Macro Strategy : Digital Wallet เม็ดเงินเพิ่มและนโยบายครอบคลุมกว้างมากขึ้น


Macro Strategy : Digital Wallet เม็ดเงินเพิ่มและนโยบายครอบคลุมกว้างมากขึ้น
- ยุติประเด็นความไม่ชัดเจน นายกรัฐมนตรีเผยมาตรการกระตุ้นทางการคลัง “โครงการดิจิทัลวอลเล็ต” เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยุติประเด็นความไม่ชัดเจนของนโยบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการชี้แจงที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับแหล่งที่มาของเงินทุนและขอบเขตของมาตรการ เราเห็นว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตรูปแบบล่าสุดดีกว่าในตอนแรก โดยมีการอัดฉีดทางการคลังที่เพิ่มและครอบคลุมมากขึ้นทั้งในแง่ของพื้นที่และธุรกิจขนาดเล็กที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้
- การอัดฉีดเม็ดเงินทางการคลังที่มากขึ้น โครงการดิจิทัลวอลเล็ตรูปแบบล่าสุดคาดว่าจะอัดฉีดเม็ดเงิน 6 แสนลบ.เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งสูงกว่าแผนเดิมที่ 5.6 แสนลบ. ที่แจกจ่ายผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนใหม่ โดยโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบล่าสุดประกอบด้วยวงเงิน 5 แสนลบ. สำหรับการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับประชาชน 50 ล้านคน และ 1 แสนลบ. สำหรับโครงการ “e-Refund” ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้สูงที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ตสามารถลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลจากการซื้อสินค้าและบริการ มูลค่าไม่เกิน 50,000 บาท อย่างไรก็ดี การจ่ายเงินดิจิทัลมูลค่า 10,000 บาท ในการแถลงล่าสุดจะจำกัดเฉพาะผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้น้อยกว่า 70,000 บาท/เดือน หรือมีเงินในบัญชีธนาคารน้อยกว่า 500,000 บาทเท่านั้น ผู้ที่ร่ำรวยหรือผู้มีรายได้สูงซึ่งพิจารณาจากเงินในบัญชีธนาคารหรือรายได้ต่อเดือนที่ไม่ได้เข้าร่วมในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้นจะมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ e-Refund แทน
- นโยบายครอบคลุมมากขึ้น เงินดิจิทัลรูปแบบใหม่นี้สามารถนำไปใช้ได้ภายในอำเภอที่ระบุอยู่กับบัตรประชาชนเท่านั้น ซึ่งมีระยะทางไกลกว่ารูปแบบเดิมที่กำหนดรัศมีจากบ้าน 4 กม. อีกทั้งธุรกิจที่มีสิทธิ์ภายใต้โครงการรูปแบบใหม่นี้จะรวมถึงธุรกิจผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการทั้งหมด ในขณะที่รูปแบบเดิมนั้นจำกัดเฉพาะธุรกิจที่อยู่ในระบบภาษีเท่านั้น กรอบเวลาสำหรับการแจกเงินดิจิทัลสามารถใช้ได้ 6 เดือนเหมือนกับรูปแบบก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เงินดิจิทัลจะถูกหมุนเวียนในระบบจนถึงเดือนเม.ย. 2570 เนื่องจากมีเพียงธุรกิจที่อยู่ในระบบภาษีเท่านั้นที่สามารถแปลงเงินดิจิทัลเป็นเงินสดได้ เรามองประเด็นนี้จะช่วยเพิ่มช่องทางให้กับธุรกิจขนาดเล็กให้ได้รับประโยชน์จากการรับชำระด้วยเงินดิจิทัล
- ประเด็นสำคัญที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตใหม่
เรามองมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ 9 ประการในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตรูปแบบล่าสุด:
- มาตราการดังกล่าวคาดว่าจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินรวม 6 แสนลบ. ซึ่งสูงกว่าแผนเดิมที่ 5.6 แสนลบ. โดยวงเงินจากแผนใหม่ประกอบด้วย 5 แสนลบ. สำหรับการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับประชาชน 50 ล้านคน และวงเงิน 1 แสนลบ. สำหรับโครงการ “e-Refund” ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้สูงที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ตสามารถลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลจากการซื้อสินค้าและบริการ มูลค่าไม่เกิน 50,000 บาท
- รัฐบาลมีแผนจะเสนอร่างกฎหมายกู้เงินเพิ่ม 5 แสนลบ. เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ขณะที่รัฐบาลเคยยืนยันว่าโครงการดังกล่าวไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกู้ยืมเงินเพิ่มเติม เราประเมินการกู้ยืมพิเศษจำนวน 5 แสนลบ.จะทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 4.5% จาก 11.1 ล้านลบ.เป็น 11.6 ล้านลบ. หรือเทียบเท่ากับการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะต่อ GDP ประมาณ 3% จาก 62% เป็น 65% แม้อาจยังไม่ถึงกรอบเพดานหนี้ตามกฎหมายที่ 70% ต่อ GDP แต่มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับฐานะการเงินสาธารณะ
- แพลตฟอร์มสำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะใช้แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ที่มีอยู่แล้วซึ่งมีผู้ใช้งานอยู่แล้วหลายล้านคน และไม่มีแผนที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ภายใต้เทคโนโลยีบล็อกเชนเหมือนที่เคยชี้แจงไว้ในแผนเดิมว่าจะทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน
- โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะครอบคลุมเฉพาะผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 70,000 บาท หรือมีเงินในบัญชีธนาคารน้อยกว่า 500,000 บาท ในขณะที่โครงการรูปแบบก่อนหน้าครอบคลุมผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคนหรือเป็นการทำนโยบายแจกแบบถ้วนหน้า อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 70,000 บาทต่อเดือนขึ้นไปหรือมีเงินในบัญชีธนาคารมากกว่า 500,000 บาท จะมีสิทธิ์เข้าโครงการ e-Refund แทนซึ่งสามารถลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลจากการซื้อสินค้าและบริการ มูลค่าไม่เกิน 50,000 บาท
- เงินดิจิทัลรูปแบบใหม่นี้สามารถนำไปใช้ได้ในอำเภอเดียวกันกับที่ระบุไว้ในบัตรประชาชนเท่านั้น ซึ่งมีระยะทางไกลกว่ารูปแบบเดิมซึ่งให้ใช้ภายในรัศมี 4 กม. จากบ้าน
- ธุรกิจที่มีสิทธิ์รับชำระเป็นเงินดิจิทัลภายใต้โครงการรูปแบบใหม่นี้จะรวมทุกธุรกิจที่เข้ามาลงทะเบียนร่วมโครงการ ในขณะที่รูปแบบเดิมนั้นจะจำกัดเฉพาะธุรกิจที่อยู่ในระบบภาษีเท่านั้น
- กรอบระยะเวลาสำหรับการแจกเงินดิจิทัลสามารถใช้ได้ 6 เดือนเหมือนกับรูปแบบก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เงินดิจิทัลจะถูกหมุนเวียนในระบบจนถึงเดือนเม.ย. 2570 เนื่องจากมีเพียงธุรกิจที่อยู่ในระบบภาษีเท่านั้นที่สามารถของแปลงเงินดิจิทัลขึ้นเป็นเงินสดได้
- การแจกเงินดิจิทัลมีกำหนดเริ่มแจกในวันที่ 1 พ.ค. 2567 ช้ากว่าแผนเดิมในตอนแรกที่ประกาศไว้ในวันที่ 1 ก.พ. 2567
- โครงการดิจิทัลวอลเล็ตรูปแบบเดิมไม่สามารถใช้เงินดิจิทัลเพื่อซื้อบุหรี่และสุราได้ แต่รูปแบบใหม่มีข้อจำกัดมากขึ้นโดยกำหนดให้เฉพาะการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น ไม่สามารถใช้ชำระค่าบริการ, สินค้าออนไลน์, บุหรี่, สุรา, บัตรกำนัลเงินสด, เพชร, อัญมณี, ทอง และไม่สามารถใช้ชำระหนี้, ค่าน้ำ, ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำมัน, หรือค่าเล่าเรียน
- มองบวกบนแนวโน้มการเติบโตที่จะดีขึ้น แต่ติดกังวลระยะสั้นบนประเด็นหนี้สาธารณะ เราเชื่อว่าตลาดอาจตอบสนองเชิงลบในระยะสั้นต่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ตรูปแบบล่าสุด เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะซึ่งอาจทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นและกดดันภาพการลงทุนในตลาดหุ้น เนื่องจากรัฐบาลมีแผนจะเสนอร่างกฎหมายใหม่เพื่อขอกู้เงินจำนวน 5 แสนลบ.เพื่อใช้ในโครงการนี้ เราประเมินการกู้ยืมพิเศษจำนวน 5 แสนลบ.จะทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 4.5% จาก 11.1 ล้านลบ.เป็น 11.6 ล้านลบ. หรือเทียบเท่ากับการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะต่อ GDP ประมาณ 3% จาก 62% เป็น 65% แม้ยังไม่ถึงเพดานหนี้ตามกฎหมายที่ 70% ของ GDP แต่มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับฐานะการคลังของประเทศ อีกทั้งอาจมีประเด็นอุปสรรคในเชิงกระบวนการออกกฎหมายจากฝ่ายค้านและภาคประชาชนบางส่วน แต่เมื่อมองข้ามอุปสรรคในระยะสั้นนี้ไป เราเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถขยายตัวได้ในอัตรา 4-5% ในปี 2567 ซึ่งเป็น upside ต่อประมาณการในปัจจุบันของตลาดที่ 3.6%
- เราเชื่อว่ากลุ่มค้าปลีก (Commerce sector) จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์หลักจากโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยเฉพาะ CPALL, CRC และ COM7 โดย CPALL มีความได้เปรียบจากการที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศตั้งแต่ระดับจังหวัดถึงระดับซอย ด้าน CRC จะได้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้นและรองรับการใช้จ่ายที่มีมูลค่าสูงมากขึ้น และ COM7 น่าจะได้ประโยชน์จากอุปสงค์ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีโดยเฉพาะสมาร์ทโฟนจากกลุ่มคนรายได้สูง
- CPALL “ซื้อ” TP 78.00 บาท
- CRC “ซื้อ” TP 52.50

เปิดพอร์ตลงทุน >> https://ksecurities.co/open-account
Follow us :
LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA
Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook
Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram
Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter
YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube
Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads
#KS #หลักทรัพย์กสิกรไทย #KSecurities #การลงทุน #การลงทุนหลักทรัพย์ #ผลตอบแทน #ข่าวหุ้น #หุ้นไทย #DigitalWallet #ดิจิทัลวอลเล็ต #CPALL #CRC #COM7