Daily View

Daily View

Daily View

Daily View

KS Daily View 24 ก.พ. 2025

KS Research Strategy Analysis by KS Research Strategy
February 24, 2025

KS Daily View 24.02.2025 >>> SET -11% YTD มองวันนี้อาจอยู่ในแดนลบ มองกรอบ SET วันนี้ 1,230–1,260 หุ้นแนะนำ CPAXT, BCH

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: คาดตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 1,235-1,290 จุด โดยแม้เทรนด์หลักยังเป็นขาลง แต่มองระยะสั้นตลาดมีเสถียรภาพมากขึ้นและอาจไซด์เวย์หรือฟื้นตัวเล็กน้อยหลังปรับลงแรง 11% ตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากประเด็นลบถูกรับรู้ไปมากทั้งท่าที Fed ที่ไม่รีบลดดอกเบี้ย ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่เริ่มผ่อนคลาย และการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ยังเป็นแค่การขู่เจรจา ขณะที่มีปัจจัยบวกจากความพยายามของทางการไทยในการสร้างความเชื่อมั่นผ่านมาตรการต่างๆ ทั้งการออกกองทุน Thai ESG 2 เพื่อชะลอแรงขาย LTF และโครงการJump+ ที่จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน สำหรับปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้เน้นในประเทศ ทั้งตัวเลขส่งออกวันจันทร์ที่คาดชะลอเป็น 7.7% YoY และการประชุม กนง. วันพุธที่แม้คาดคงดอกเบี้ย 2.25% แต่มีลุ้นปรับลดจากความกังวลเรื่องสภาพคล่องและสินเชื่อที่หดตัว รวมถึงติดตามผลประกอบการ Q4/67 ช่วงโค้งสุดท้าย โดยในสัปดาห์นี้มี MEGA, ERW, BAM, MOSHI, CPALL, DUSIT, NEO, TVO, AMATA, PLANB, SHR, VRANDA, BGRIM และ D ที่คาดจะรายงานออกมาดีเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY สำหรับหุ้นแนะนำในสัปดาห์นี้เป็น BCH CPAXT MOSHI SHR STGT

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,246.21 จุด ปิดทรงตัวแม้จะมีการรีบาวด์ในช่วงครึ่งแรกจากกลุ่มสื่อสารและ GULF ที่เผชิญแรงขายในวันก่อนหน้า แรงกดดันรอบนี้มาในกลุ่มธนาคารที่มีการขายก่อนการประชุม กนง. ตลาดวันนี้อาจได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไม่ดีในวันศุกร์ทำให้ตลาดกลับมากังวล Recession อีกครั้ง ประเมินกรอบวันนี้ที่ 1,230 – 1,260 จุด หุ้นแนะนำเป็น CPAXT, BCH และติดตามตัวเลขส่งออกไทยวันนี้

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 พร้อมกับการคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวที่พุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปีที่ 3.5% เนื่องจากความกังวลเรื่องนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ ในขณะเดียวกัน ดัชนี PMI รวมของ S&P Global ลดลงต่ำสุดในรอบ 17 เดือนที่ 50.4 โดยภาคบริการหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี แม้ว่าภาคการผลิตจะขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง แต่การขยายตัวนี้อาจเป็นเพียงชั่วคราวเนื่องจากโรงงานบางแห่งเร่งการผลิตเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาษีศุลกากรที่กำลังจะมาถึง

2. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กับ Ms. Sharon Toh ผู้บริหารระดับสูงประจำภูมิภาคอาเซียนของ SWIFT เพื่อหารือเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ โดยมีประเด็นสำคัญคือการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) มีการหารือเรื่องการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อจัดเก็บข้อมูลธุรกรรม และการพัฒนาระบบSWIFT GPI ที่จะช่วยลดระยะเวลาการโอนเงินข้ามประเทศให้เหลือไม่เกิน 1 วัน จากเดิมที่ใช้เวลา 2-3 วัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาคการส่งออกและการเป็นศูนย์กลางทางการเงินของไทย

3. รัฐบาลไทยมีแผนพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR)โดยในร่างแผน PDP ฉบับใหม่กำหนดกำลังการผลิตเบื้องต้นที่ 600 เมกะวัตต์ ซึ่งอาจแบ่งเป็นโรงละ 300 เมกะวัตต์ ในช่วงปี 2579-2580 โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้นำร่องก่อนเปิดให้เอกชนลงทุน เนื่องจากรัฐบาลสามารถควบคุมดูแลด้านความปลอดภัยได้ดีกว่า ทั้งนี้ผู้ประกอบการต้องได้รับการอนุมัติจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) และสำนักงานกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ก่อนดำเนินการ

4. สถาบันไวรัสวิทยาเมืองอู่ฮั่นในจีนค้นพบไวรัสโคโรนาชนิดใหม่ในค้างคาว ที่เข้าสู่เซลล์ด้วยวิธีเดียวกับเชื้อโควิด-19 แม้ว่าไวรัสนี้ยังไม่พบการติดเชื้อในมนุษย์ นักวิจัยระบุในวารสาร Cell ว่าไวรัสตัวนี้มีความเป็นไปได้ที่จะแพร่จากสัตว์สู่คน และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไวรัสที่ก่อโรค MERS ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 36% ในผู้ติดเชื้อตั้งแต่ปี 2012 ถึงพฤษภาคม 2024

