KS FUND TOP PICK  𝟑 – 𝟕 พ.ย. 𝟐𝟎𝟐𝟓

KS FUND TOP PICK  𝟑 – 𝟕 พ.ย. 𝟐𝟎𝟐𝟓

วิเคราะห์โดย KS Research Strategy
3 พ.ย. 2568
ย้อนกลับ

KS: KS FUND TOP PICK  𝟑 – 𝟕 พ.ย. 𝟐𝟎𝟐𝟓

📌 งบบิ๊กเทคผ่านฉลุย Supply chain ฟ้องรันเวย์ไกลกว่าเดิม

เริ่มคำแนะนำซื้อ MINDIA EM laggard ที่แนวโน้มกำไรถูกปรับขึ้น

งบบิ๊กเทคผ่านฉลุย Supply chain ฟ้องรันเวย์ไกลกว่าเดิม

เริ่มคำแนะนำซื้อ MINDIA EM laggard ที่แนวโน้มกำไรถูกปรับขึ้น

• ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดหุ้นโลก (ACWI) เคลื่อนไหวในโหมด “risk on แบบระมัดระวัง” โดยมีแรงหนุนหลักจากความคืบหน้าของกรอบข้อตกลงการค้าเบื้องต้นระหว่างสหรัฐฯ–จีนที่ตกลงกันได้ตั้งแต่การหารือที่มาเลเซีย อีกทั้งยังได้ Sentiment เชิงบวกจากสหรัฐฯ ที่รายงานอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ก่อน ซึ่งช่วยตอกย้ำมุมมองว่าการประชุมเฟดรอบนี้ยังอยู่ในทิศทางผ่อนคลาย อีกทั้งยังมีปัจจัยเฉพาะตัว และผลประกอบการของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เป็นอีกแรงหนุน อย่างไรก็ตาม ภาพดังกล่าวถูกหักล้างบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ หลังเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps ตามที่ตลาดคาด และประกาศยุติ QT ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2025 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ค่อนข้างผ่อนคลาย แต่ด้วยถ้อยแถลงของ Powell ที่ว่า การลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมยังห่างไกล เพราะตอนนี้ขาดข้อมูลเศรษฐกิจจากภาวะ Government shutdown ทำให้เกิดแรงขายเข้ามาในตลาด อีกทั้งการพบกันของทรัมป์ และ สี จิ้นผิง ที่แม้จะมีบรรยากาศที่ค่อนข้างดี แต่ด้วยรายละเอียดที่ออกมานั้น ค่อนข้างเป็นไปตามที่ตลาดคาดเอาไว้ เช่น ลดภาษีที่ผูกกับประเด็นเฟนทานิลลงจาก 20% เหลือ 10% และทำให้ effective tariff ต่อสินค้าจีนลดลงจาก 57% เหลือ 47% แลกกับจีนระงับมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก 1 ปี และกลับมาซื้อสินค้าเกษตรทันที ขณะที่ประเด็นสำคัญอย่างชิป AI ขั้นสูง (Blackwell) กับไต้หวันยังไม่มีการถูกพูดขึ้น ทำให้ตลาดมองเป็นเพียงดีลคลายแรงกดดันระยะสั้น มากกว่าจะเป็นการรีเซ็ตความสัมพันธ์เต็มรูปแบบ ลักษณะเป็นเหมือนดาบที่ยังคงลอยอยู่เหนือหัว จึงเกิดแรงขายเพิ่มเติมในช่วงปลายสัปดาห์

• แม้ Sentiment อาจไม่ได้ดูดีทั้งหมด แต่ตลาดหุ้นโดยภาพรวมสามารถปรับตัวขึ้นได้ โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียเหนือ อย่างญี่ปุ่น (Nikkei +6.31% ปิดเหนือ 52,000 จุด และ Topix +1.91%), เกาหลีใต้ (Kospi +4.21% ปิดเหนือ 4,100 จุด) และไต้หวัน (TWSE +2.55%) ที่เดินทางทำ all-time high อย่างต่อเนื่อง หนุนโดย 1) งบของกลุ่ม Semiconductors ที่ออกมาดีกว่าคาดยกทั้ง Advantest จากความต้องการเครื่องทดสอบชิปเร่งตัวขึ้นมากกว่าที่ประเมินไว้, SK Hynix ที่กำลังผลิตปีหน้าถูกจองเต็มหมดแล้ว และ Samsung จากธุรกิจ memory ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ การส่งมอบ HBM3E โต 80% QoQ 2) ความคืบหน้าดีลสหรัฐฯ และจีนที่ช่วยลดความกังวลแร่หายากต่อสินค้า Hi-tech และ 3) การที่ BOJ คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% แต่ส่งสัญญาณไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย โดยจะขอประเมินการเพิ่มค่าจ้างในช่วงการเจรจา Shunto และผลกระทบภาษีนำเข้าก่อน ด้านตลาดหุ้นจีน (CSI 300 -0.43%, HSCEI -2.09%) แม้รีบาวด์ขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์จากตัวเลข Industrial profits ที่ดีขึ้นมาก แต่จากการประชุม fourth plenum และการเจรจาทางการค้าที่ยังขาดรายละเอียดสำคัญ จึงเกิดแรงขายในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป แม้ดัชนี Stoxx 600 (-0.67%) แม้ขึ้น all time high ได้ แต่อ่อนตัวลงมาหลัง ECB คงอัตราดอกเบี้ยพร้อมส่งสัญญาณนโยบายตอนนี้อยู่ในระดับที่ดีแล้ว, Core CPI ที่เปิดเผยหลังประชุม ECB ยังคงเร่งตัวขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาด และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ยังไม่โดดเด่น ยกเว้นกลุ่มธนาคารที่กำไรโตจากธุรกิจค่าธรรมเนียมด้านตลาดทุน

• ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดย S&P 500 (+0.71%) สามารถยืนเหนือ 6,900 จุด ได้ในบางช่วง แรงหนุนมาจากปัจจัยมหภาคอย่างการเจรจาการค้า และความหวังในการลดดอกเบี้ยของเฟด อีกทั้งยังมีแรงหนุนจากหุ้น Nvidia ที่ปรับตัวขึ้นแรงทะลุ $200 จากการดีลกับ Deutsche Telekom เตรียมร่วมลงทุนมูลค่า 1 พันล้านยูโร เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI ในเมืองมิวนิก และความเห็นโทน bullish ของ Jensen Huang ในงาน GTC Washington ที่คาดการณ์รายได้จาก Blackwell และ Rubin จะสูงถึง $500 ในอีก 5 ไตรมาสข้างหน้า ภายใต้สมมติฐานรายได้จากจีนเป็นศูนย์ ขณะที่ผลประกอบการหุ้น Mag 5 ออกมาโดยรวมค่อนข้างดี โดยเฉพาะ Amazon ที่ธุรกิจ AWS เติบโต 20.2% พร้อม backlog ทะลุ $200 bn โดยดีลที่เซ็นเฉพาะเดือนตุลาคมมากกว่า 3Q25, Google ที่ทุกธุรกิจเติบโตสองหลัก โดยที่ Google Cloud โต 33.5% พร้อม Cloud margin ที่ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8, Apple ที่แม้ยอดขาย iPhone และยอดขายในจีนจะต่ำกว่าคาด แต่ Tim Cook ส่งสัญญาณไตรมาสหน้าโตแรง และเน้นว่าไลน์อัพ iPhone ตอนนี้แข็งแกร่งที่สุดที่เคยมีมา, Microsoft แม้ Azure จะเติบโต 39% สูงกว่าคาด แต่ยอมรับว่า capacity จะตึงตัวยาวจนถึงกลางปี 2026 ทำให้การเติบโตอาจชะลอตัวลง ขณะที่ Meta ที่รายได้เติบโตมากที่สุดในบรรดา 5 บริษัทนี้ จากโฆษณา แต่ตลาดกังวลถึงค่าใช้จ่ายที่มีโทน aggressive มากที่สุด จะทำให้อัตรากำไรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม จากความเห็นของ Nvidia และบริษัทเทคฯ ใหญ่ที่ส่งสัญญาณเพิ่ม CAPEX ในปี 2026 อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้หุ้นในกลุ่ม Semiconductor Equipment ปรับตัวขึ้นแรงตามไปด้วย

• สัปดาห์นี้ เนื่องจากสหรัฐฯ ยังอยู่ในภาวะ Government shutdown ทำให้ Nonfarm payrolls, Unemployment rate ยังคงถูกเลื่อนรายงานออกไป เราจึงแนะนำให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจจากภาคเอกชนอย่าง ISM Manufacturing และ Services, ADP payrolls, Michigan consumer sentiment และการแถลงของกรรมการเฟดหลากหลายท่าน ในช่วงที่เว้นว่างจากข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ จะเป็นตัวชี้นำแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. รวมถึงศาลฎีกาของสหรัฐฯ จะพิจารณาคดีภาษีนำเข้าของทรัมป์ ขณะที่ประเทศอื่นๆ ให้ติดตาม การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE), ตัวเลข PMI ของจีน (RatingDog) และประเทศในเอเชีย, ตัวเลขส่งออกของจีน และไต้หวัน, อัตราการเติบโตของค่าจ้างในญี่ปุ่น ด้านผลประกอบการหุ้นสหรัฐฯ ให้ติดตาม AMD, Palantir, Qualcomm, ARM, ON Semi, Arista, Astera Labs, SMCI, Fortinet, Uber, Shopify, Spotify, Pfizer, Amgen, McDonald’s, Monster Beverage, Airbnb, Constellation Energy, Vistra, NRG, Robinhood, หุ้นยุโรป Novo Nordisk, Ferrari และ AstraZeneca หุ้นญี่ปุ่น Toyota, Honda และ Nintendo หุ้นจีน SMIC และ Hua Hong Semiconductor

