KS : TOP การปิดซ่อมบำรุงกดดันกำไร 3Q68 แต่การฟื้นตัวเด่นชัด

วิเคราะห์โดย KS Research Strategy

1 พ.ย. 2568

ผลกระทบจากการปิดซ่อมโรงงานจะกดดันกำไรปกติในไตรมาส 3/2568

เราคาดว่ากำไรปกติของ TOP ในไตรมาส 3/2568 จะติดลบอยู่ที่ 745 ลบ. ลดลง 87% YoY และพลิกจากมีกำไรปกติ 2 พันลบ. ในไตรมาส 2/2568 กำไรปกติที่อ่อนแอเกิดจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น โรงงานอะโรเมติกส์ และโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน เป็นเวลา 30–45 วัน ซึ่งทำให้ปริมาณการขายลดลงกว่าครึ่ง และกระทบต่อประสิทธิภาพการผลิต

…แต่รายการครั้งเดียวจะช่วยให้กำไรกลับมาเป็นบวก

อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า TOP จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2568 ที่ 2.1 พันลบ. (กำไรต่อหุ้น (EPS) 0.95 บาท) พลิกจากขาดทุนสุทธิ 4.2 พันลบ. ในไตรมาส 3/2567 แต่ลดลง 67% QoQ กำไรสุทธิลดลง QoQ เนื่องจากไม่มีรายการกำไรพิเศษจาก CAP จำนวน 7 พันลบ. ขณะที่การปรับตัวดีขึ้น YoY มาจากการรับรู้กำไรพิเศษจากการซื้อคืนพันธบัตร 1.3 พันลบ. และการพลิกมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 1.4 พันลบ. จากเดิมที่ขาดทุน 7.5 พันลบ.

แนวโน้มกำไรในไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะทรงตัว QoQ

เนื่องจากผลกระทบจากการพลิกขาดทุนสต๊อกน้ำมันที่อาจเกิดขึ้นราว 60–70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการไม่มีกำไรพิเศษจากการซื้อคืนพันธบัตร จะถูกชดเชยเกือบทั้งหมดด้วยการไม่มีผลกระทบจากการปิดซ่อมโรงงาน (+45 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) และ market GRM ที่ปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับ 6–7 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล (+80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ทั้งนี้ เนื่องจากกำไรในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 น่าจะอยู่ที่ราว 1.21 หมื่นลบ. หรือคิดเป็น 81% ของประมาณการทั้งปี เราจึงมองว่า downside ต่อประมาณการกำไรปี 2568 ที่ 1.49 หมื่นลบ. ยังอยู่ในระดับจำกัด

มุมมอง KS : คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายกลางปี 2569 ที่ 39.50 บาท ราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงจากแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/2568 ที่อ่อนแอจากผลกระทบการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน ถือเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นโรงกลั่นที่มีมูลค่าถูกเป็นอันดับสอง แต่มีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงกว่าคู่แข่งในประเทศ ด้วย TSR ราว 15% เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ TOP