KS Beverage Sector : Monthly coconut exports อุตสาหกรรมมะพร้าวยังคงเติบโตต่อเนื่อง
- ยอดส่งออกน้ำมะพร้าว มูลค่าการส่งออกน้ำมะพร้าวของไทยในเดือนก.ย. อยู่ที่ 49.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 6.9% YoY และ 11.9% MoM จากมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นไปยังจีนและภูมิภาคเอเชีย ตลาดหลักยังคงเป็นจีนและสหรัฐฯ ซึ่งมีสัดส่วน 40% และ 35% ของมูลค่าการส่งออกรวม ปริมาณการส่งออกรวมอยู่ที่ 51.5 ล้านกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 17% YoY และ 12.6% MoM จากปริมาณที่สูงขึ้นไปยังจีนและภูมิภาคเอเชีย มูลค่าการส่งออกไปจีนและภูมิภาคเอเชียอยู่ที่ 19.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+9% YoY, +27% MoM) และ 26.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+16% YoY, +22% MoM) ตามลำดับ
- ยอดส่งออกน้ำกะทิ มูลค่าการส่งออกกะทิของไทยในเดือนก.ย. อยู่ที่ 44.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 30.2% YoY จากมูลค่าการส่งออกที่สูงขึ้นไปยังสหรัฐฯ และภูมิภาคเอเชีย แต่ลดลง 8.8% MoM จากการเติบโตที่ชะลอตัวลงในตลาดยุโรป ตลาดหลักยังคงเป็นสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งมีสัดส่วน 40% และ 20% ของมูลค่าการส่งออกรวม ปริมาณการส่งออกรวมอยู่ที่ 22.7 ล้านกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 3.4% YoY จากปริมาณที่สูงขึ้นไปยังจีนและภูมิภาคเอเชีย แต่ลดลง 8% MoM จากปริมาณที่ลดลงไปยังยุโรป มูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชียอยู่ที่ 17.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+47% YoY, -4% MoM), 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+3% YoY, -20% MoM) และ 8.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+32% YoY, -10% MoM) ตามลำดับ
- ราคาวัตถุดิบ ณ เดือนต.ค. ราคามะพร้าวผลแห้งเฉลี่ยในประเทศอยู่ที่ 17.98 บาท/ลูก เพิ่มขึ้น 8% MoM แต่ลดลง 7% YoY ขณะที่ราคาเฉลี่ยมะพร้าวแห้งในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 16.58 บาท ลดลง 17.2% QoQ จากผลผลิตมะพร้าวที่เพิ่มขึ้น ตามข้อมูลจาก International Coconut Community ราคามะพร้าวผลแห้งในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์อยู่ที่ 294 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน และ 296 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน เทียบกับราคาในเดือนก.ย. ที่ 267 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน และ 316 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ตามลำดับ ราคามะพร้าวผลแห้งในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ต่ำกว่าของไทย 31.3% และ 30.9% ตามลำดับ
- ผลกระทบ เรามีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยต่อมูลค่าการส่งออกรวม จากแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง YoY ของทั้งน้ำมะพร้าวและกะทิ แม้ค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ถึง 7% YoY ซึ่งสะท้อนการเติบโตเชิงบวกของอุตสาหกรรมมะพร้าว มูลค่าการส่งออกรวมในไตรมาส 3/2568 ของน้ำมะพร้าวและกะทิอยู่ที่ 147.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+10% YoY, -9% QoQ) และ 144.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+32% YoY, +22% QoQ) ตามลำดับ ซึ่งบ่งชี้ถึงการเติบโตของรายได้ YoY ในเชิงบวกของ COCOCO อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกัน เรามองว่ากำไรขั้นต้นของ COCOCO ในไตรมาส 4/2568 อาจฟื้นตัวจำกัด QoQ เนื่องจากราคามะพร้าวผลแห้งล่าสุดปรับเพิ่มขึ้น 8% MoM
มุมมอง KS
- มุมมองเป็นกลาง เราคงมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มเครื่องดื่ม สำหรับ COCOCO ในระยะสั้น เรามองว่าหุ้นจะได้แรงหนุนเชิงบวกจากมูลค่าการส่งออกที่ดีและแนวโน้มราคาวัตถุดิบที่ลดลงในไตรมาส 3/2568 ซึ่งอาจช่วยหนุนกำไรให้ปรับตัวดีขึ้น QoQ แม้ราคามะพร้าวแห้งในเดือนตุลาคมจะเริ่มปรับตัวขึ้น MoM แต่เรายังคงมุมมองเชิงบวกระยะยาวว่าบริษัทฯ จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มราคาวัตถุดิบที่ลดลงเมื่อโรงงานใหม่ในฟิลิปปินส์เริ่มดำเนินงานในไตรมาส 1/2569 เนื่องจากราคามะพร้าวผลแห้งในฟิลิปปินส์ปัจจุบันต่ำกว่าของไทยราว 31% ดังนั้น เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ COCOCO ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2569 ที่ 9.08 บาท มูลค่าหุ้นปัจจุบันถือว่าน่าสนใจด้วย PER ปี 2569 ที่ 13.6 เท่า เทียบกับการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2569 ที่ 82% ROE ที่ 19% และอัตราตอบแทนจากเงินปันผลที่ 3.8%

เปิดพอร์ตลงทุน >> https://ksecurities.co/open-account
Follow us :
LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA
Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook
Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram
Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter
YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube
Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads
#KS #หลักทรัพย์กสิกรไทย #KSecurities #การลงทุน #การลงทุนหลักทรัพย์ #ผลตอบแทน #ข่าวหุ้น #หุ้นไทย #FoodandBeverage #SAPPE #OSP #Beverage #เครื่องดื่ม
ภาษาไทย
English