• เราประเมินตลาดหุ้นโลกจะยังผันผวนสูง แต่จะปรับตัวขึ้นได้ในลักษณะ Sideways up จากสถิติในเดือน พ.ย. ที่เป็นเดือนที่ตลาดหุ้นมีผลตอบแทนที่ดีที่สุด หนุนภาวะสงครามการค้าที่ถูกแคป Ceiling, การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่น่าจะยังเกิดขึ้น หลัง Powell บอกว่าดอกเบี้ยระดับนี้ยังอยู่ในจุดที่ค่อนข้างตึงตัว และผลประกอบการของหุ้นเทคฯ ใหญ่ ที่ภาพรวมออกมาแข็งแกร่ง สำหรับผลประกอบการของหุ้นใน S&P 500 ที่ออกมาแล้ว 64% มีจำนวนบริษัทที่มีกำไรมากกว่าคาด (Beat rate) 82% มากกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 78% และ 10 ปีที่ 75% โดยมีกำไรเติบโต 10% มากกว่าที่ตลาดคาดราว 5% โดยกลุ่ม Technology ยังคงมีกำไรเติบโตสูงสุดในขณะนี้ เราจึงแนะนำว่าให้ใช้จังหวะที่ตลาดปรับฐานจาก Macro concern ในการเข้าลงทุน K-GSELECTU-A(A) สำหรับ Core Portfolio และ KKP TECH-UH สำหรับ Satellite Portfolio 12 เดือน, หุ้นญี่ปุ่นผ่านกองทุน K-JP-A(D) ที่รัฐบาลมีนโยบายผลักดันให้ครัวเรือนเปลี่ยนจากออมเงินเป็นลงทุน และหุ้นอินเดีย (คำแนะนำใหม่) ผ่านกองทุน MINDIA สำหรับ Satellite Portfolio 12 เดือน จากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง สะท้อนผ่านความเห็นของ RBI ที่คงดอกเบี้ย แต่ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ขึ้น และปรับเงินเฟ้อลง เปิดทางลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมหากจำเป็น รวมถึงการปรับประมาณการกำไรที่มีแนวโน้มดีขึ้น จากดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำแบบเต็มไตรมาส และการกระตุ้นการบริโภคผ่านนโยบาย GST ด้านตราสารหนี้ กองทุน UGISFX-N เราแนะนำให้เข้าลงทุนในจังหวะที่ 10Y UST ปรับตัวเข้าใกล้ระดับ 4.20%, ONE-FFI ที่เป็น Satellite Portfolio ระยะสั้น 3-6 เดือน สำหรับเก็งกำไรจากค่าบาท เราแนะนำทยอยสะสมเมื่อค่าเงินบาทอยู่ในกรอบ 32-33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายในการทำกำไรเมื่อเงินบาทอ่อนค่าไปที่ระดับ 35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ และกำหนดจุดตัดขาดทุนเมื่อเงินบาทแข็งค่ากว่า 31.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ

𝐈𝐦𝐩𝐥𝐢𝐜𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧

𝐈𝐧𝐢𝐭𝐢𝐚𝐭𝐞 𝐁𝐮𝐲 (𝟑 𝐍𝐨𝐯 𝟐𝟎𝟐𝟓)

𝐒𝐚𝐭𝐞𝐥𝐥𝐢𝐭𝐞 𝐩𝐨𝐫𝐭 (สำหรับช่วง 6 - 12 เดือน)

𝐌𝐈𝐍𝐃𝐈𝐀: กองทุนหุ้นอินเดีย ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Jupiter India Select Fund ซึ่งมีนโยบายคัดเลือกหุ้นรายตัวแบบ Bottom-up ลงทุนประมาณ 60–80 บริษัท โดยพอร์ตปัจจุบันให้น้ำหนักกับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการบริโภคและการเติบโตภายในประเทศอินเดีย เช่น กลุ่มบุหรี่ กลุ่มเครือโรงพยาบาล สายการบิน และกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานอย่างพลังงานและโทรคมนาคม รวมถึงมีการกระจายไปยังหุ้นขนาดเล็กมากกว่าดัชนีอ้างอิงเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (alpha) ทั้งนี้กองทุนมีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับต้นๆ อย่างสม่ำเสมอ ภายใต้การบริหารของผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์มากกว่า 39 ปี และยังได้รับการจัดอันดับระดับ AA จาก Citywire ซึ่งเป็นระดับสูง (รองจาก AAA) ในระบบจัดอันดับผู้จัดการกองทุนของ Citywire ที่ใช้วัดความสม่ำเสมอของผลงานเทียบกับความเสี่ยง

