Macro Strategy ปรับคาดการณ์ GDP เหนือความคาดหมาย


Macro Strategy ปรับคาดการณ์ GDP เหนือความคาดหมาย
- กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามคาด คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 6 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% เทียบกับการประชุมเมื่อเดือนเม.ย.ที่มีมติ 5 ต่อ 2 เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ย การตัดสินใจครั้งนี้สอดคล้องกับที่เราคาดการณ์ไว้และตรงกับความคาดหวังของตลาด ทั้งนี้ กนง. มองว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มแสดงสัญญาณชะลอตัวมากขึ้น ท่ามกลางอุปสงค์สินเชื่อที่อ่อนแอและคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลง ในบริบทดังกล่าว กนง. เห็นว่าการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำยังคงเหมาะสม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยได้ถูกปรับลดลงมามากในช่วงที่ผ่านมา กนง. จึงเลือกใช้แนวทางรอดูผล เพื่อประเมินผลกระทบจากมาตรการผ่อนคลายก่อนหน้า โดยให้ความสำคัญกับจังหวะเวลาและประสิทธิภาพของนโยบายหลังพื้นที่เชิงนโยบายมีจำกัด ดังนั้น กนง. จึงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ในการประชุมครั้งนี้
- ธปท. ปรับเพิ่มประมาณการ GDP เหนือความคาดหมาย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับเพิ่มประมาณการ GDP ปี 2568 เหนือความคาดหมาย จาก 2.0% เป็น 2.3% โดยให้เหตุผลว่าการส่งออกและการลงทุนแข็งแกร่งกว่าที่ประเมินไว้ ขณะที่ดัชนีชี้นำรายเดือนสะท้อนว่าแนวโน้มทางเศรษฐกิจไม่ได้อ่อนแออย่างที่กังวล โดย ธปท. คาดว่า GDP จะขยายตัว 2.9% YoY ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 โดยเศรษฐกิจจะชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญในครึ่งหลังของปี ซึ่งอัตราการเติบโตอาจลดลงเหลือเพียง 1.7% YoY จากผลของการเร่งส่งออกล่วงหน้าในช่วงก่อนหน้า การเติบโตเฉลี่ย QoQ คาดอยู่ที่ราว 0.1% ซึ่งสะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค อย่างไรก็ตาม ธปท. มองว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่น่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากยังไม่พบสัญญาณชัดเจนของแรงกระแทกทางเศรษฐกิจที่รุนแรงเพียงพอ ภายใต้สมมติฐานที่ว่าสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 30%, จากประเทศในภูมิภาค 10%, และจากไทย 18%
- คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เราเชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ยังอ่อนแอ ท่ามกลางความเสี่ยงเงินฝืด อาจนำไปสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมอย่างน้อย 25bps ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงมาอยู่ที่ 1.50% กลุ่มหุ้นที่เชื่อมโยงในประเทศหรือซื้อขายด้วยส่วนลดสูง เช่น กลุ่มพาณิชย์, อสังหา, ICT, การเงิน และโรงพยาบาล อาจได้ประโยชน์จากความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของราคาหุ้นอาจเป็นเพียงช่วงสั้น เนื่องจากหุ้นที่เน้นปัจจัยในประเทศยังมีแนวโน้มอ่อนแอ ดังนั้นอาจไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มการเงินซึ่งอาจเผชิญแรงกดดันจากทั้งอุปสงค์สินเชื่อที่อ่อนแอและคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลง
- ตลาดรีบาวด์หลังการประเมินมูลค่าปรับลดลงสู่ระดับที่ต่ำมาก ในเชิงภาพรวมตลาด ดัชนี SET ฟื้นตัวแรงหลังก่อนหน้านี้ได้ปรับลงไปแตะระดับแนวรับทางจิตวิทยาที่บริเวณ 1,050/55 จุดตามที่เราคาดไว้ ซึ่งสอดคล้องกับระดับ PB ที่ 1.0 เท่า หรือส่วนลด -2SD จากค่าเฉลี่ยระยะยาว อย่างไรก็ดี มองไปข้างหน้าเรายังคงมีมุมมองระมัดระวังต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาด เนื่องจากความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิคในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 โดยเราคาดว่าดัชนี SET จะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1,095–1,130 จุด ในระยะสั้นระหว่างรอปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน เราเชื่อว่าความสนใจของตลาดจะเริ่มเปลี่ยนจากการเมืองในและต่างประเทศไปที่การเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งมีเส้นตายสำคัญในวันที่ 9 ก.ค. นี้ ดังนั้นในช่วงนี้ความเชื่อมั่นของตลาดอาจยังผันผวน หากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่หรือความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในการเจรจาการค้า

เปิดพอร์ตลงทุน >> https://ksecurities.co/open-account
ดูข้อมูลหุ้นเพิ่มเติมผ่านแอป KS TRADE+ โหลดเลย >> https://ksecurities.co/KSTradePlus
Follow us :
LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA
Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook
Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram
Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter
YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube
Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads