Mutual Fund

KS FUND TOP PICK 18 - 22 ส.ค. 2025

จับตา Jackson Hole ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเดือนกันยายน ท่ามกลาง CPI และ PPI ที่สวนทาง

• ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลก (ACWI) ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อีกครั้ง โดยปรับตัวขึ้นในทุกดัชนี นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ดัชนี Topix ขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์, สหรัฐฯ ที่ดัชนี S&P 500 ปิดเหนือ 6,400 จุดได้เป็นครั้งแรก ตลาดหุ้น รวมถึงตลาดหุ้นจีน (CSI 300) และเวียดนาม แรงหนุนสำคัญมาจากการที่สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) เดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 0.2% MoM และ 2.7% YoY ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ส่วน Core CPI เพิ่ม 3.1% YoY สูงกว่าคาดที่ 3.0% แต่ในรายละเอียดกลับเป็นการขึ้นมาจาก Demand Side (Services) ไม่ใช่ Supply Side (Goods) สะท้อนภาพว่าเงินเฟ้อขึ้นมาจากกำลังซื้อเป็นหลัก ขณะที่ผลของ Tariff ยังไม่เด่นชัดมากนัก เป็นแรงกระตุ้นให้ตลาดปรับเพิ่มโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนนี้ 25 bps แม้อัตราเงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) จะออกมาสูงกว่าคาดมากก็ตาม ซึ่งสร้างความกังวลว่าต้นทุนนี้อาจส่งผ่านไปยังผู้บริโภคได้ในระยะถัดไป

นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่ผ่อนคลายลง จากทั้งสงครามการค้าที่ทรัมป์ประกาศขยายเวลาที่จะไม่เก็บภาษีนำเข้าจากจีนไป 90 วัน และความคาดหวังความคืบหน้าการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนในการพบกันระหว่างทรัมป์และปูติน ด้านหุ้นญี่ปุ่นที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่นมาจากผลประกอบการ 1Q FY26 หรือ 2Q CY25 ที่ดีกว่าคาด ตัวเลข GDP 2Q25 ที่เติบโต 1% QoQ มากกว่าตลาดคาดที่ 0.4% และยังมีการปรับประมาณการ GDP 1Q25 ขึ้นจาก -0.2% เป็น 0.6% สะท้อนภาคการส่งออกไม่ได้แย่อย่างที่ประเมินไว้ รวมถึงมีแรงหนุนจากภาคเอกชนที่เร่ง CAPEX ให้โต 5.5% QoQ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ไตรมาส สะท้อนการขานรับ Corporate Reform โดยการนำสภาพคล่องส่วนเกินมาลงทุนเพื่อเพิ่ม ROE และ Valuation ในประเด็นจุลภาค หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีมีปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกต่อเนื่อง หลัง Micron Technology บริษัทผลิตชิปหน่วยความจำที่ใช้คู่กับ GPU ได้ปรับเพิ่ม Guidance ในไตรมาสถัดไปโดยคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ $11.2 พันล้าน จาก $10.7 พันล้าน พร้อมด้วย Gross Margin ที่ดีขึ้น จากความต้องการ HBM ที่สูง และราคาขาย DRAM ที่เพิ่มขึ้น รวมถึง Foxconn ที่รายงานกำไรดีกว่าคาด โดยมีสัดส่วนรายได้จาก Cloud & Server ที่ 41% แซง Smart Electronic เป็นครั้งแรก อีกทั้งยังมองว่าใน 3Q25 จะมีรายได้จาก AI Servers เติบโต 170% YoY และคาดว่า Rack Shipments จะเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าเทียบไตรมาสก่อน ขณะที่หุ้นเทคจีนอันดับหนึ่งอย่าง Tencent รายงานผลประกอบการ 2Q25 ดีกว่าคาดจากการเติบโตแข็งแกร่งของธุรกิจเกมทั้งในและต่างประเทศ พร้อมนำ AI ไปยกระดับประสิทธิภาพบริการสำคัญอย่าง Cloud, WeTV, WeChat และ Advertising อย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน ผู้บริหารเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจชำระเงินและสินเชื่อผู้บริโภคตามการบริโภคในจีนที่กลับมาคึกคัก

