Global Invest

Goodbye FANGMAN, Hello MATANA

ในโลกของการลงทุนหุ้นในกลุ่ม FANGMAN ถือว่าเป็นหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีการเติบโตสูงและอยู่ในสายตาของนักลงทุนทั่วโลกแบบไม่อาจละสายตาออกไปได้ โดยช่วงที่ผ่านมา Mr. Jim Cramer (พิธีกรชื่อดังจากรายการ Mad Money) ได้ตั้งสมญานามว่า หุ้นในกลุ่มตระกูล “FAANG” ซึ่งประกอบไปด้วย Facebook, Apple, Amazon, Netflix และ Alphabet (หรือว่าชื่อ Google) ซึ่งในภายหลังได้มีสมาชิกมาเพิ่มคือ Microsoft (MSFT US) และ Nvidia (NVDA US) แล้วได้เปลี่ยนจาก FAANG เป็น FANGMAN อย่างไรก็ดี “งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา” เมื่อสมาชิกหุ้นในกลุ่ม FANGMAN ถึงคราวที่ต้องแยกทางและปล่อยคนที่ไม่ได้ต่อทิ้งเอาไว้กลางทาง

Ray Wang (Constellation Research Principal Analyst & Founder) ได้เข้าร่วม Yahoo Finance Live เมื่อคืนวันที่ 31 สิงหาคม 2022 ที่ผ่านมาโดยได้ให้คำจำกัดความของหุ้นเทคโนโลยีใหม่ว่า “MATANA” ซึ่งประกอบไปด้วย Microsoft, Apple, Tesla, Aphabet (คลาส A และ C), Nvidia และ Amazon (โดย Meta (หรือ Facebook เดิม) และ Netflix คือ 2 สมาชิกที่ไม่ได้ไปต่อนั้นเอง) โดย Ray Wang ได้กล่าวเอาไว้ว่าในโลก Digital ถ้าคุณไม่มีธุรกิจในส่วน Digital Monetization ธุรกิจจะไม่สามารถเอาตัวรอดได้

“They're out because they're one trick ponies. And in the digital world, what happens if you're not doing other business models and digital monetization, it's not going to survive”

ปัจจัยการเลือกหุ้นเข้า MATANA

เน้นหุ้นกลุ่ม Digital Giants ที่เป็นหุ้นคุณภาพ มีความแข็งแกร่งทั้งในมุมของสินค้าและบริการ รวมถึงฐานลูกค้า และการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถมีแนวโน้มการเติบโตต่อปี (YoY) ในอัตราเลขสองหลัก (double digit growth)
เป็นธุรกิจที่มีการเติบโตของค่าเฉลี่ยของรายได้ต่อผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง (Average revenue per user (ARPU))
ในมุมมองของด้านปัจจัยราคา หุ้น Digital Giants อย่าง Tesla, Apple, Amazon มีการปรับตัวของราคามากกว่า 20%-30% เมื่อเทียบกับ 52 Week Low แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่สามารถ Outperform กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีโดยรวม

สาเหตุที่ Meta Platforms และ Netfix ถูกตัดออก: ทั้งสองธุรกิจถูกจัดอยู่ในธุรกิจที่พึ่งพารายได้จากการขายพื้นที่สื่อหรือโฆษณา โดยอาจไม่ได้มุ่งเน้นพัฒนาธุรกิจหลัก รวมถึงการพัฒนาสินค้าและบริการเท่าที่ควร และอาจส่งผลต่อยอดผู้ใช้งานที่อาจมีแนวโน้มเติบโตลดลงเรื่อยๆในอนาคต อีกทั้งเมื่อเจอปัจจัยเสี่ยงด้านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และภาวะเงินเฟ้อ ราคาหุ้นของ Meta Platform และ Netflix ปรับตัวลงลงมาจาก 52 Week High ประมาณ 58%, 75% ตามลำดับ และส่งผลต่อมูลค่าตลาดของบริษัทที่ลดลง

Source: Yahoo Finance 31.08.2022

การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงแต่การที่เราไม่เริ่มออกไปลงทุนในต่างประเทศอาจจะมีความเสี่ยงมากกว่า (ในระยะยาว) สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่สนใจและอยากเริ่มต้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีสามารถพิจารณาลงทุนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีผ่านดัชนี NASDAQ โดยสามารถใช้ ETFs (QQQ US) หรือว่ากองทุนรวม K-NASDAQ เป็นเครื่องมือ (Financial Vehicle Tool) ในการพานักลงทุนไปสู่เป้าหมายทางการเงินได้

ประเด็นที่นักลงทุนต้องจับตามอง

โอกาสการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยที่อาจส่งผลทางลบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งหากธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแผนปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่าที่ตลาดคาด อาจส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มดังกล่าว

สมาชิกหุ้นในกลุ่ม MATANA อาจมีการเพิ่มหรือว่าลดในอนาคต เหมือนที่เกิดขึ้นกับหุ้นในกลุ่ม FANGMAN เนื่องด้วยผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้การันตีถึงผลการดำเนินงานในอนาคต และอาจจะมีคู่แข่งใหม่ๆ เข้ามาท้าทายกลุ่ม MATANA ในอนาคต

ณ ปัจจุบันมูลค่าตลาด (Market Cap) ของตลาดหุ้น NASDAQ อยู่ที่ 19,758 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (as of 02/09/2022) อย่างไรก็ดีบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ตระกูล MATANA มีมูลค่าตลาดรวมกันประมาณ 8,311 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 42% ของตลาด NASDAQ)

Investor Tip:

หุ้นในกลุ่ม MATANA เป็นหุ้นที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐฯ โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขายหุ้นดังกล่าว ซึ่งมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
Invesco QQQ Trust, Series 1 (QQQ US) – เป็นกองทุน ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า “QQQ US” โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
นักลงทุนสามารถพิจารณาลงทุนผ่านกองทุนรวมได้เช่นกัน โดยลงทุนผ่านกองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100-A (K-USXNDQ-A(A), A(D)) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco QQQ Trust, Series 1 ซึ่งมีนโยบายการลงทุนให้มีผลตอบแทนตามดัชนีหุ้นสหรัฐ NASDAQ-100 และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ

Source: KS OFFSHORE, CFRA Research, Bloomberg