Tesla ผู้นำด้านนวัตกรรมรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า


Tesla ผู้นำด้านนวัตกรรมรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่าภายในปี 2050 จะมียอดใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มากกว่า 50% ของจำนวนรถยนต์ใช้งานทั่วโลก เนื่องด้วยรถ EV เป็นรถที่ประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง (เมื่อเปรียบเทียบระหว่างราคาน้ำมันกับค่าไฟในการชาร์ต) นอกจากเรื่องของการประหยัดพลังงานแล้วยังมีเรื่องของสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะว่าคนใช้รถ (EV) จะช่วยลดปริมาณในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เกิดปฏิกริยาเรือนกระจก (Greenhouse Effect)
Tesla – ผู้นำด้านนวัตกรรมรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก ภายใต้การก่อตั้งและการบริหารของ “Elon Musk” อีกทั้งยังตามมาด้วยธุรกิจ Autonomous ที่พร้อมมาเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจในอนาคต Tesla ถือว่าเป็นบริษัทคลื่นลูกใหม่ไฟแรง ถึงแม้จะก่อตั้งบริษัทมาเพียง 18 ปี (Tesla ก่อตั้งเมื่อปี 2003) แต่กลับมีเป้าหมาย “Accelerating World’s Transition to Sustainable Energy” เพื่อหวังเข้ามาเปลี่ยนโลก จึงเป็นบริษัทเนื้อหอมที่ทั้งกองทุนและนักลงทุนทั้งหลายต่างตบเท้าเข้ามาจับจอง จน Tesla มาแรงแซงหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นรุ่นพี่ในตลาด ณ ปัจจุบัน Tesla มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ USD 567,827 Million (อ้างอิงจากราคาปิดของหุ้นเมื่อวันที่ 06/12/2022)โดย Tesla ยังมีมูลค่าตลาดเป็นเบอร์หนึ่งในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า แซงหน้าแชมป์เก่าอย่าง Toyota และเมื่อพูดถึง Tesla ก็ต้องมาพร้อมกับชื่อของ Elon Musk ผู้ก่อตั้งและ CEO ทั้งยังเป็นผู้ทรงอิทธิพลในโลกการลงทุนและนวัตกรรมอีกคนของโลกในปัจจุบัน
ปัจจัยที่ต้องจับตามอง
- Tesla สามารถทำรายได้และกำไรต่อหุ้นเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2019-2021 โดย CFRA Research คาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถทำรายได้และกำไรต่อหุ้นเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงปี 2022-2024
- โรงงานผลิตรถยนต์ Tesla แห่งใหม่ที่ Texas & Germany จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มกำไรของบริษัทในอนาคต ยิ่งยอดขายบริษัทเพิ่ม บริษัทก็จะได้ประโยชน์ต่อการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale)
- Model Y และ Model 3 ถือว่าเป็นรุ่นรถยอดนิยม (Best Selling) ของ Tesla ซึ่งถือว่ามี Margin สูงกว่า Model อื่นๆ ที่ทางบริษัทออกขาย
งบแสดงฐานะทางการเงิน (Balance Sheet) ของ Tesla ถือว่ามีพัฒนาการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Investor Tips:
Tesla (TSLA US) – ผู้นำด้านนวัตกรรมรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก ภายใต้การก่อตั้งและการบริหารของ Elon Musk อีกทั้งยังตามมาด้วยธุรกิจ Autonomous ที่พร้อมมาเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจในอนาคต โดย Tesla จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า “TSLA US” โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
Tesla – เปิดตัวด้วยการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารายแรกของโลก ก่อตั้งเมื่อปี 2003 ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความต้องการผลิตรถยนต์ที่ไม่ต้องพึ่งพาพลังงานจากน้ำมัน แต่ให้ความแรงและความสนุกในการขับขี่ได้เช่นเดียวกับรถยนต์เครื่องสันดาป จึงกลายมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีความโดดเด่นเฉพาะ (Unique) แทนการผลิตแบบ Mass Production เพื่อมาสู้กับรถยนต์เครื่องสันดาปที่มีในท้องตลาด ซึ่งแม้จะตามมาด้วยมูลค่าของรถที่สูง แต่กลับกลายเป็นที่โปรดปราณของผู้ชื่นชอบรถยนต์ที่มีนวัตกรรมที่แตกต่างและเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเจ้าแรกที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีไปทั่วโลก โดย Model แรกได้ถูกเปิดตัวเมื่อปี 2008 และในปัจจุบันมีรถทั้งหมด 5 โมเดล ได้แก่ Roadster, Tesla model 3, Tesla model X, Tesla model S และ Tesla model Y นอกจากนี้ Tesla ยังฉีกกฎการขายรถยนต์รูปแบบเดิมที่มักจะขายผ่าน Franchised Dealer เป็นการขายแบบ Direct Sales ผ่านศูนย์จัดจำหน่ายของบริษัท (ปัจจุบันมี 438 สาขาทั่วโลก) ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถรับทราบ Feedback จากลูกค้าโดยตรง เพื่อนำมาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ตรงความต้องการอย่างรวดเร็ว และบริษัทมีสถานีชาร์ตไฟ (Supercharger Stations) เพื่อให้บริการลูกค้า และหาแนวทางพัฒนาระบบการชาร์ตไฟในอนาคต
แม้ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นธุรกิจสร้างชื่อให้กับ Tesla แต่ยังมีธุรกิจอื่นๆที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้บริษัท เช่น ธุรกิจ Solar Energy ธุรกิจ Energy Storage ธุรกิจแบตเตอรี่ ธุรกิจหุ่นยนต์ (Humanoid Robot) ที่มีชื่อเรียกว่า “Tesla Bot” เข้ามาช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะในงานที่ต้องเจอความเสี่ยงสูง และธุรกิจแท็กซี่ไร้คนขับอย่าง Robotaxis ที่อยู่ในแผนการพัฒนาของบริษัท ทำให้หลายคนมองว่า Tesla เหมาะที่จะเป็น Tech Company มากกว่าการเป็นแค่บริษัทผลิตรถยนต์ อย่างไรก็ดีหลายภูมิภาคส่วนใหญ่ของโลกยังคงให้ความสำคัญในการผลักดันพลังงานสะอาดเพื่อความยั่งยืนในอนาคตจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว (แนวโน้มการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ต้นทุนในการผลิตแบตเตอรี่ต่ำลง จากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) รวมถึงการกระจายของศูนย์ชาร์ตไฟที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น)
Source: KS Global Invest, CFRA Research, Bloomberg

เปิดพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ > https://bit.ly/3sZiZyW
Follow us :
LINE : http://bit.ly/KSLINEOA
Facebook: http://bit.ly/2XwGoaa
Instagram: http://bit.ly/332OqIT
Twitter: http://bit.ly/344OVng
YouTube: http://bit.ly/2QAdiFp
#KS #Ksecurities #หลักทรัพย์กสิกร #หุ้นต่างประเทศ #หุ้นสหรัฐ #หุ้นเทค #ผลตอบแทน #Tesla