5. วอร์เรน บัฟเฟตต์บัฟเฟตต์เผยในจดหมายประจำปีว่า เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ มีการขายหุ้นออกอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 9 และเพิ่มเงินสดสำรองสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 334 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2024 บริษัทขายหุ้นออกไปมูลค่ารวมกว่า 134 พันล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่มาจากการลดสัดส่วนการถือหุ้นในApple และ Bank of America อย่างไรก็ตาม บัฟเฟตต์ยังคงเชื่อมั่นในการลงทุนระยะยาว และได้ประกาศว่าจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทเทรดดิ้งเฮาส์ของญี่ปุ่น 5 แห่ง ได้แก่ มิตซูบิชิ คอร์ป, มิตซูอิ แอนด์ โค, อิโตชู คอร์ป, ซูมิโตโม คอร์ป และมารูเบนิ คอร์ป โดยบริษัทเหล่านี้ได้ตกลงที่จะผ่อนปรนเพดานการถือหุ้นที่เดิมจำกัดไว้ที่ 10%

Daily pick

CPAXT : ราคาพื้นฐาน 39.30 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ CPAXT จากผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ที่เติบโต 22.5% YoY ทำให้กำไรทั้งปีเติบโต 22.4% YoY กำไรปกติไม่รวมค่าใช้จ่ายควบรวมอยู่ที่ 4 พันล้านบาท จากยอดขายที่เติบโต 4.7% และ GPM ที่เพิ่มขึ้น 0.9% YoY จากการปรับสินค้าและต้นทุน สำหรับไตรมาส 1/2568 คาดเติบโตต่อเนื่องจาก SSSG มกราคมที่เพิ่มขึ้นราว 1-3% คาดเห็น Synergy value เต็มที่ในครึ่งปีหลัง 2025 ที่ 2,500 ล้านบาท และคาดว่า Margin จะขยายตัวต่อเนื่องจาก Product mix และ Synergy

BCH : ราคาพื้นฐาน 18.30 บาท

เราแนะนำ BCH สำหรับการลงทุนระยะกลางถึงยาว แม้คาดผลประกอบการในไตรมาส 4/2567 จะอ่อนแอจากการปรับลดรายได้ประกันสังคมกลุ่ม High cost care ที่จะบันทึกที่ 8,000 บาท/RW สำหรับ 6 เดือนของปี 2567 คาดกระทบรายได้ราว 160 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเรามองว่านี่เป็นจุดต่ำสุดและเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เนื่องจากในปี 2568 ประกันสังคมจะประกันการจ่าย High cost care ที่ระดับ 12,000 บาทต่อ RW โดยเราคาดรายได้จะเติบโตในระดับสองหลักในปี 2568 และจำนวนผู้ประกันตนคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4%

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันจันทร์ ติดตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์ไทยในตัวเลขส่งออก (TH Export) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +7.7% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +8.7% YoY และตัวเลขนำเข้าเดือน (TH Import) ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.9% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +14.9% YoY ต่อด้วยการรายงานยอดขายรถใหม่ของไทย เดือน ม.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 5.40 หมื่นคัน และปิดท้ายด้วย ตัวเลขเงินเฟ้อของฝั่งยุโรป (EU CPI)เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY

วันอังคาร ติดตามดัชนีรายงานความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของคณะกรรมการการประชุม (Conference Board Consumer Confidence) เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ 103.5 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 104.1 จุด และรายงานดัชนีภาคการผลิตของรัฐริชมอนด์ (Richmond Manufacturing Index) เดือน ก.พ. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -4.0 จุด

วันพุธ ติดตามการประชุมของ กนง. ตลาดคาดว่าจะกนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.25% และติดตามตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ (New home sale) เดือน ม.ค. โดดตลาดคาดที่ 6.80 แสนหลังปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 6.98 แสนหลัง

วันพฤหัสฯ ติดตามคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ (US Durable goods orders) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +1.20% MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -2.2% MoM ต่อด้วยรายงานการคาดการณ์การเติบโของ GDP ของสหรัฐใน 4Q24 ครั้งที่สอง ตลาดคาดการณ์ที่ 2.3% QoQ ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า ปิดท้ายจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.19 แสนตำแหน่ง

วันศุกร์ ติดตามตัวเลขส่งออก (Exports) ของ ธปท. เดือน ม.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 8.4% YoY และตัวเลขนำเข้า (Imports) เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 13.4% YoY ในส่วนของเศรษฐกิจของสหรัฐมีการรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (Core PCE Price Index) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.6% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.8% YoY ต่อด้วย ดัชนีรายได้ส่วนบุคคล (Personal income) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.3% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.4% MoM และ ดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคล (Personal spending) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.3% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.7% MoM

เปิดพอร์ตลงทุน >> https://ksecurities.co/open-account

Follow us :

LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA

Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook

Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram

Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter

YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube

Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads

#KS #หลักทรัพย์กสิกรไทย #Ksecurities #การลงทุน #หุ้นไทย #การลงทุนหลักทรัพย์ #ผลตอบแทน #ข่าวหุ้น #KSTODAY

Daily View

KS Daily View 20 มิ.ย. 2025
Jun 20, 2025

KS Daily View 20 มิ.ย. 2025

KS Daily View 19 มิ.ย. 2025
Jun 19, 2025

KS Daily View 19 มิ.ย. 2025

KS Daily View 18 มิ.ย. 2025
Jun 18, 2025

KS Daily View 18 มิ.ย. 2025

KS Daily View 17 มิ.ย. 2025
Jun 17, 2025

KS Daily View 17 มิ.ย. 2025

KS Daily View 16 มิ.ย. 2025
Jun 16, 2025

KS Daily View 16 มิ.ย. 2025

KS Daily View 13 มิ.ย. 2025
Jun 13, 2025

KS Daily View 13 มิ.ย. 2025