Daily View

Daily View

Daily View

Daily View

KS Daily View 16 เม.ย. 2025

KS Research Strategy Analysis by KS Research Strategy
April 16, 2025

KS Daily View 16.04.2025 >>> คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น หลัง Tariffs ผ่อนคลายลงชั่วคราว กรอบ SET วันนี้ที่ 1,120 – 1,150 หุ้นแนะนำ CPF, AURA

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: คาดตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 1,110-1,160 จุด โดยแนวโน้มหลักยังเป็นขาลง แต่ระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวหลังปรับลงมามากจากความกังวลเรื่องสงครามการค้า เนื่องจากทรัมป์ประกาศเลื่อนการปรับเพิ่มภาษีนำเข้าแบบตอบโต้ออกไป 90 วัน เปิดโอกาสให้ประเทศคู่ค้าเจรจาหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มที่ปรับตัวลงแรงก่อนหน้าจึงมีโอกาสรีบาวด์ โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวกับการส่งออกและอุปสงค์ต่างประเทศ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ (DELTA KCE HANA) ซึ่งทรัมป์ประกาศยกเว้นภาษีให้กับสินค้าโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ และชิป รวมถึงกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง (AAI ITC) นิคมอุตสาหกรรม (AMATA WHA) พลังงาน (PTTEP BANPU TOP) และปิโตรเคมี (PTTGC IVL SCC)

อย่างไรก็ดี มองไปข้างหน้าบรรยากาศการลงทุนยังผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของท่าทีทรัมป์ที่เปลี่ยนไปมาได้รวดเร็ว นักลงทุนสามารถซื้อเก็งกำไรกลุ่มส่งออกได้ แต่แนะนำเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น โดยเฉพาะในสัปดาห์นี้เป็นช่วงวันหยุดยาว สภาพคล่องตลาดน้อย ทำให้ดัชนีและราคาหุ้นรายตัวอาจปรับขึ้นลงแรงกว่าปกติ นอกจากนี้ช่วงปลายเดือน เม.ย. ถึง พ.ค. หุ้นขนาดใหญ่หลายกลุ่มจะขึ้น XD จ่ายปันผล และเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงสุด

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปรับตัวขึ้นตาม Sentiment เชิงบวกจากนโยบาย Tariffs ที่ผ่อนคลายลงชั่วคราว หลังทรัมป์มีท่าทีผ่อนผันภาษีในสินค้ากลุ่มเทคจากจีน และกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์อาจช่วยให้กลุ่มส่งออกได้รับ Sentiment เชิงบวก แม้จะมีความไม่แน่นอนของการบังคับใช้ภาษีรออยู่ก็ตาม และติดตามการรายงานผลประกอบการของ TISCO และ TTB สำหรับหุ้นแนะนำสัปดาห์นี้เราเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการเติบโตเชิง YoY, QoQ ใน 1Q25 BANPU AURA CPF OR

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ช่วงสุดสัปดาห์ทรัมป์ได้ประกาศยกเว้นภาษีนำเข้า 125% สำหรับสินค้าจากจีนและ 10% จากประเทศอื่นๆ ชั่วคราวสำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยอดนิยม เช่น iPhone, MacBook และชิป แต่ต่อมาได้ชี้แจงว่าเป็นเพียงการย้ายสินค้าเหล่านี้ไปอยู่ในกลุ่มภาษีเฉพาะอุตสาหกรรม ซึ่งจะมีการประกาศอัตราใหม่ใน 1-2 เดือนข้างหน้า โดยคาดว่าจะต่ำกว่า 125% แต่ขณะนี้ยังต้องเสียในอัตราภาษี 20% ตามกลุ่ม Fentanyl tariffs อยู่ ส่งผลให้หุ้นบริษัทเทคโนโลยีได้รับผลกระทบเชิงบวกในระยะสั้น แต่ยังมีความเสี่ยงในอนาคตอันใกล้
  2. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าเขากำลังพิจารณาช่วยเหลือบริษัทผลิตรถยนต์ที่ต้องใช้เวลาในการย้ายสายการผลิตจากต่างประเทศกลับมายังสหรัฐฯ โดยแม้ว่าเขาจะเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูป 25% ไปแล้วตั้งแต่ 3 เม.ย. แต่เขาอาจผ่อนผันภาษีชิ้นส่วนรถยนต์ซึ่งจะเริ่มมีผลในวันที่ 3 พ.ค. เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อซัพพลายเชน ท่าทีของทรัมป์ครั้งนี้ส่งผลเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมในระยะสั้น แต่ยังสร้างความไม่แน่นอนต่อทิศทางนโยบายการค้าระยะยาว
  3. โอเปกได้ปรับลดประมาณการการเติบโตของความต้องการน้ำมันโลกครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม โดยอ้างถึงผลกระทบจากข้อมูลไตรมาสแรกและการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในรายงานประจำเดือน โอเปกระบุว่าความต้องการน้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้น 1.30 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2025 และ 1.28 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2026 ซึ่งทั้งสองตัวเลขลดลง 150,000 บาร์เรลต่อวันจากประมาณการเดือนก่อน นอกจากนี้ยังได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในปีนี้เหลือ 3.0% จาก 3.1% และปีหน้าเหลือ 3.1% จาก 3.2% เนื่องจากความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าของทรัมป์
  4. คณะผู้เจรจาของไทยเตรียมเดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อเจรจาลดผลกระทบจากมาตรการภาษี โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง จะนำคณะไปพบนักธุรกิจที่ซีแอตเทิลในวันที่ 17 เมษายน ตามด้วย รมว.พาณิชย์ที่จะร่วมเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ ที่วอชิงตัน ดี.ซี. ในวันที่ 21 เมษายน ภายใต้ 5 แนวทางหลัก ได้แก่ การเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจ การเปิดตลาดและลดภาษี การเพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐฯ การเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าส่งออก และการส่งเสริมการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ
  5. สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เตรียมปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2568 จากผลกระทบของแผ่นดินไหวและภาษีนำเข้าของทรัมป์ที่มีต่อไทย 36% โดยนายพงศ์นคร โภชากรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมหภาค ระบุว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงเหลือ 2.8% จาก 3.2% และไทยมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคที่ GDP อาจติดลบ 2 ไตรมาสติดต่อกัน ทั้งนี้ สศค.จะแถลงประมาณการเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/2568 ในวันที่ 28 เมษายน พร้อมเตรียมมาตรการช่วยเหลือผ่านสถาบันการเงินของรัฐ โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบ

