Daily View

KS Daily View 4 ก.ค. 2025>>> SET Index ของไทยมีแนวโน้มแกว่งตัว sideways down จากตลาดยังคงรอผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับไทย ในขณะเดียวกันธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทยในปี 2025 เหลือ 1.8% แนะนำ PTTGC และ TRUE

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.83%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 1.02%, และ Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.77% ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง จากบริษัทผลิตชิป Nvidia มีมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นใกล้แตะระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์ และรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่รายงานออกมาแข็งแกร่ง

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,127.21 จุด เพิ่มขึ้น 11.52 จุด (+1.03%) จากการปรับตัวเพิ่มของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มขนส่ง, และกลุ่มค้าปลีก ในวันนี้ เราคาดว่า SET Index ของไทยมีแนวโน้มแกว่งตัว sideways down อยู่ในกรอบ 1,100-1,125 จุด จากตลาดยังคงรอผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับไทย หากอัตราภาษีออกมามากกว่าระดับ 20% อาจหนุนให้ไทยเสียเปรียบด้านราคาในการส่งออก อีกทั้ง SET index ได้ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,125 เป็นจุดก่อนที่ สหรัฐจะประกาศ reciprocal tariffs มองว่าอาจเป็นแนวต้านก่อนมีการประกาศผลเจรจา ในขณะเดียวกันธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทยในปี 2025 เหลือ 1.8% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.2% อาจส่งผลเชิงลบต่อจิตวิทยาในการลงทุนของตลาดหุ้นไทย

ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ผสมผสานกับหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งอย่าง PTTGC และ TRUE

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้การสนับสนุนร่างกฎหมายของวุฒิสภาที่เสนอให้เก็บภาษีศุลกากรสูงถึง 500% ต่อจีนและอินเดีย ซึ่งยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย โดยมีเป้าหมายเพื่อกดดันรัสเซียให้ยุติสงครามและเข้าสู่การเจรจา พร้อมระบุว่าอินเดียและจีนเป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่จากรัสเซียถึง 70% ซึ่งเป็นแหล่งทุนสนับสนุนสงครามยูเครน มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกเล็กน้อยกับกลุ่ม Petrochemical อย่าง PTTGC และ SCC

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีแบบฝ่ายเดียวให้ประเทศคู่ค้าในวันศุกร์นี้ ก่อนถึงเส้นตายเจรจา 9 ก.ค. โดยประเทศที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ทันจะเผชิญภาษีใหม่ ทรัมป์เผยว่าบรรลุข้อตกลงแล้วกับสหราชอาณาจักรและเวียดนาม และมีพักศึกกับจีน ขณะที่ยังเจรจากับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรป

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานมีเป้าหมายควบคุมค่าไฟฟ้าในงวด ก.ย.-ธ.ค. 2568 ไม่ให้เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย และพยายามลดให้ต่ำกว่า 3.98 บาท โดยอยู่ระหว่างบริหารจัดการต้นทุน และส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในครัวเรือน ด้วยมาตรการลดหย่อนภาษีสูงสุด 200,000 บาท พร้อมเสนอร่าง พ.ร.บ. พลังงานแสงอาทิตย์เข้าสู่ ครม. 20 ก.ค. มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบเล็กน้อยกับโรงไฟฟ้า SPP อย่าง BGRIM และ GPSC

ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 111,000 ตำแหน่ง ประกอบกับ อัตราว่างงานลดลงเหลือ 4.1% เทียบกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 4.3% ด้วยตัวเลขการจ้างงานที่ดีกว่าคาดส่งผลให้ตลาดกังวลว่า Fed อาจชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยใน 2H25

ธนาคารโลกเผยรายงาน Thailand Economic Monitor โดยปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทยในปี 2025 เหลือ 1.8% และปี 2026 เหลือ 1.7% จากเดิมคาดการณ์ปี 2025 และ 2026 ที่ระดับ 3.2% และ 3.1% ตามลำดับ อันเป็นผลจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกโดยตรง การลงทุนภายในประเทศที่อ่อนแอ และการบริโภคในประเทศที่ชะลอตัว รวมถึงการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในระดับปานกลาง

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

TRUE: ราคาพื้นฐาน 13.16 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TRUE หลังจาก กสทช. ได้จัดการประมูลคลื่นความถี่รวม 4 ย่าน ได้แก่ 850MHz, 1500MHz, 2100MHz และ 2300MHz โดยที่ผลการประมูลในภาพรวมเป็นบวก การแข่งขันไม่ได้รุนแรงเท่าที่คาดไว้ TRUE ชนะประมูลคลื่น 2300MHz ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ถึง 37% อีกทั้งมีการประมูล 1500MHz เหนือความคาดหมาย หนุนให้ TRUE ได้คลื่นเพิ่มมากถึง 90MHz ทำให้ถือคลื่น mid-band รวมสูงถึง 280MHz จะส่งผลบวกกับคุณภาพการให้บริการ และความสามารถในการแข่งขันในช่วงหลายปีข้างหน้า จนกว่าคลื่น 3500MHz จะเปิดให้ใช้งานในช่วงปี 2029 หรือ 2030

PTTGC: ราคาพื้นฐาน 23.10 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ PTTGC เป็น global-play และจะมีปัจจัยหนุนทั้งในระยะสั้นและระยะกลางถึงยาว โดยปัจจัยระยะสั้นคือ การฟื้นตัวของค่าการกลั่น (GRM) ในไตรมาส 2Q25 เราคาดว่า GRM จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ USD 3.4/bbl ในไตรมาส 1Q25 มาอยู่ที่ประมาณ USD 5.0/bbl ในไตรมาส 2Q25 จากแรงหนุนของอุปสงค์ตามฤดูกาล และต้นทุนการผลิตโอเลฟินลดลง จากการที่บริษัทได้รับประโยชน์จากการใช้วัตถุดิบเอเทน (ethane) เพิ่มขึ้นในไตรมาส 1Q25 โดยสัดส่วนเอเทนเพิ่มขึ้นจาก 33% ในไตรมาส 4Q24 เป็น 38% ในไตรมาส 1Q25 ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง นอกจากนี้ spread ของผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์ยังปรับตัวดีขึ้นตามราคานาฟทาที่ลดลง สำหรับปัจจัยระยะกลางถึงยาวกลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Performance Enhancement Strategy) บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพโดยมุ่งเน้นการประหยัดต้นทุน (OPEX saving) และการบริหารแบบองค์รวม (holistic optimization) ซึ่งคาดว่าจะประหยัดต้นทุนรวมได้

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันศุกร์ ติดตามดัชนีราคาผู้ผลิตของโซนยุโรป (EU PPI index) สำหรับเดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.3% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.7% YoY ขณะที่ตลาดสหรัฐหยุดทำการเนื่องจากเป็นวันชาติสหรัฐอเมริกา

*ข้อมูลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามข้อมูลใหม่และแหล่งที่มาที่แตกต่างกัน