Strategy

เลือกตามปัจจัยเฉพาะช่วงตลาดผันผวน

SET Index มีความแข็งแกร่งมากกว่าเมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นอ้างอิงโลกเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ยังคงให้ผลตอบแทนต่ำกว่าตลาดโลกในแง่ของ YTD

ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงกดดันจากปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
-SET Index มีความแข็งแกร่งมากกว่าเมื่อเทียบกับดัชนีอ้างอิงทั่วโลกในเดือนเม.ย. โดย SET Index ปรับตัวลดลง 0.7% ในเดือนเม.ย. เทียบกับ MSCI ACWI ที่ลดลง 3.4% จากความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม SET Index ยังคง underperform ตลาดโลก โดยปรับลดลง 3.4% YTD ขณะที่ MSCI ACWI เพิ่มขึ้น 4.1% YTD

SET Index มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบเดือนพ.ค
-เราเชื่อว่า SET Index มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 1,330-1,400 จุด ในช่วงเดือนพ.ค. แม้จะมีคำโบราณว่า "Sell in May and Go Away" แต่เรามองอาจไม่เกิดขึ้นซ้ำในปี 2567 โดยเฉพาะหลังจากมีแรงเทขายในเดือนเม.ย. เราคงเป้าหมาย SET Index ปี FY2567 ไว้ที่ 1,450 จุด ณ สิ้นปี โดยประเมินจากประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 91, PE ระยะยาวเฉลี่ย 16 เท่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี 2.8% เราเชื่อว่าความเสี่ยงขาลงมีจำกัด แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภูมิรัฐศาสตร์และทิศทางการเงินโลกยังคงสูง

ปัจจัยหนุนเชิงบวก
-ปัจจัยหนุนเชิงบวกที่สำคัญในเดือนพ.ค.ที่น่าจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภคได้แก่แรงหนุนจากราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น การใช้จ่ายทางการคลังที่เร่งตัว และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แม้ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.50% ในเดือนพ.ค. แต่เราแนะนำให้นักลงทุนติดตามรายงาน FOMC ซึ่งอาจให้ข้อมูลเชิงลึกต่อแนวโน้มทิศทางนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะหลัง Fed ได้ประกาศเริ่มการทำ QT tapering ซึ่งช่วยฟื้นราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้

ปัจจัยเสี่ยง
-นักลงทุนควรติดตามความขัดแย้งในตะวันออกกลางต่อ เนื่องจากอาจส่งผลให้ราคาพลังงานปรับเพิ่มสูงขึ้นอีกได้ ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องให้อัตราเงินเฟ้อฟื้นตัวและแวดล้อมอัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นเวลานานยืดเยื้อออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้ความต้องการการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ลดลงจากการอ่อนค่าของสกุลเงินเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

KS Top picks : พอร์ตการลงทุนเน้นไปที่ธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภค การท่องเที่ยว และการส่งออก
-พอร์ตการลงทุนประจำเดือนของเราในเดือนพ.ค.ประกอบด้วยหุ้น 5 ตัว ได้แก่ MTC, TTB, AAV, ERW และ TU
โดย MTC และ TTB น่าจะได้ประโยชน์จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง MTC มีสัดส่วนสูงในสินเชื่อจำนำทะเบียนรถโดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท ในขณะที่คาด TTB ยังคงได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด ด้าน AV และ ERW มีแนวโน้มได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวต่อ และเนื่องจาก TU เป็นผู้ส่งออก บริษัทฯ จึงมีแนวโน้มดีขึ้นหากเงินบาทอ่อนค่า