุนการดำเนินงานส่วนเพิ่มของโรงกลั่น ESSO
- แนะนำ “ซื้อ” และ TP ที่ 55.50 บาท TOP ยังดูดีสำหรับการลงทุนระยะยาว ในขณะที่ ปัจจัยหนุนในระยะสั้น ได้แก่ การฟื้นตัวของ GRM
เปิดพอร์ตลงทุน >> https://ksecurities.co/open-account
Follow us :
LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA
Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook
Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram
Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter
YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube
Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads
#KS #หลักทรัพย์กสิกรไทย #KSecurities #การลงทุน #การลงทุนหลักทรัพย์ #ผลตอบแทน #ข่าวหุ้น #หุ้นไทย #TOP