BYD - เกาะเทรนด์อนาคตไปกับรถไฟฟ้าเจ้าใหญ่แห่งแดนมังกร


BYD - เกาะเทรนด์อนาคตไปกับรถไฟฟ้าเจ้าใหญ่แห่งแดนมังกร
หากพูดถึงยานต์ยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) คงไม่มีตลาดไหนที่มียอดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าสูงไปกว่าประเทศจีนที่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดของ EV สูงเป็นอันหนึ่งของโลก ยอดขาย EV ที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีน มีสาเหตุจากการที่ EV เข้ามาแก้ปัญหาการนำเข้าน้ำมัน และปัญหามลพิษ นอกจากนี้ผู้ซื้อรถ EV ในจีนยังได้รับเงินอุดหนุน รวมถึงประโยชน์อื่นๆที่เป็นผลมาจากนโยบายสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดของรัฐบาลจีน การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของ EV จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ EV กลายเป็น MEGA TREND แห่งอนาคคต
หากพูดถึงเจ้าแห่งรถยนต์ไฟฟ้าจากทางโลกตะวันตกหลายต่อหลายคนอาจนึกถึง Tesla (TSLA US) ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ แต่รถไฟฟ้าจากประเทศจีนก็กำลังเป็นที่นิยมและมาแรงไม่แพ้กัน โดยประเทศจีนยังนับว่าเป็น THE DETROIT OF ELECTRIC VEHICLES OF CHINA ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
BYD - บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของจีน และยังมี Market Cap สูงที่สุดในธุรกิจ EV ของจีน ถือเป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก ผลิตทั้งรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ทั่วไป (NON - EV) ซึ่งรถยนต์ BYD เป็นรถที่คนจีนนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยที่ผ่านมาบริษัท Berkshire Hathaway ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังได้เข้าไปถือหุ้น BYD ราว 20.49% และยังเป็นบริษัทที่บลจ.ชื่อดังระดับโลกอย่าง Blackrock, Vanguard, State Street เข้าไปลงทุน
นอกจากธุรกิจรถยนต์แล้ว BYD ยังดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับแบตเตอรี่ และชิ้นส่วน Electronic ที่ใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้า (Electronic Device) โดยในเชิงโครงสร้างรายได้ BYD ทำรายได้หลักจาก 3 ส่วน ประกอบกด้วย
1.รายได้จากการขายรถและอะไหล่รถ 53.6%
2.รายได้จากการจำหน่ายชิ้นส่วน Electronic 38.8% (ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ)
3.รายได้จากธุรกิจแบตเตอร์รี่ 7.6%
ปัจจุบัน BYD มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ HKD 826.80 Billion (as of 26/01/2022) ที่ผ่านมาราคาหุ้นในช่วง 52 สัปดาห์ มีราคาสูงสุดที่ HKD 324.60 ราคาต่ำสุดที่ HKD 138.40 โดยปัจจุบันราคาอยู่ที่ EUR 245.60 (as of 26/01/2022) ซื้อขายที่ P/S 2.81 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มซึ่งอยู่ที่ 3.34 เท่า) และมีการจ่ายเงินปันผลอยู่ที่ 0.07%
ปัจจัยที่นักลงทุนควรทราบและจับตามอง
-รัฐบาลจีนมีแผนพัฒนาประเทศที่ให้ความสำคัญในประเด็นสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนในอนาคต โดยการสนับสนุนพลังงานสะอาด กลุ่ม EVs จึงเป็นธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลจีนจะมีเงินอุดหนุนให้ประชาชนสามารถซื้อรถ EV ที่ผลิตในจีนได้ในราคาที่ถูกลง เพื่อช่วยผลักดันให้เกิดการใช้รถ EV เพิ่มขึ้นในอนาคต นอกจากนี้รถ EV ยังไม่มีการจำกัดจำนวนการใช้รถ ขณะที่ผู้ใช้รถรูปแบบเดิมจะถูกจำกัดการใช้งานเพื่อลดปัญหามลพิษ
-การแข่งขันที่ดุเดือดของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนไม่ว่าจะเป็น BYD, XPENG, Li Auto, NIO, Great Wall Motor นักลงทุนจึงควรพิจารณาความสามารถในการแข่งขันของบริษัทที่จะเข้าไปลงทุน
-การปรับตัวของการใช้นวัตกรรมรถ EV CAR ที่จะกลายเป็นหนึ่งใน Megatrend ในอนาคต รถไฟฟ้าประหยัดพลังงานมากกว่ารถยนต์แบบสันดาป รวมถึงมีค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่ารถยนต์รูปแบบเดิม
-ในอนาคตคาดการณ์แนวโน้มราคาแบตเตอรี่ไฟฟ้าจะมีราคาถูกลง ตาม Economies of Scales
Investor Tip:
BYD (1211 HK): บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของจีน และยังมี Market Cap สูงที่สุดในจีน ถือเป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก ผลิตทั้งรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ทั่วไป (NON - EV) ซึ่งรถยนต์ BYD เป็นรถที่คนจีนนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดย BYD จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า “1211 HK” โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล HKD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 500 หุ้น (Trade Lot = 500) โดย BYD ถือเป็นหนึ่งในหุ้นจีน H-Share
H-Share: หุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจและจดทะเบียนในประเทศจีน แต่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (Hong Kong Stock Exchange) โดยซื้อขายในสกุลฮ่องกงดอลลาร์ (HKD) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลุ่ม Financial, Consumer Discretionary, Communication Services, Information Technology เป็นต้น
Source: KS OFFSHORE, CFRA Research, Bloomberg
เปิดพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ > https://bit.ly/3c3oDs2
KSecurities #KS #OffshoreInvestment #หุ้นต่างประเทศ #BYD

Follow us :
LINE : http://bit.ly/KSLINEOA
Facebook: http://bit.ly/2XwGoaa
Instagram: http://bit.ly/332OqIT
Twitter: http://bit.ly/344OVng
YouTube: http://bit.ly/2QAdiFp