KS Daily View 09.09.2025 >>> ตลาดตอบรับเชิงบวก จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ คาด SET Index วันนี้ กรอบ 1,255-1,280 จุด แนะนำ CPALL และ CK
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.21%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.45%, และ Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.25% จากนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้เพื่อพยุงการเติบโตทางเศรษฐกิจหนุนให้ ดัชนี Nasdaq ปิดทำสถิติสูงสุดใหม่เมื่อวันที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,266.11 จุด เพิ่มขึ้น 1.31 จุด (+0.10%) จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของกลุ่มค้าปลีก, กลุ่มอาหาร, และกลุ่มขนส่ง ในวันนี้ เราคาด SET Index จะแกว่งตัว sideway up ได้เล็กน้อยในกรอบ 1,255-1,280 จุด หนุนโดยภาพเชิงบวกในประเทศต่อเนื่อง จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากรัฐบาลใหม่ ที่เน้นกระตุ้นการบริโภคในประเทศ พร้อมทั้งปรับเงื่อนไขใช้จ่ายขั้นต่ำ อาทิเช่นต้องใช้จ่าย 100 บาทขึ้นไปจึงจะได้รับส่วนลด ที่จะช่วยหนุนการหมุนเวียนเงินในระบบมากขึ้น ในขณะเดียวกันภาพของต่างประเทศยังเป็นการเก็งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังภาคการจ้างงานของสหรัฐออกมาอ่อนแอ อาจส่งผลให้ Dollar index มีการอ่อนแอค่าลง หนุนให้ค่าเงินบาทยังแข็งค่าใน 3Q25 และกดดัน GPM ของกลุ่มส่งออก ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะอย่าง CPALL จากแนวโน้มของการบริโภคในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว และ CK หลังประเด็นทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย รวมไปถึงกำไรของบริษัทลูกอย่าง CKP ที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1)กระทรวงการคลังยืนยันพร้อมเดินหน้าโครงการ “คนละครึ่ง” โดยสามารถเริ่มได้เร็วสุดเดือนตุลาคมนี้ ผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” เนื่องจากระบบเดิมยังใช้งานได้ทันที มีงบประมาณรองรับแล้ว 25,000 ล้านบาทในปีงบ 2026 พร้อมทั้งปรับเงื่อนไขใช้จ่ายขั้นต่ำ ส่วนรายละเอียดโครงการ เช่น ขนาด วงเงิน สัดส่วนการร่วมจ่าย และประเภทสินค้าที่เข้าร่วม ยังรอข้อสรุปจากรัฐบาล โดยคลังจะเปิดลงทะเบียนร้านค้าก่อน มองเป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีกอย่าง CPAXT BJC
2)อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นางอารดา เฟื่องทอง ระบุว่าไทยเตรียมได้หารือกับ รมว.พาณิชย์เมียนมาในวันที่ผ่านมาเพื่อขอผ่อนปรนมาตรการใบอนุญาตนำเข้า หลังเมียนมาเข้มงวดตรวจสินค้านำเข้าชายแดนจนต้องปิดด่านแม่สอด–เมียวดีชั่วคราวตั้งแต่ 18 ส.ค. โดยหากไม่มีใบอนุญาตจะไม่สามารถนำเข้าสินค้าได้ มองเป็นบวกกับ OSP
3)อินเดียยังคงซื้อน้ำมันรัสเซียแม้ถูกสหรัฐฯ กดดัน โดย Indian Oil Corp (IOC) ยืนยันว่าการซื้อขายสปอตยังมีส่วนลด 2–3 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อส่งถึงท่าเรืออินเดีย แม้ปริมาณบรรทุกในสิงหาคมลดครึ่งหนึ่งเหลือ 686,850 บาร์เรล/วัน จาก 1.34 ล้านบาร์เรล/วันในกรกฎาคม สาเหตุเพราะคลังสำรองสูง มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบเล็กน้อยกับโรงกลั่นอย่าง TOP SPRC BSRC BCP
4)การส่งออกจีนไปสหรัฐฯ เดือนสิงหาคมลดลง 33% ทำให้การเติบโตโดยรวมเหลือเพียง 4.4% ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ขณะนำเข้าจากสหรัฐฯ ลดลง 16% จีนหันขยายตลาดใหม่ทั้งอียู อาเซียน แอฟริกา และลาตินอเมริกา แม้สหรัฐฯ ยังเป็นคู่ค้าใหญ่สุด การเจรจาการค้ายังไม่คืบและถูกขู่เก็บภาษี 200% หากผิดข้อตกลงแร่หายาก มองเป็น proxy ของการส่งออกของไทยเดือนสิงหาคมที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง
5)EU เตรียมออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบที่ 19 ครอบคลุมธนาคาร บริษัทพลังงาน ระบบจ่ายเงิน คริปโท และการค้าน้ำมัน โดยประสานสหรัฐเพิ่มแรงกดดันปูติน มาตรการอาจรวมคว่ำบาตรกองเรือเงา ผู้ค้าน้ำมันประเทศที่สาม ห้ามประกันเรือถูกขึ้นบัญชีดำ ยกเลิกข้อยกเว้นบริษัทใหญ่เช่น Rosneft และจำกัดการส่งออกสินค้า-สารเคมีทหาร รวมถึงบริษัทจีนที่หนุนรัสเซีย
