Coca Cola VS PepsiCo ศึกน้ำอัดลมที่เริ่มต้นมาจากยารักษาโรค


Coca Cola VS PepsiCo ศึกน้ำอัดลมที่เริ่มต้นมาจากยารักษาโรค
โค้กและเป๊ปซี่ สองแบรนด์ยักษ์ใหญ่แห่งโลกเครื่องดื่ม ที่ไม่ได้แข่งขันกันแค่ในเรื่องรสชาติ แต่ยังสู้กันอย่างเข้มข้นในด้านการตลาด ปรากฏการณ์ 'สงครามโคล่า' นี้สร้างแรงดึงดูดที่ไม่มีใครมองข้ามได้ โดยโค้กนำเสนอสไตล์คลาสสิกที่ยืนยาวในใจผู้บริโภค ขณะที่เป๊ปซี่มุ่งเน้นการดึงดูดคนรุ่นใหม่ด้วยแคมเปญที่กล้าและทันสมัย การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การแย่งส่วนแบ่งตลาด แต่มันยังสะท้อนถึงภาพลักษณ์และค่านิยมของผู้บริโภคในแต่ละยุคสมัย
ประเด็นการลงทุน
- หากเริ่มลงทุนใน PepsiCo ตั้งแต่ปี 1980 มูลค่าการลงทุนในพอร์ตของ PepsiCo จะเพิ่มขึ้นกว่า 12,040% ในขณะที่การลงทุนใน Coca-Cola ตั้งแต่ปี 1968 จะเพิ่มขึ้นกว่า 7,812% แม้ว่า PepsiCo จะมีผลตอบแทนสูงกว่าในแง่ของเปอร์เซ็นต์ แต่โคคา-โคล่าเป็นบริษัทมหาชนที่เปิดมานานกว่า PepsiCo
- ในแง่ของรายได้บริษัท อย่างยอดขายสุทธิในช่วง 12 เดือนที่ย้อนหลัง ซึ่งหมายถึงรายได้ทั้งหมดจากการขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยหักส่วนลด การคืนสินค้า หรือค่าชดเชย สำหรับ Coca-Cola มียอดขายสุทธิ 46,465 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ PepsiCo มียอดขายสูงกว่ามากที่ 92,054 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งความแตกต่างนี้สะท้อนถึงการที่ PepsiCo มีการกระจายผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มอาหารและขนม เช่น Frito-Lay และ Quaker มากกว่า Coca-Cola ที่เน้นธุรกิจเครื่องดื่มเป็นหลัก
Key Point
PepsiCo มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว และอาหาร เช่น เลย์ Lay's, โดริโทส Doritos, และผลิตภัณฑ์ของเควกเกอร์ Quaker โดยรายได้ประมาณ 58% ของเป๊ปซี่โคมาจากผลิตภัณฑ์อาหารเป็นส่วนใหญ่ นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม Pepsi ยังเน้นกลยุทธ์การลดต้นทุนและการปรับขึ้นราคาเพื่อชดเชยยอดขายในปริมาณที่ลดลง โดยบริษัทปรับการคาดการณ์การเติบโตของยอดขายในปี 2024 เพียง 4% เนื่องจากความต้องการที่ลดลงหลังการแพร่ระบาดcovid-19
ในขณะที่ Coca -Cola มุ่งเน้นธุรกิจเครื่องดื่มเป็นหลัก โดยมีผลิตภัณฑ์หลายประเภท เช่น เครื่องดื่มน้ำอัดลม (Coca-Cola, Sprite), น้ำดื่ม (Dasani), ชา (Gold Peak Tea), และเครื่องดื่มให้พลังงาน (Monster Energy) ถึงแม้จะมีการมุ่งเน้นธุรกิจที่แคบกว่า แต่ Coca-Cola มีมูลค่าทางแบรนด์สูงกว่า PepsiCo โดยบริษัทคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตของยอดขายที่ 6-7% ในปี 2024 ซึ่งขับเคลื่อนโดยความต้องการเครื่องดื่มที่สูงขึ้น อีกทั้ง Coca-Cola ยังได้เปรียบเรื่องการกระจายสินค้าและการรับรู้แบรนด์ที่แข็งแกร่งทั่วโลก โดยเฉพาะในสถานที่สาธารณะอย่างร้านอาหารและสนามกีฬา
Investor’s Tips:
- PepsiCo (PEP): จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ New York Stock Exchange ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้ Ticker Code “PEP” นักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
- Coca-Cola (KO): จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ New York Stock Exchange ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้ Ticker Code “KO” นักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)

ลงทุนหุ้นนอกกับ KS ครอบคลุม 40 ตลาดชั้นนำทั่วโลก (เทรด Online 28 ตลาด เทรด Offline 12 ตลาด) เปิดพอร์ตลงทุน >> http://ksecurities.co/Open-Account_GlobalTrade
Source: KS Global Invest, CFRA Research, Bloomberg
Follow us :
LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA
Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook
Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram
Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter
YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube
Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads
#KS #Ksecurities #หลักทรัพย์กสิกรไทย #หุ้นต่างประเทศ #หุ้นสหรัฐ #หุ้นสหรัฐอเมริกา #หุ้นฮ่องกง #หุ้นยุโรป #หุ้นเทค #ผลตอบแทน #CocaCola #Coke #PepsiCo #Pepsi