KS Daily View 28 ต.ค. 2025

วิเคราะห์โดย KS Research Strategy

28 ต.ค. 2568

KS Daily View 28.10.2025 >>> SET ขึ้น 4 วันติด! ตอบรับงบกลุ่มแบงก์ดีกว่าคาด/ ภาพต่างประเทศบวก กรอบ SET วันนี้ 1,310-1,330 จุด แนะนำ PTTEP, DELTA

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.23%, Nasdaq Compositeเพิ่มขึ้น 1.86%, และ Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.71% หลังจากเจรจาทางการค้าเบื้องต้นเป็นไปได้ด้วยดีระหว่างสหรัฐกับจีน ในขณะเดียวกันตลาดรอการรายงานผลประกอบการ 3Q25 ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในสัปดาห์นี้

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,323.52 จุดเพิ่มขึ้น +9.61 จุด (+0.73%) จากการปรับตัวเพิ่มของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มสื่อสาร, และกลุ่มอาหาร ในวันนี้ เราคาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,310-1,330 จุด หลัง SET index ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 4 วันติดต่อกันตอบรับการรายงานผลประกอบการของกลุ่มธนาคารที่ออกมาดีกว่าที่คาด และ ภาพต่างประเทศที่มีแนวโน้มไปในทางบวกมากขึ้น ด้วยการเจรจาสหรัฐกับจีนไปเป็นได้ด้วยดี ซึ่งตลาดได้เริ่มรับรู้ปัจจัยบวกนี้ไปแล้ว ในขณะเดียวกันมองว่าตลาดอาจพักฐานเพื่อรอดูผลประกอบการ 3Q25 ในบริษัทที่เหลือว่าเป็นไปตามที่คาดหรือไม่ ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนยังคงมุ่งเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะอย่าง PTTEP จาก dividend yield ใน 2025-26E ที่อยู่ในระดับสูงราว 7-8% และ DELTA จากยอดการส่งออกของสินค้า Electronics ยังคงมีโมเมนตัวที่เติบโตแข็งแกร่ง อีกทั้งผู้บริหารส่งสัญญาณการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องใน 4Q25 และ ปี 2026

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติมีมติเห็นชอบให้ กฟผ. ปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าในพื้นที่ภาคตะวันออก เพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มผู้ประกอบการศูนย์ข้อมูล (Data Center) ตามนโยบายรัฐบาล โดยใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาทจากโครงการ TIPE ที่ ครม. อนุมัติไว้แล้ว เพื่อพัฒนาและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงในจังหวัดระยองและชลบุรี รองรับความต้องการไฟฟ้ารวม 1,750 เมกะวัตต์ มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกกับGULF BGRIM GPSC

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าจะเริ่มขับเคลื่อนมาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยใช้เงินจากกองทุนฟื้นฟูฯ ราว 20,000 ล้านบาท ผ่านบริษัท SAM เพื่อซื้อหนี้เสียจากธนาคารและนอนแบงก์ ช่วยลูกหนี้รายย่อยปรับโครงสร้างหนี้ ยืดเวลาชำระ และลดดอกเบี้ยตามศักยภาพ พร้อมเดินหน้ามาตรการ “Information Based Lending” ร่วมกับธนาคารและบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ มองเป็นบวกกับกลุ่มการเงินอย่าง MTC SAWAD TIDLOR SAK

สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรได้งเรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้ามาตรการต่อเนื่อง เช่น ลดภาษีที่ดิน 50% ออกมาตรการค้ำประกันสินเชื่อ และกำหนดดอกเบี้ยแบบRisk-Based Pricing เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แม้ว่าจะมีมาตรการ “คนละครึ่งพลัส” และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายแต่เป็นเพียงมาตรการระยะสั้น ขณะที่ด้านท่องเที่ยวยังมีความไม่แน่นอนว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะถึงเป้า 35–36 ล้านคน จึงเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม มองจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกกับกลุ่มอสังหาอย่าง AP SIRI SPALI