Daily pick
CPALL: ราคาพื้นฐาน 64.50 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ CPALL จากความคาดการณ์การกระตุ้นเศรษฐกิจภายหลังการจัดตั้ง ครม โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูลเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 โดยเราคาดการณ์ SSSG ของ CPALL ยังคงทรงตัวในช่วง 3Q25 นี้ จากผลกระทบของนักท่องเที่ยวที่ชะลอลง แต่อย่างไรก็ตามด้วยระดับ valuation ที่ซื้อขายที่ระดับ 14.x สำหรับ PE ปี 2026 หรือต่ำระดับ -2SD และมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรราว 12% ในปี 2026 ยังคงเหมาะแก่การเข้าซื้อสะสม และเราคาดหวัง sector rotation จะมี flow ไหลมายังกลุ่มที่ underperform ในช่วงที่ผ่านมาอย่างกลุ่ม commerce โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็น staple อีกด้วย
CK: ราคาพื้นฐาน 21.50 บาท
เราแนะนำเก็งกำไร CK จากการผ่านงบประมาณประจำปี 2569 จำนวน 3.78 ล้านล้านบาทไปแล้ว ทั้งนี้คาดว่า CK ที่มี backlog จำนวนราว 2 แสนล้านบาทยังคงสามารถรับรู้รายได้ได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมกันนี้เราคาดว่า การประกาศงานใหม่ที่ได้ใน ครึ่งปีหลังไม่ว่าจะเป็น Double deck งามวงวาน จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท , มอเตอร์เวย์ M5 จำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท และรถไฟฟ้าสายสีแดงจำนวน 4 พันล้านบาทจะเป็น positive upside ต่อ CK ได้ พร้อมกันนี้เราคาดกำไรใน 3Q25 ของ CK จะเป็นจุดสูงจุดระหว่างปีจากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้และรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกพร้อมกับกำไรที่ส่งผ่านจาก CKP ที่เป็นหน้าน้ำเช่นกัน
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันอังคาร ติดตามการปรับปรุงข้อมูลตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payrolls) ประจำปีของสหรัฐอเมริกา จากสำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics - BLS)
วันพุธ ติดตาม รายงานอัตราเงินเฟื้อของจีน (China CPI) เดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -0.2% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.0% YoY ต่อด้วยการายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +3.3% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และ ดัชนีราคาผู้ผลิตมไม่รวมราคาอาหารลพลังงาน (US Core PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +3.1% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
วันพฤหัสบดี ติดตามผลการประชุมอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB interest rate decision) ตลาดคาดการณ์ว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยจากครั้งก่อนหน้า ต่อด้วยการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (US CPI) เดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.9% YoY เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +2.7% YoY และตัวเลขเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (US core CPI) ตลาดคาดที่ +3.1% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
วันศุกร์ ติดตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (Michigan Consumer Sentiment Prelim) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 58.0 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 58.2 จุด และดัชนีความเชื่อมันของผู้บริโภคของไทยเดือน ส.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 51.7 จุด
เปิดพอร์ตลงทุน >> https://ksecurities.co/open-account
ดูข้อมูลหุ้นเพิ่มเติมผ่านแอป KS TRADE+ โหลดเลย >> https://ksecurities.co/KSTradePlus
Follow us :
LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA
Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook
Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram
Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter
YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube