Company Analysis

TOP แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่ง

คาดว่ากำไรไตรมาส 1/67 จะดีขึ้น YoY, QoQ เราประเมินกำไรไตรมาส 1/67 ของ TOP ที่ 5.2 พันลบ. (EPS: 2.33 บาท) เพิ่มขึ้น 15% YoY และ 77% QoQ จากการพลิกมามีกำไรจากสต๊อกน้ำมันเล็กน้อยที่ 100 ลบ. จากขาดทุน 3.5-3.7 พันลบ.ในไตรมาส 1/66 และ 4/66 รวมถึงค่าการกลั่น (GRM) ที่แข็งแกร่งขึ้นเป็น 9 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 23% QoQ และส่วนต่างราคาสารเบนซีนที่ดีขึ้นในหน่วยธุรกิจอะโรเมติกส์

ในขณะเดียวกัน อัตราการดำเนินงานของโรงกลั่นคาดว่าจะอยู่ที่ 105% ลดลง 5 ppts QoQ เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุง CDU-3 นอกแผนเป็นเวลา 13 วัน เราคาดว่ารายการพิเศษหลัก 4 รายการในไตรมาส 1/67 ได้แก่ 1) กำไรจากสต๊อกน้ำมัน 100 ลบ. 2) ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 1.0 พันลบ. 3) ขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง 100 ลบ. และ 4) กำไร 200 ลบ.จากการซื้อคืนหุ้นกู้

คาดกำไรไตรมาส 2/67 จะลดลง เราคาดว่ากำไรของ TOP จะลดลงในไตรมาส 2/67 จาก GRM ที่ลดลงอย่างมาก ในเชิง QTD GRM สิงคโปร์ลดลงประมาณ 3 ดอลลาร์สหรัฐฯ เหลือ 4.2 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าปัจจัยลบนี้จะถูกชดเชยบางส่วนจากกำไรจากสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและอัตราการดำเนินงานของโรงกลั่นที่สูงขึ้น 5 ppts

ดังนั้น เมื่อพิจารณาแนวโน้มในครึ่งแรกของปี 2567 เราเชื่อว่าประมาณการกำไรปี 2567 ของเราเป็น upside มากกว่า downside เนื่องจากประมาณการกำไรไตรมาส 1/67 ของเราคิดเป็น 37% ของประมาณการทั้งปี

คงเป้าหมายสำหรับการกลับมาดำเนินงานของ SBM จากการพูดคุยกับผู้บริหารเมื่อวานนี้ ผู้บริหารย้ำถึงเป้าหมายที่จะกลับมาดำเนินการหน่วย SBM (ซึ่งเป็นหน่วยรับน้ำมันดิบ) ภายในปีนี้ บริษัทฯ ได้จัดหาอุปกรณ์ใหม่สำหรับท่อในส่วนลอยน้ำใหม่ทั้งหมดแล้ว ซึ่งคาดว่าจะส่งมอบที่ไซต์งานได้ภายในไตรมาส 3/67