• ในสัปดาห์นี้ ปัจจัยสำคัญจะอยู่ที่การประชุม Jackson Hole ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผู้ว่าการธนาคารกลางสำคัญจะให้ความเห็นแนวโน้มนโยบายการเงิน โดยเราแนะนำให้ติดตามความเห็นของพาวเวลล์ในยามที่ CPI กับ PPI ออกมาขัดแย้งกัน และติดตามความเห็นของ Christopher Waller หลังมีกระแสการถูกเสนอชื่อให้เป็นประธานเฟดคนถัดไป เนื่องจากตลาดจะให้น้ำหนักกับความเห็นด้านทิศทางการลดดอกเบี้ยของ Waller มากยิ่งขึ้น รวมถึงรายงานการประชุม FOMC ในรอบนี้ผ่านมาที่จะมีการเปิดเผยรายละเอียดการออกเสียงให้ลดดอกเบี้ยของ Waller และ Bowman ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เรามองเป็นการรายงาน Manufacturing และ Services PMI ของหลากหลายประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น พร้อมติดตามผลประกอบการหุ้นค้าปลีกสหรัฐฯ อย่าง Walmart, Target, Home Depot, Lowe's, TJX และ Ross รวมถึงหุ้นเทคโนโลยีอย่าง Palo Alto Networks และหุ้นจีน Alibaba, Meituan, Baidu, Kuaishou, Xpeng และ Bilibili

• เรายังคงแนะนำทยอยลงทุนใน K-GSELECTU-A(A) เป็น Core Portfolio จากผลประกอบการ 2Q25 ที่ดีมากของหุ้นสหรัฐฯ โดยในจำนวนบริษัท 459 แห่ง (คิดเป็น 92% ของทั้งหมด) ที่รายงานมาแล้วนั้น มี 81% ที่กำไรมากกว่าคาดโดยเฉลี่ยที่ 8.3% (Earnings Surprise) และมีกำไรเติบโต 11.3% ทำให้นักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรของบริษัทใน S&P 500 ขึ้นต่อเนื่อง และอาจอาศัยจังหวะที่ปัจจัยมหภาคกลับมามีความไม่แน่นอนสูงในประเด็นเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นจาก Tariff ในการทยอยเข้าลงทุน

พร้อมเสริมด้วย Satellite Portfolio ระยะ 12 เดือนในธีมหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ผ่านกองทุน KKP TECH-UH ที่เน้นกลุ่ม Technology และ Communication Services ที่ผลประกอบการบ่งชี้ว่ามีแนวโน้มจะดีต่อเนื่อง ด้านตราสารหนี้ แนะนำทยอยลงทุนกองทุน UGISFX-N เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี สหรัฐฯ อยู่ในกรอบ 4.25-4.50% และจากค่าบาทที่แข็งค่ามากเกินไป เรายังแนะนำเลือก Unhedged Class สำหรับการลงทุนในช่วงนี้ เพื่อลดต้นทุน Hedge สำหรับ Satellite Portfolio ระยะสั้น 3-6 เดือน แนะนำ ONE-FFI เพื่อเก็งกำไรจากค่าบาทในระดับที่ยังแข็งค่ามาก โดยแนะนำทยอยสะสมในกรอบ 32-33.5 บาท/ดอลลาร์ ตัดขาดทุนเมื่อค่าบาทแข็งกว่า 31.50 บาท/ดอลลาร์ และมีเป้าหมายกำไรที่ 35 บาท/ดอลลาร์

Implication

Buy lists

Satellite port (สำหรับช่วง 6 - 12 เดือน)

• KKP TECH-UH: กองทุนหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก iShares Expanded Tech หรือ IGM (ETF) เน้นลงทุนในกลุ่ม Technology, Communication Services และ Consumer Discretionary โดยมี Top 10 Holdings เป็น Nvidia, Apple, Meta, Microsoft, Broadcom, Alphabet, Netflix, Oracle และ Palantir โดย IGM (ETF) ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากแรงหนุนของหุ้นในกลุ่ม Communication Services อย่าง Alphabet และ Meta ที่ได้ประโยชน์จากการที่สหรัฐฯ ขยายการเก็บภาษีจีน หนุนให้บริษัทในจีนมีการใช้จ่ายค่าโฆษณา นอกจากนี้ Micron ส่งสัญญาณเชิงบวกมากขึ้นด้วยการปรับเพิ่ม Guidance รายได้ และกำไร ในไตรมาสปัจจุบันที่จะรายงานในช่วงปลายเดือนกันยายนจากความต้องการ HBM ที่สูง และราคาขาย DRAM ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามหุ้นในกลุ่มชิปปรับตัวลงในวันศุกร์หลังทรัมป์ขู่จะเพิ่มอัตราภาษีชิปขึ้นเป็น 200 - 300%

• สำหรับกลุ่มเทคฯ สหรัฐฯ สัปดาห์นี้ติดตามการรายงานผลประกอบการของ Palo Alto Networks และสัญญาณ Dovish จากรายงานการประชุม FOMC รวมถึงการประชุม Jackson Hole ปลายสัปดาห์ เราคงคำแนะนำซื้อ โดยเฉพาะเมื่อ IGM (ETF) มีการย่อตัวลง โดยมีกรอบการลงทุนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

