Global Invest

Invest in overseas stock exchanges via KSecurities which is an efficient and safe trading platform

Global Invest

Invest in overseas stock exchanges via KSecurities which is an efficient and safe trading platform

รู้จักกับหุ้น FANGMAN 2021

KS Research Strategy Analysis by KS Research Strategy
October 3, 2021

รู้จักกับหุ้น FANGMAN 2021

การลงทุนในหุ้นต่างประเทศฟังแล้วดูเหมือนว่าเป็นเรื่องที่ยากและไกลตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประสบการณ์ในการลงทุนหรือการเข้าถึงข้อมูลในการลงทุน (ข่าวสารและบทวิเคราะห์) ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือแม้กระทั่งการมีอคติในการลงทุนในต่างประเทศ (Home Bias) แต่ในความเป็นจริงการลงทุนในต่างประเทศอาจจะเป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่คิด คุณอาจจะหยิบโทรศัพท์มือถือ iPhone (AAPL US) เข้ามาเล่น Facebook (FB US) ค้นหาข้อมูลผ่าน Google (GOOGL US) ทำงานผ่านโปรแกรมของ Microsoft (MSFT US) ซื้อของ Online ผ่าน Amazon.com (AMZN US) ดูหนังผ่าน Netflix (NFLX US) หรือแม้กระทั่งการใช้การ์ดจอคอมพิวเตอร์แบบแรงๆ ของ Nvidia (NVDA US) มาเพื่อขุด Bitcoin ซึ่งกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เราทำอยู่ตลอดเวลามากกว่าการเดินเข้าร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้า และอาจกลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่สามารถทำได้ตลอดแม้กระทั่งในช่วงที่ Work From Home

"บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ได้กล่าวมา Mr. Jim Cramer (พิธีกรชื่อดังจากรายการ Mad Money) ได้ตั้งสมญานามว่า หุ้นในกลุ่มตระกูล “FAANG” ซึ่งประกอบไปด้วย Facebook, Apple, Amazon, Netflix และ Alphabet (หรือว่าชื่อ Google) ซึ่งในภายหลังได้มีสมาชิกมาเพิ่มคือ Microsoft (MSFT US) และ Nvidia (NVDA US) แล้วได้เปลี่ยนจาก FAANG เป็น FANGMAN "

ปัจจัยที่นักลงทุนต้องจับตามอง
โอกาสการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอเมริกา (10Y US Treasury) ที่อาจส่งผลกระทบต่อกลุ่ม Technology (อย่างไรก็ดีการปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอเมริกา อาจจะส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเช่นกัน)
สมาชิกหุ้นในกลุ่ม FANGMAN จะมีการเพิ่มหรือว่าลดในอนาคตหรือไม่ เนื่องด้วยผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้การันตีถึงผลการดำเนินงานในอนาคต และอาจจะมีคู่แข่งใหม่ๆ เข้ามาท้าทายกลุ่ม FANGMAN ในอนาคต
ณ ปัจจุบันมูลค่าตลาด (Market Cap) ของตลาดหุ้น NASDAQ อยู่ที่ 32.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (as of 22/9/2021) อย่างไรก็ดีบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ตระกูล FANGMAN มีมูลค่าตลาดรวมกันประมาณ 10.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 31% ของตลาด NASDAQ)

Investor Tip:
Facebook (FB US): เป็นแพลตฟอร์ม Social Network ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 2.85 พันล้านคน ณ เดือนกันยายน 2564 หรือประมาณ 59% ของผู้ใช้งาน Social Network ทั่วโลก จากจำนวนผู้ใช้งานจำนวนมากที่กระจายไปทั่วโลก ทำให้ Facebook สามารถสร้างรายได้มหาศาลจากนำฐานข้อมูลมาต่อยอดในธุรกิจงานโฆษณา รวมถึงการให้บริการเครื่องมือวิเคราะห์รูปแบบการใช้งานของผู้ใช้ และบริการที่เกี่ยวข้องอื่นๆ

Apple Inc. (AAPL US): ปัจจุบันเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก (ประมาณ 2,410 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เริ่มต้นจากการผลิตสินค้าเทคโนโลยีนวัตกรรมอย่าง iPod และขยายอาณาจักร iPhone iPad Macbook Airpod และ Apple Watch เป็นต้น ด้วยจุดแข็งที่มีระบบปฏิบัติการของตนเองและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งใน Ecosystem จึงทำให้ Apple มีผลการดำเนินงานที่เติบโต และยังคงครองใจผู้บริโภคได้อย่างดี

Netflix (NFLX US): เป็นบริษัท Video Streaming ยักษ์ใหญ่ของโลกที่มีทั้งภาพยนตร์ ซีรีย์ และรายการโทรทัศน์ ซึ่งที่ผ่านมาจำนวนสมาชิกของ Netflix เติบโตขึ้นอย่างมาก จาก 22 ล้านคนในปี 2554 เป็น 209 ล้านคนในปัจจุบัน การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของ Netflix เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจจากผู้รวบรวมรายการภาพยนต์ ไปเป็นผู้ผลิตคอนเทนท์รายใหญ่ที่เป็นลิขสิทธิ์ของตนเอง

Google (GOOGL US): ถือเป็น Search Engine ชั้นนำของโลก ที่ต่อยอดธุรกิจไปสู่ธุรกิจโฆษณาออนไลน์ที่สร้างผลกำไรให้แก่บริษัทเป็นอย่างมาก และยังเป็นเจ้าของ Application ชั้นนำที่ใช้งานแพร่ทั่วโลก เช่น YouTube, Google Maps และ Google Docs รวมถึงระบบปฏิบัติการมือถือของ Android (สัดส่วนประมาณ 75% ของสมาร์ทโฟนทั่วโลก)

