KS FUND TOP PICK 13 - 15 ส.ค. 2025


KS FUND TOP PICK 13 - 15 ส.ค. 2025
หุ้นโลก All time high ผ่อนคลายหลังเงินเฟ้อออกมาตามคาด สัปดาห์นี้ลุ้นงบหุ้นเทคฯ จีนจะพาตลาด New high ตามได้หรือไม่
- ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี หลังจากปรับตัวลงในช่วงก่อนหน้าจากตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ แรงหนุนสำคัญมาจากหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ที่ประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุดออกมาดีกว่าคาดมาก ส่งผลให้มีแรงซื้อเข้ามาในช่วงตลาดย่อตัวลง และทำให้ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อีกครั้ง ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวขึ้นได้ดีเช่นกัน หลักๆ มาจากความผ่อนคลายความกังวลทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ หลังมีข่าวว่าโดนัลด์ ทรัมป์และวลาดิมีร์ ปูตินกำลังเตรียมพบปะกันเร็วๆ นี้
สำหรับตลาดหุ้นญี่ปุ่นดัชนี Topix ขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสามารถปิดเหนือระดับ 3,000 จุดเป็นครั้งแรก จากผลประกอบการที่ดีกว่าคาดในกลุ่มธนาคาร เทคโนโลยีอย่าง SoftBank Group และเกมมิ่งอย่าง Sony และ Nintendo ขณะที่กลุ่มยานยนต์แม้ได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้า 25% แต่ผลประกอบการไม่ได้แย่อย่างที่กังวล โดย Toyota มีกำไรมากกว่าที่คาด ขณะที่ Honda ปรับเป้ากำไรในปีนี้ขึ้นจากเดิม ด้านตลาดในภูมิภาคเอเชีย ตลาดหุ้นไต้หวันและเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่ปรับตัวขึ้น ภายหลังจากทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ 100% แต่ยังเปิดทางให้บริษัทที่ลงทุนหรือมีโครงการลงทุนในสหรัฐฯ ได้รับการยกเว้นภาษี ทำให้หุ้นของบริษัทที่มีแผนขยายฐานการผลิตในสหรัฐฯ เช่น TSMC, Samsung, SK Hynix และ Micron ปรับตัวขึ้น โดยที่ TSMC ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ด้านตลาดหุ้นอินเดียปรับตัว Flat จากการที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มอีก 25% รวมเป็น 50% จากการที่อินเดียนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยภาพรวมแม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมายังคงสะท้อนถึงสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง เช่น ISM Services ที่ออกมาเพียง 50.1 แต่ตลาดยังคงให้น้ำหนักกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่งกว่าคาดมาก โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีที่ล่าสุดหุ้น Palantir นอกจากรายงานกำไรดีกว่าคาดแล้ว ยังปรับมุมมองกำไรขึ้นทั้งในไตรมาส 3 และตลอดปี 2025 นอกจากนี้ กลุ่มหุ้นสินค้าจำเป็นในสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้ดีจากแรงหนุนของตัวเลข Same store sales growth ของ Costco ในเดือนกรกฎาคมเร่งตัวขึ้นมาที่ 6.5% เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่โตเพียง 5.5% ช่วยลดความกังวลการบริโภคชะลอตัว ซึ่งเดิมตลาดกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อจะกดดันการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขณะที่ตลาดหุ้นจีนยังคงปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนเข้าสู่การรายงานผลประกอบการบริษัทสำคัญในสัปดาห์นี้
- ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา สหรัฐฯ รายงานอัตราเงินเฟ้อภาพรวมเป็นไปตามที่ตลาดคาด ถึงแม้ Core CPI จะเร่งตัวขึ้นมาที่ 3.1% มากกว่าคาดที่ 3.0% แต่ในรายละเอียดเป็นขึ้นมาจาก Demand side (Services) ขณะที่ Supply side (Goods) ยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากอย่างที่กังวลจาก tariff ทำให้ตลาดมองเฟดมีช่องให้ลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้ โดย CME FedWatch ให้ความเป็นไปได้ที่ 94% ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ เราแนะนำให้ติดตาม Retail Sales ที่คาดว่าจะชะลอตัวลง
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน คาดปรับตัวดีขึ้น ติดตามกระบวนการยืนยันตัว Stephen Miran เป็นคณะกรรมการ FOMC และถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่เฟด ขณะเดียวกันการเมืองระหว่างประเทศก็เป็นจุดสนใจ เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์และปูตินมีแผนพบปะเพื่อหาทางยุติความขัดแย้งในยูเครนช่วงปลายสัปดาห์
นอกจากนี้เรามองว่าตลาดจะให้ความสนใจมาที่ตลาดหุ้นจีนที่จะประกาศข้อมูลเศรษฐกิจรายเดือน โดยการผลิตอุตสาหกรรมคาดชะลอสู่ 5.8% จาก 6.8% ขณะที่ยอดค้าปลีกและการลงทุนสินทรัพย์ถาวรคาดคงที่ที่ 4.8% และ 2.8% ตามลำดับ อีกทั้งยังมีการรายงานผลประกอบการหุ้นใหญ่อย่าง Tencent, Alibaba, Meituan, JD, BYD, NetEase, Lenovo และ Kweichow Moutai เป็นต้น
- เรายังคงมองบวกต่อตลาดหุ้นโลก จากอัตราเงินเฟ้อที่ไม่ได้เร่งตัวขึ้นมากนัก ช่วยให้ตลาดคลายความกังวลและหนุน Sentiment กอปรกับผลประกอบการบริษัทใน 2Q25 ของสหรัฐฯ แข็งแกร่งเกินคาด โดยจากบริษัทที่เปิดเผยผลประกอบการแล้ว 453 แห่ง (คิดเป็น 91%) พบว่า 81% มีกำไรดีกว่าประมาณการ โดยเฉลี่ยสูงกว่าคาด 8.42% และเติบโต 11.40% โดยมีหุ้นกลุ่ม Financials, Communication Services และ Technology เป็นตัวนำ ส่งผลให้นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไร S&P 500 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 2Q25 ที่ปรับขึ้น 6.3% นับตั้งแต่สิ้น 2Q25 พร้อมกับผู้บริหารให้แนวโน้มเชิงบวกที่ 51% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี และ 10 ปีที่ 43% และ 39% ตามลำดับ โดยเฉพาะกลุ่ม Technology ที่มี 24 บริษัทให้มุมมองเชิงบวก
เราจึงค่อนข้างมั่นใจผลประกอบการหุ้นในกลุ่มเทคฯ จะแข็งแกร่งต่อใน 3Q25 จึงแนะนำสะสมหุ้นโลกผ่าน K-GSELECTU-A(A) เป็น Core Portfolio เสริมด้วย Satellite Portfolio ระยะ 12 เดือนในธีมเทคโนโลยีสหรัฐฯ ผ่าน KKP TECH-UH ที่เน้นกลุ่ม Technology และ Communication Services ที่ผลประกอบการบ่งชี้ว่าจะดีต่อเนื่อง สำหรับตราสารหนี้แนะนำสะสม UGISFX-N เมื่อผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี สหรัฐฯ ใกล้ 4.5% และเลือก Unhedged Class เพื่อลดต้นทุน Hedge จากค่าบาทที่แข็งเกินไป ส่วน Satellite Portfolio ระยะสั้น 3-6 เดือนแนะนำ ONE-FFI เพื่อเก็งกำไรจากค่าบาทแข็ง โดยสะสมช่วง 32-33.5 บาท/ดอลลาร์ ตัดขาดทุนที่ 31.50 บาท/ดอลลาร์ เป้าหมาย 35 บาท/ดอลลาร์
Implication
Buy lists
Satellite port (สำหรับช่วง 6 - 12 เดือน)
• KKP-TECH UH: กองทุนหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก iShares Expanded Tech หรือ IGM (ETF) เน้นลงทุนในกลุ่ม Technology, Communication Services และ Consumer Discretionary โดยมี Top 10 Holding เป็น Nvidia, Apple, Meta, Microsoft, Broadcom, Alphabet, Netflix, Oracle และ Palantir โดย IGM (ETF) ปรับตัวขึ้นทำ All time high ภายหลังผลประกอบการของ Palantir และ Shopify ที่ออกมาดีมาก รวมถึงการที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้ากลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ 100% แต่มีข้อยกเว้นสำคัญสำหรับบริษัทที่ดำเนินการหรือให้คำมั่นว่าจะสร้างโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ ได้กลายเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี
• สำหรับกลุ่มเทคฯ สหรัฐฯ สัปดาห์นี้ติดตามการรายงานผลประกอบการของ Cisco Systems, Applied Material และ CoreWeave เราแนะนำซื้อ โดยเฉพาะเมื่อ IGM (ETF) มีการย่อตัวลง โดยมีกรอบการลงทุนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
• K-JP-A(D): กองทุนหุ้นญี่ปุ่นที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Lazard Japanese Strategic มีสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มการเงินราว 20% โดยดัชนี Topix ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดเหนือ 3,000 จุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แรงหนุนมาจากการปรับขึ้นค่าจ้างข้าราชการพลเรือนสูงสุดในรอบ 34 ปี รวม 5.1% และข้อเสนอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ยทั่วประเทศ 6% สู่ 1,118 เยน/ชั่วโมง ซึ่งช่วยเสริมความเชื่อมั่นต่อการบริโภคและเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันผลประกอบการของบริษัทใหญ่อย่าง SoftBank, Sony, Nintendo, MUFG ต่างออกมาค่อนข้างดี ขณะที่ Toyota และ Honda ผลประกอบการอาจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วหลังผลกระทบจากภาษีนำเข้าน่าจะไม่ได้รุนแรงไปมากกว่านี้
• สำหรับญี่ปุ่น สัปดาห์นี้ให้ติดตามการรายงาน GDP 2Q25 โดยเรายังคงคำแนะนำซื้อเมื่อดัชนี Topix มีการย่อตัวลง โดยมีกรอบการลงทุนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
• KT-CHINA-A: กองทุนหุ้นจีน ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Blackrock BGF China Fund ซึ่งลงทุนหุ้นจีน All China โดยปัจจุบันเน้นการลงทุนใน H-Shares ราว 60% และ A-Shares ราว 20% โดยตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นทั้งสองดัชนี CSI 300 และ HSCEI โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวก ทั้งดัชนี Caixin Services PMI เดือนก.ค. ที่ออกมาสูงกว่าคาดและอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน และการส่งออกที่เติบโตถึง 7.2% แม้จะเผชิญแรงกดดันจากภาษีนำเข้าได้ ด้าน Foxconn ปรับตัวขึ้นแรง หลังนภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ 100% จะยกเว้นให้กับบริษัทที่มีการลงทุนสร้างโรงงานในสหรัฐฯ ซึ่ง Foxconn มีโครงการลงทุนและโรงงานอยู่ในรัฐวิสคอนซิน อย่างไรก็ตามดัชนีมีการย่อตัวลงในวันศุกร์ จากหุ้น SMIC ที่ปรับตัวลงราว 8% ผิดหวังผลประกอบการ
• สำหรับจีน สัปดาห์นี้ให้ติดตามการครบกำหนดการเลื่อนภาษีระหว่างสหรัฐฯ – จีน, การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจอย่าง ราคาบ้าน ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนสินทรัพย์ถาวร เราคงคำแนะนำซื้อสำหรับกรอบการลงทุนใน 12 เดือนข้างหน้า โดยให้ทยอยลงทุนเมื่อดัชนี MSCI China ย่อตัวลง
Satellite port (สำหรับช่วง 3 - 6 เดือน)
• ONE-FFI: กองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนใน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้นโดยปัจจุบันมี Port Duration ที่ 5 เดือน 26 วัน และมี Yield to Maturity ที่ 4.06% ต่อปี กองทุนไม่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Unhedged) ซึ่งเปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เรามองว่าค่าเงินบาทแข็งค่ามากเกินไปตรงข้ามกับปัจจัยพื้นฐาน
• เราแนะนำลงทุนเมื่อ USD/THB อยู่ในกรอบ 32 – 33.50 โดยมีเป้าหมายการทำกำไรที่ 35/USD และจุดตัดขาดทุนที่ 31.5/USD
Holding lists
Satellite port (สำหรับช่วง 6 - 12 เดือน)
• TUSFIN-A: กองทุนหุ้นกลุ่มการเงินในสหรัฐฯ ลงทุนผ่านกองทุนหลัก XLF (ETF) โดยหุ้นในกลุ่มการเงินสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยแม้จะรีบาวด์ขึ้นได้ดีจากแรงซื้อกลับที่ตลาดปรับฐานหลังรายงานตัวเลขการจ้างงานอ่อนแอกว่าคาด แต่ในระหว่างสัปดาห์ก็ค่อยๆ อ่อนตัวลงจากตัวเลข ISM Services ที่อ่อนแอ และหุ้นธนาคารปรับตัวลงหลังทรัมป์ออกมากล่าวหาธนาคารใหญ่เลือกปฏิบัติต่อผู้สนับสนุนตนเอง และขู่ดำเนินการทางกฎหมาย
• เราแนะนำ Let profit run และให้ติดตามตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ, ยอดค้าปลีก และความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน

เปิดพอร์ตลงทุนกองทุนรวมกับ KS ลงทุนได้หลากหลาย บลจ. >> https://ksecurities.co/Open-Account_Fund
Follow us :
LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA
Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook
Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram
Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter
YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube
Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads
#KS #หลักทรัพย์กสิกรไทย #กองทุน #ผลตอบแทน #หุ้นไทย #การลงทุนหลักทรัพย์ #FUND #กลยุทธ์การจัดพอร์ต