• K-JP-A(D): กองทุนหุ้นญี่ปุ่นที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Lazard Japanese Strategic มีสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มการเงินราว 20% โดยดัชนี Topix ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดเหนือ 3,100 จุด แรงส่งหลักมาจาก Earnings ที่ออกมาดีกว่าคาด, ความชัดเจนของอัตราภาษีนำเข้าโดยเฉพาะในกลุ่มยานยนต์ ทำให้ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดอาจเป็นจุดต่ำสุด โดยนักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรหุ้นในกลุ่มยานยนต์ขึ้นแล้ว นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากตัวเลข GDP 2Q25 ที่เติบโตมากกว่าคาด หนุนโดยการส่งออกที่ไม่ได้แย่อย่างที่ประเมินไว้ และการลงทุนของภาคเอกชน (CAPEX Spending)

• สำหรับญี่ปุ่น สัปดาห์นี้ให้ติดตามการรายงาน Manufacturing และ Services PMI และตัวเลขการส่งออกเดือน ก.ค. โดยเรายังคงคำแนะนำซื้อเมื่อดัชนี Topix มีการย่อตัวลง โดยมีกรอบการลงทุนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

• KT-CHINA-A: กองทุนหุ้นจีน ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Blackrock BGF China Fund ซึ่งลงทุนหุ้นจีน All China โดยปัจจุบันเน้นการลงทุนใน H-Shares ราว 60% และ A-Shares ราว 20% โดยตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นทั้งสองดัชนี CSI 300 และ HSCEI แรงหนุนมาจากการที่ทางการจีนออกคำแนะนำให้ชะลอการใช้ชิป H20 ของ Nvidia ทำให้หุ้น Semiconductors ในจีนปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจาก PboC ที่เร่งปรับโครงสร้างสินเชื่อเน้นสนับสนุนเทคโนโลยีและการบริโภค รวมถึงผลประกอบการที่ดีของ Tencent จากธุรกิจเกม รวมถึงธุรกิจโฆษณา, WeChat Pay และ Cloud จากการนำ AI มายกระดับประสิทธิภาพของแพลตฟอร์ม ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ Industrial production, Retail sales และ Fixed asset investment ที่อ่อนแอนั้น ตลาดตอบรับเป็นบวกจากความคาดหวังที่ทางการจะออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม

• สำหรับจีน สัปดาห์นี้ให้ติดตามการกำหนดอัตราดอกเบี้ย Loan Prime Rate 1 ปี และ 5 ปี และผลประกอบการของ Alibaba, Meituan, Baidu, Kuaishou, Xpeng และ Bilibili เราคงคำแนะนำซื้อสำหรับกรอบการลงทุนใน 12 เดือนข้างหน้า โดยให้ทยอยลงทุนเมื่อดัชนี MSCI China ย่อตัวลง

Satellite port (สำหรับช่วง 3 - 6 เดือน)

• ONE-FFI: กองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนใน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้นโดยปัจจุบันมี Port Duration ที่ 4 เดือน 24 วัน และมี Yield to Maturity ที่ 4.08% ต่อปี กองทุนไม่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Unhedged) ซึ่งเปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เรามองว่าค่าเงินบาทแข็งค่ามากเกินไปตรงข้ามกับปัจจัยพื้นฐาน

• เราแนะนำลงทุนเมื่อ USD/THB อยู่ในกรอบ 32 – 33.50 โดยมีเป้าหมายการทำกำไรที่ 35/USD และจุดตัดขาดทุนที่ 31.5/USD

Holding lists

Satellite port (สำหรับช่วง 6 - 12 เดือน)

• TUSFIN-A: กองทุนหุ้นกลุ่มการเงินในสหรัฐฯ ลงทุนผ่านกองทุนหลัก XLF (ETF) โดยหุ้นในกลุ่มการเงินสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากแรงหนุนของอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) ที่ไม่ได้เร่งตัวขึ้นมากนัก หนุนหุ้นธนาคารปรับตัวขึ้นแรงในช่วงกลางสัปดาห์ อย่างไรก็ตามหุ้นในกลุ่มเผชิญแรงขายในวันพฤหัสบดี และวันศุกร์ จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไม่ค่อยดีนัก โดยเงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวขึ้นแรง ทำให้ตลาดกังวลว่า CPI อาจสูงขึ้นตามในเดือนถัดมา รวมถึงตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนออกมาลดลงอีกครั้ง

• เราแนะนำ Let profit run และให้ติดตามตัวเลข Manufacturing และ Services PMI, รายงานการประชุม FOMC และการประชุม Jackson Hole

เปิดพอร์ตลงทุนกองทุนรวมกับ KS ลงทุนได้หลากหลาย บลจ. >> https://ksecurities.co/Open-Account_Fund

LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA

Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook

Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram

Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter

YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube

Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads

#KS #หลักทรัพย์กสิกรไทย #กองทุน #ผลตอบแทน #หุ้นไทย #การลงทุนหลักทรัพย์ #FUND #กลยุทธ์การจัดพอร์ต