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
CPF: ราคาพื้นฐาน 28.40 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ CPF จากการคาดการณ์กำไรในไตรมาส 1 ปี 2568 ที่จะเติบโตประมาณ 490% YoY มาอยู่ที่ 6,800 ล้านบาท จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น และสำหรับการเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน จะไม่มีการตั้งสำรองเหมือนในไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ผ่านมา เรามองว่าอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นมาจากต้นทุนเลี้ยงสัตว์ที่ลดลงและราคาหมูในประเทศ รวมถึงในจีนและเวียดนามที่ปรับตัวสูงขึ้น เราคาดว่าราคาหมูที่สูงจะยังคงอยู่ได้อย่างน้อยถึงไตรมาส 2 ปี 2568 จากอุปทานที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในไทยและเวียดนามที่ปรับตัวลดลงถึง 5% และ 30% ตามลำดับ นอกจากนี้ เราคาดว่าผลกระทบจาก reciprocal tariffs มีค่อนข้างต่ำเนื่องจากมีธุรกิจส่งออกไปยังสหรัฐฯ ไม่ถึง 1% และ CPF มีโอกาสได้ประโยชน์จากการนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนได้อีกในอนาคต

AURA: ราคาพื้นฐาน 20.10 บาท
เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อ AURA จากราคาทองคำที่ปรับขึ้นมายืนเหนือ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งยังคงเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอน ส่งผลให้บริษัทคาดมีกำไรจากส่วนต่างการซื้อขายทองคำของธุรกิจ gold trading และคาดการทยอยปรับค่ากำเหน็จขึ้นในครึ่งหลังปี 2568 จะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทมีการตั้งเป้า 2568 ที่จะเพิ่มสาขาเป็น 644 สาขา และการเติบโตพอร์ตสินเชื่อ gold finance เติบโตเป็น 6,500 ล้านบาท หรือเติบโต 30% พร้อมตั้งเป้ากำไรสุทธิปี 2568 โต 20-30% โดยมีแผนขยายเพดานหนี้จาก 2 เท่าเป็น 2.5 เท่าและมีแผนออกหุ้นกู้ 2-3 พันล้านบาท พร้อมขอวงเงินกู้ syndicate loan อีก 3-4 พันล้านบาทที่คาดว่าจะเห็นผลในไตรมาส 2 ปี 2568 ช่วยเสริมสภาพคล่องการขยายสาขาการเติบโตของทองมาเงินไป นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงเช่นกันเนื่องจาก AURA มีสัดส่วนเงินกู้ที่เป็นอัตราลอยตัวราว 98%

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันพุธติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของจีนอย่าง ตัวเลข GDP ใน 1Q25 ตลาดคาดการณ์ที่ +5.2% YoY ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 5.4% YoY ต่อด้วย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (China Industrial production) เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 5.6% YoY และ ดัชนียอดค้าปลีก (China Retail sales) เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +4.2% YoY ปิดท้ายด้วย ดัชนียอดค้าปลีกของสหรัฐ (US Retail sale) เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +1.4% MoM เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.20% MoM

วันพฤหัสฯ ติดตามนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB Main Refinancing Rate) ตลาดคาดการณ์ว่าคณะกรรมการจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อด้วยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐรายงานจำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้าง (US Housing Starts) ของสหรัฐ เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.41 ล้านหลัง ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.50 ล้านหลัง และ รายงานใบอนุญาตก่อสร้างบ้าน (US Building Permits) ของสหรัฐ เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.45 ล้านหลังเร่งตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.46 ล้านหลัง

วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น (Japan Inflation) เดือน มี.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.70% YoY และ เงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.60% YoY

เปิดพอร์ตลงทุน >> https://ksecurities.co/open-account
ดูข้อมูลหุ้นเพิ่มเติมผ่านแอป KS TRADE+ โหลดเลย >> https://ksecurities.co/KSTradePlus

Follow us :
LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA
Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook
Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram
Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter
YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube

#KS #หลักทรัพย์กสิกรไทย #Ksecurities #การลงทุน #หุ้นไทย #การลงทุนหลักทรัพย์ #ผลตอบแทน #ข่าวหุ้น #DAILYVIEW

Daily View

KS Daily View 2 พ.ค. 2025
May 2, 2025

KS Daily View 2 พ.ค. 2025

KS Daily View 30 เม.ย. 2025
Apr 30, 2025

KS Daily View 30 เม.ย. 2025

KS Daily View 29 เม.ย. 2025
Apr 29, 2025

KS Daily View 29 เม.ย. 2025

KS Daily View 28 เม.ย. 2025
Apr 28, 2025

KS Daily View 28 เม.ย. 2025

KS Daily View 25 เม.ย. 2025
Apr 25, 2025

KS Daily View 25 เม.ย. 2025

KS Daily View 24 เม.ย. 2025
Apr 24, 2025

KS Daily View 24 เม.ย. 2025