เราแนะนำให้เริ่มเข้าลงทุนได้ทันที โดยคาดว่าหุ้นอินเดียจะกลับมา Outperform ได้ในปีหน้า จากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง สะท้อนผ่านความเห็นของ RBI ที่คงดอกเบี้ย แต่ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ขึ้น และปรับเงินเฟ้อลง เปิดทางลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมหากจำเป็น รวมถึงการปรับประมาณการกำไรที่มีแนวโน้มดีขึ้น จากดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำแบบเต็มไตรมาส และการกระตุ้นการบริโภคผ่านนโยบาย GST

𝐁𝐮𝐲 𝐥𝐢𝐬𝐭𝐬

𝐒𝐚𝐭𝐞𝐥𝐥𝐢𝐭𝐞 𝐩𝐨𝐫𝐭 (สำหรับช่วง 6 - 12 เดือน)

𝐊𝐊𝐏 𝐓𝐄𝐂𝐇-𝐔𝐇: กองทุนหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก iShares Expanded Tech หรือ IGM (ETF) เน้นลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ในกลุ่ม Technology และ Communication Services โดย IGM (ETF) ปรับตัวขึ้น 2.07% จากการปรับตัวขึ้นของ Nvidia 8.71% หลัง CEO กล่าวว่ารายได้อาจถึง 5 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ในอีก 5 ไตรมาสข้างหน้า และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของหุ้น Semiconductor equipment ทั่วโลก รวมถึง Google ที่ปรับตัวขึ้น +8.2% แม้ Meta และ Oracle จะปรับตัวลงแรง 12% และ 7% ตามลำดับ จากความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการเร่งลงทุน

สำหรับกลุ่มเทคฯ สหรัฐฯ สัปดาห์นี้ ติดตามผลประกอบการของ AMD, Palantir, Qualcomm, ARM, ON Semi, Arista, Astera Labs, SMCI เราคงคำแนะนำซื้อ IGM (ETF) ในจังหวะที่มีการย่อตัวลง สำหรับกรอบการลงทุน 12 เดือนข้างหน้า

𝐊-𝐉𝐏-𝐀(𝐃): กองทุนหุ้นญี่ปุ่นที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Lazard Japanese Strategic มีสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มการเงินราว 20% โดยดัชนี Topix +1.91% จากผลประกอบการของ Advantest ที่แข็งแกร่งกว่าคาด รวมถึงการที่ BOJ ส่งสัญญาณไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย โดยจะรอพิจารณาการเจรจาค่าจ้าง และผลกระทบจากภาษีนำเข้าก่อน

สำหรับญี่ปุ่น สัปดาห์นี้ให้ติดตามตัวเลขการเติบโตของค่าจ้าง, รายงานการประชุม BOJ และผลประกอบการของ Toyota, Honda และ Nintendo เรายังคงคำแนะนำซื้อเมื่อดัชนี Topix มีการย่อตัวลง โดยมีกรอบการลงทุนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

𝐒𝐚𝐭𝐞𝐥𝐥𝐢𝐭𝐞 𝐩𝐨𝐫𝐭 (สำหรับช่วง 3 - 6 เดือน)

𝐎𝐍𝐄-𝐅𝐅𝐈: กองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนใน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้นโดยปัจจุบันมี Port Duration ที่ 7 เดือน 27 วัน และมี Yield to Maturity ที่ 3.83% ต่อปี กองทุนไม่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Unhedged) ซึ่งเปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เรามองว่าค่าเงินบาทแข็งค่ามากเกินไปตรงข้ามกับปัจจัยพื้นฐาน

เราปรับคำแนะนำให้กลับมาเข้าลงทุนหลังค่าเงินบาทอ่อนค่ากลับเข้ามาในกรอบ 32 – 33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายการทำกำไรที่ 35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ และจุดตัดขาดทุนที่ 31.5 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ

KS-FUND-WEEKLY-1200x1200.jpg

เปิดพอร์ตลงทุนกองทุนรวมกับ KS ลงทุนได้หลากหลาย บลจ. >> https://ksecurities.co/Open-Account_Fund

Follow us :

LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA

Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook

Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram

Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter

YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube

Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads

#KS #หลักทรัพย์กสิกรไทย #KSecurities #หุ้น #หุ้นไทย #ข่าวหุ้น #ลงทุน #FUND #กองทุน #กองทุนแนะนำ #KGSELECTU #MINDIA #KKPTECH #JPAD #ONEFFI

ค้นหา