Microsoft (MSFT US): เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าตลาดอันดับ 2 ของโลก (รองจาก Apple) เป็นบริษัทผลิต Software ระดับโลก เช่น Microsoft Office และช่วง Work From Home ทุกบริษัทคงคุ้นชินกับการใช้งานผ่าน MS Team ซึ่ง Software ต่างๆเหล่านี้มีการใช้งานแพร่หลายครอบคลุมการทำงานในเกือบทุกองค์กร นอกจากนี้ยังมีธุรกิจผลิต Hardware อย่าง Surface และธุรกิจ Cloud ที่เข้ามาเสริมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของบริษัทในระยะยาว

Amazon.com (AMZN US): ขยายธุรกิจจากเว็บไซต์ขายหนังสือมาสู่เบอร์ 1 แห่งวงการค้าปลีกออนไลน์ของสหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยธุรกิจ Cloud Computing ที่ประสบความสำเร็จ และสร้างผลกำไรให้ Amazon เป็นอย่างมาก ปัจจุบัน Amazon มีมูลค่าตลาดประมาณ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นอันดับ 3 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นรองเพียงแค่ Apple และ Microsoft

Nvidia (NVDA US): เป็นผู้ผลิตชิปและการ์ดจอยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ธุรกิจ GPU เกมส์ Nvidia ยังเป็นเจ้าตลาด (Market share มากกว่า 75%) ซึ่งธุรกิจดังกล่าวยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจของ Nvidia ยังได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากความต้องการการ์ดจอสำหรับนักขุด Bitcoin และ Cryptocurrency อื่นๆ

หุ้น FANGMAN (Facebook (FB US), Apple Inc. (AAPL US), Netflix (NFLX US), Google (GOOGL US), Microsoft (MSFT US), Amazon.com (AMZN US), และ Nvidia (NVDA US)) เป็นหุ้นที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐฯ โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขายหุ้นดังกล่าว ซึ่งมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)

การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงแต่การที่เราไม่เริ่มออกไปลงทุนในต่างประเทศอาจจะมีความเสี่ยงมากกว่า (ในระยะยาว) สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่สนใจและอยากเริ่มต้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีสามารถพิจารณาลงทุนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีผ่านดัชนี NASDAQ โดยสามารถใช้ ETFs (QQQ US) หรือว่ากองทุนรวม K-NASDAQ เป็นเครื่องมือ (Financial Vehicle Tool) ในการพานักลงทุนไปสู่เป้าหมายทางการเงินได้

Invesco QQQ Trust, Series 1 (QQQ US) – เป็นกองทุน ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า “QQQ US” โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)

ลงทุนผ่านกองทุนรวม K-USXNDQ-A(A), A(D) กองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100-A เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco QQQ Trust, Series 1 ซึ่งมีนโยบายการลงทุนให้มีผลตอบแทนตามดัชนีหุ้นสหรัฐ NASDAQ-100 และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ

Home Bias: อคติประเภทหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าสินทรัพย์หรือการลงทุนในประเทศมีความน่าสนใจกว่าการกระจายการลงทุนไปต่างประเทศ ซึ่งทำให้นักลงทุนพลาดโอกาสที่ดีในการลงทุน เพราะแต่ละประเทศจะมีวงจรเศรษฐกิจขาขึ้น-ขาลงที่ไม่เหมือนกัน เช่น ถ้าในขณะที่ประเทศไทยกำลังประสบกับสภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากปัจจัยภายในประเทศ ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจในประเทศอื่นๆจะปรับลดไปในทิศทางเดียวกับไทย การลงทุนต่างประเทศจึงเป็นการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนได้อีกทางหนึ่ง

Source: KS OFFSHORE , CFRA Research ,Bloomberg

เปิดพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ > https://bit.ly/3c3oDs2

Follow us :
LINE : http://bit.ly/KSLINEOA
Facebook: http://bit.ly/2XwGoaa
Instagram: http://bit.ly/332OqIT
Twitter: http://bit.ly/344OVng
YouTube: http://bit.ly/2QAdiFp

Global Invest

งบ 1Q2025 Netflix แกร่งเกินคาด แม้ยุค Streaming แข่งเดือด
May 1, 2025

งบ 1Q2025 Netflix แกร่งเกินคาด แม้ยุค Streaming แข่งเดือด

ส่องกลยุทธ์ 3 บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ แก้เกมภาษีนำเข้าทรัมป์
Apr 27, 2025

ส่องกลยุทธ์ 3 บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ แก้เกมภาษีนำเข้าทรัมป์

หุ้นทศเทพจีน ผลตอบแทนแซงหุ้นเทคสหรัฐฯ
Apr 15, 2025

หุ้นทศเทพจีน ผลตอบแทนแซงหุ้นเทคสหรัฐฯ

15 บริษัทมูลค่ามากที่สุด ในตลาดสหรัฐ NASDAQ
Apr 14, 2025

15 บริษัทมูลค่ามากที่สุด ในตลาดสหรัฐ NASDAQ

AI จีนโตต่อเนื่อง เปิดผลตอบแทนสุดปังในปี 2025
Apr 7, 2025

AI จีนโตต่อเนื่อง เปิดผลตอบแทนสุดปังในปี 2025

รู้จัก Leverage และ Inverse ETFs ตัวช่วยทำกำไรทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง
Apr 7, 2025

รู้จัก Leverage และ Inverse ETFs ตัวช่วยทำกำไรทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง