KS: กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ คาดผู้ผลิตไก่เนื้อและทูน่ายังแข็งแกร่ง

KS: กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ คาดผู้ผลิตไก่เนื้อและทูน่ายังแข็งแกร่ง

วิเคราะห์โดย KS Research Fundamental
29 ต.ค. 2568
ย้อนกลับ

KS: กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ คาดผู้ผลิตไก่เนื้อและทูน่ายังแข็งแกร่ง

- คาดกำไรสุทธิรวมปี 69 อ่อนตัวลง 23.7%YoY จากกลุ่มปศุสัตว์ที่ลดลง 28.7% ขณะที่คาดกำไรรวมของกลุ่มสัตว์น้ำและอาหารสัตว์จะเติบโตขึ้น 6.6% YoY

- ปัจจัยหลักที่ยังหนุนความสามารถในการทำกำไรของผู้ผลิตอาหารในปี 69 ให้ดีกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตก่อนปี 68 คือ ต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงอย่างต้นทุนอาหารสัตว์และทูน่า 

- คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ของผู้ผลิตอาหารจะลดลงจากราคาสินค้าที่ลดลงแม้ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลงเช่นกันแต่ในอัตราที่ช้าลงซึ่งฉุด GPM ให้น้อยลง

Highlights

- แนวโน้มธุรกิจในปี 2569 เราคาดว่าอุตสาหกรรมไก่เนื้อของประเทศไทยยังแข็งแกร่งในปี 2569 หนุนจากอุปสงค์การส่งออกที่เสถียรและโครงสร้างต้นทุนที่ได้เปรียบในการแข่งขัน เราคาดว่าการผลิตไก่เนื้อจะเพิ่มขึ้น 2.6% YoY ในปี 2568 มาอยู่ที่ 3.58 ล้านตันและคาดว่าอุปทานหมูไทยจะลดลง 5-10% ในปี 2568 มาอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านตัวเนื่องจากจำนวนสุกรมีชีวิตในช่วงต้นปีลดลงอย่างรุนแรงจากการระบาดของโรคสุกร สำหรับในปี 2569 เราคาดว่าอุปทานสุกรจะทรงตัวอยู่ที่ 19-20 ล้านตัว เนื่องจากผู้ผลิตร่วมมือกันเพื่อรักษาจำนวนแม่พันธุ์สุกรและปกป้องเกษตรกรรายย่อย แนวโน้มธุรกิจทูน่าในปี 2569 มีมุมมองบวกมากขึ้นจากราคาทูน่าดิบที่กลับมาอยู่ระดับปกติและสถานการณ์การซื้อขายที่ดีขึ้น ขณะที่คาดการผลิตกุ้งในประเทศจะเสถียรหนุนจากการบริโภคในประเทศอย่างต่อเนื่องและราคาหน้าฟาร์มที่แข็งแกร่งในปี 2569 

- คาดกำไรกลับมาอยู่ระดับปกติในปี 2569 จากกำไรที่คาดทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2568 เราคาดว่ากำไรสุทธิของกลุ่มจะกลับมาอยู่ระดับปกติในปี 2569 จากราคาสินค้าที่ลดลงและอัตรากำไรที่อ่อนตัวลง อย่างไรก็ดี เราคาดว่าความสามารถในการทำกำไรจะยังอยู่สูงกว่าระดับเฉลี่ยช่วงก่อนเกิดโรคระบาดจากอุปสงค์การส่งออกที่แข็งแกร่งและการขยายกำลังการผลิตอย่างมีวินัย เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมในปี 2569 จะอยู่ที่ 4.06 หมื่นลบ. ลดลง 23.7% YoY โดยคาดกำไรของกลุ่มปศุสัตว์จะอยู่ที่ 3.23 หมื่นลบ. (-28.7% YoY) และของกลุ่มสัตว์น้ำและอาหารสัตว์จะอยู่ที่ 8.3 พันลบ. (+4.2% YoY)  

- ต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงช่วยพยุงอัตรากำไร ความมั่นคงของอุปทานกากถั่วเหลืองทั่วโลกและการปรับตัวลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปของราคาข้าวโพดคาดจะเป็นเกราะป้องกันให้กับต้นทุนไปจนถึงปี 2569 การลดลงของต้นทุนอาหารสัตว์ร่วมกับอัตราค่าขนส่งที่ทรงตัว ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถรักษาอัตรากำไรได้ แม้คาดราคาขายจะอ่อนตัวลงก็ตาม เราคาดว่า GPM เฉลี่ยในปี 2569 จะลดลงมาอยู่ที่ 16.5% (-2.4ppt YoY) ขณะที่คาดว่า GPM ของผู้ผลิตปศุสัตว์จะลดลงมาอยู่ที่ 14.7% (-2.8ppt YoY) และของผู้ผลิตอาหารสัตว์น้ำและอาหารสัตว์จะลดลงมาอยู่ที่ 17.8% (-0.2ppt YoY)

- พรีวิวกำไรไตรมาส 3/2568 เราคาดว่ากำไรรวมของทั้ง 8 บริษัทในกลุ่มผู้ผลิตอาหารที่เราวิเคราะห์อยู่จะอยู่ที่ 1.05 หมื่นลบ. ลดลง 15% YoY และ 43.1% QoQ จาก GPM ที่ลดลงของผู้ผลิตอาหารทุกรายจากราคาสุกรในประเทศที่อ่อนตัวลงและราคาทูน่าที่สูงขึ้นซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของทูน่ากระป๋องแม้อุปสงค์การส่งออกเพิ่มขึ้นในช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 3

มุมมอง KS

คงมุมมองเป็นกลาง เราคงมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มแต่เราชอบ GFPT และ TU จากแนวโน้มกำไรที่สดใสและมีศักยภาพในการเติบโต GFPT: คาดกำไรของธุรกิจไก่เนื้อยังคงแข็งแกร่งหนุนจากราคาขายไก่เนื้อที่ทรงตัวและต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง TU: คาดฟื้นตัวขึ้นจากอัตราภาษีที่กลับมาอยู่ระดับปกติและประสิทธิภาพในการดำเนินงานภายหลังการปรับโครงสร้างบริษัท

Soft-Commodities-Sector-1200x1200.jpg

เปิดพอร์ตลงทุน >> https://ksecurities.co/open-account

Follow us :

LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA

Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook

Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram

Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter

YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube

Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads

#KS #หลักทรัพย์กสิกรไทย #KSecurities #หุ้น #หุ้นไทย #ข่าวหุ้น #ลงทุน #กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ #SoftCommodities

ค้นหา