กลยุทธ์การลงทุนเดือน ก.พ. : ตั้งสติ


กลยุทธ์การลงทุนเดือน ก.พ. : ตั้งสติ
-มีมุมมองเชิงบวกที่ค่อนข้างระมัดระวังต่อ SET Index ด้วยเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 1,768 จุด เราลด EPS ลง 5-8% จากการที่ Bloomberg ปรับฐาน EPS ตลาดลง
-ตัด ADVANC BCP และ TEGH ออกจากหุ้นเด่น แทนที่ด้วย BLA ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากอัตราตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีที่นอนก้น และการขึ้นดอกเบี้ยของ ธปท.
-ตลาดเคลื่อนเร็วเกินไป และเรามองว่ามีความเสี่ยงเกินกว่าจะไล่ตาม เราคาดว่าเฟดจะยังคงค่อนข้างกังวล เนื่องจากอัตราการว่างงานที่ต่ำมากที่ 3.5%
ปรับลด market EPS
เราปรับประมาณการ market EPS ปี 2566-68 ลง 5-8% เป็น 100 บาท/104 บาท/108 บาท ตามการปรับฐาน market EPS ของ Bloomberg ครั้งล่าสุด ซึ่งปรับ market EPS ปี 2565-67 ลง 9% ขณะที่เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกอย่างระมัดระวังต่อตลาดหุ้นไทย
เป้าหมาย SET Index ปี 2566 ของเรายังคงค่อนข้างเหมือนเดิม โดยขณะนี้อยู่ที่ 1,768 จุด ซึ่งอิงจาก market EPS ปี 2567 ที่ 17 เท่า ที่ 104 บาท (ประมาณ +0.5SD) ปัจจุบัน SET Index ซื้อขายอิงตาม PER ของตลาดปี 2567 ที่ 15.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตเล็กน้อย
การเปลี่ยนแปลงหุ้นเด่นของเรา
เรายังใช้โอกาสนี้เพื่อสลับหุ้นเด่นของเรา พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในธีมการลงทุน เราตัด ADVANC (+5.6% ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.) BCP (+18%) และ TEGH (+35.6%) และแทนที่ด้วย BLA เนื่องจากเรามองเห็นเส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve) ของไทยอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเหลือ 2.5% จาก 3%+ เมื่อปีที่แล้ว อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของไทยมักจะมีลักษณะชันขึ้น (positive yield curve) ซึ่งแตกต่างจาก yield curve ของสหรัฐฯ
ดังนั้น เราจึงมองว่านับจากนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี จะมีฐานที่ต่ำและได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในปี 2566 (มุมมองของเรา: ปรับขึ้นอีก 25bp เป็น 1.75%) ในเดือน ธ.ค. หุ้นเด่นของเราให้ผลตอบแทนที่ 7.6% เทียบกับ 3.6% ของ SET Index
ธีมการลงทุนล่าสุดมีดังต่อไปนี้
-กลุ่มป้องกันความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์: PRM
-กลุ่มป้องกันความเสี่ยงด้านวัฎจักร NPL ภายในประเทศ: BAM
-กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น: KTB
-กลุ่มที่ได้ประโยน์จากการฟื้นตัวแบบ K-shape: SC (ผู้เล่นในประเทศ) และ AAI (ผู้เล่นกลุ่มส่งออก)
-กลุ่มเปิดประเทศ: CPN CRC BDMS และ MINT
-กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอัตราตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีที่ลดลง: BLA
อย่าไล่ตามตลาด
ตลาดเคลื่อนไหวเร็วเกินไปในแง่ของปัจจัยขับเคลื่อนราคาหุ้นหลัก และเรามองว่ามีเสี่ยงไปที่จะไล่ตาม หลังจากการเติบโตของค่าจ้างในสหรัฐฯ ชะลอตัวในเดือน ธ.ค.เป็น 4.6% YoY จาก 4.8% ในเดือน พ.ย. และสูงสุดที่ 5.6% ในเดือน มี.ค.2565 ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยทำผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างแข็งแกร่งจากโอกาสที่จะเกิดการกลับทิศนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed Pivot) ซึ่งหุ้นการเติบโตของหุ้นทั่วโลกมีการดำเนินงานทำผลงานได้ดี
สำหรับตลาดหุ้นไทย หุ้นกลุ่ม non-banks และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทำผลงานได้ไม่ค่อยดี กลับมาได้ดี เรามองว่าตลาดตอบรับกับความคาดหวัง Fed pivot ไปมากแล้วและขึ้นไม่ได้อีกมากจากนี้ แม้ว่าเฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 25bp ในการประชุมเดือน ก.พ. นี้ เราคิดว่าเฟดจะยังคงใช้ความ hawkish ในเชิงนโยบายการเงิน ด้วยที่ตลาดแรงงานสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่ง และอัตราการว่างงานที่ต่ำมากที่ 3.5%
ตั้งสติ
เรามองเห็นผลกระทบเชิงบวกจากการที่จีนเปิดประเทศอีกครั้ง ซึ่งจะยังคงสนับสนุนธีมการลงทุนของเราในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวแบบ K-shape และการเปิดประเทศอีกครั้ง เงินเก็บของชาวจีนที่มีเหลือค่อนข้างมากจะส่งผลให้การท่องเที่ยวต่างประเทศเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยไทยจะเป็นหนึ่งในผู้ได้ประโยชน์หลัก แนวโน้มเชิงบวกนี้มีความเป็นไปได้สูง ไม่ว่า Fed Pivot จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม

เปิดพอร์ตลงทุน >> https://bit.ly/3eC98sz
Follow us :
LINE : http://bit.ly/KSLINEOA
Facebook: http://bit.ly/2XwGoaa
Instagram: http://bit.ly/332OqIT
Twitter: http://bit.ly/344OVng
YouTube: http://bit.ly/2QAdiFp