กลุ่ม OPEC+ ซึ่งรวมถึงรัสเซียและซาอุดีอาระเบีย มีแนวโน้มจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนธันวาคมอีก 137,000 บาร์เรลต่อวัน เพื่อทยอยคืนส่วนแบ่งตลาดหลังจากลดการผลิตไปกว่า 5.85 ล้านบาร์เรลต่อวันก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม รัสเซียยังคงระมัดระวังการเพิ่มกำลังผลิตเพราะผลกระทบจากการคว่ำบาตร ขณะที่บางฝ่ายเสนอให้ชะลอการปรับเพิ่ม เนื่องจากความต้องการน้ำมันลดลงช่วงฤดูหนาว

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าผลสำรวจของสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติ (NABE) พบว่า บริษัทในสหรัฐส่วนใหญ่ยังคงตรึงราคาสินค้าและบริการไว้ แม้ต้นทุนเพิ่มขึ้น โดย 65% ไม่ได้ปรับราคากับลูกค้า และคาดว่าจะคงราคาต่อไปอีกสามเดือน เกรกอรี ดาโก ประธาน NABE ระบุว่าธุรกิจปรับตัวด้วยการบริหารจ้างงานและการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ตลาดแรงงานเริ่มฟื้น มีบริษัทจ้างงานเพิ่มมากกว่าลดพนักงาน และ 70% คาดว่าการจ้างงานจะทรงตัว โดยความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยยังต่ำ

Daily pick

PTTEP: ราคาพื้นฐาน 134.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ PTTEP จากระดับมูลค่าที่น่าสนใจ ปัจจุบันซื้อขายที่ราว -1SD (2026 PBV 0.8x, PE 7.x) และให้ Dividend yield กว่า 7% หรือราว 8.5 บาท/หุ้น โดยยังมีโอกาสรักษาจ่ายปันผลใกล้ระดับปี 2024 ที่ 9.5 บาท/หุ้น จากฐานะการเงินแข็งแกร่ง (IBD/E เพียง 0.24x ใน 2Q25) และกระแสเงินสดอิสระที่มั่นคง ในเชิงกลยุทธ์ เราคาด PTTEP อาจ Outperform ใน 4Q25 จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่มักปรับขึ้น 14–20% ภายใน 3–12 เดือนหลังเฟดเริ่มลดดอกเบี้ย อีกทั้ง IEA, OPEC และ EIA ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกปี 2025–2026 ขณะที่สต๊อก middle distillate ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี และฤดูหนาวจะหนุน GRM เพิ่มแรงหนุนต่อราคาน้ำมัน โดย PTTEP มีสัดส่วนยอดขายจากน้ำมันดิบราว 30% ซึ่งจะได้ประโยชน์โดยตรง

DELTA: ราคาพื้นฐาน 245.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ DELTA หลัง บริษัทฯ รายงานรายได้ 9M25 เติบโต 24% YoY ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 15–20% และผู้บริหารได้ส่งสัญญาณเชิงบวกว่า รายได้ใน 4Q25 ยังคงจะเติบโตต่อเนื่องที่ระดับ20% QoQ หนุนจากการเร่งสั่งซื้อและความต้องการที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องจากศูนย์ข้อมูลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งปัจจุบันคาดว่าจะมีสัดส่วน 50–55% ของรายได้รวม สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 50% ภายในสิ้นปี อีกทั้งปี 2026 DELTA คาดว่ารายได้จะเติบโต 15–20% ได้แรงหนุนจากโครงการใหม่ กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และการขยายธุรกิจเข้าสู่ชิ้นส่วนระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันอังคาร ติดตาม ดัชนีภาคการผลิตของรัฐริชมอนด์ (Richmond Manufacturing Index) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -10.0 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -17.0 จุด ต่อด้วยดัชนีรายงานความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของคณะกรรมการการประชุม (Conference Board Consumer Confidence) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 93.4 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 94.2 จุด

วันพุธ ติดตามผลการประชุม FOMC โดยตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps จากครั้งก่อนหน้าจาก 4.25% มาอยู่ที่ 4.00%

วันพฤหัสบดี ติดตามผลการประชุมของ BoJ โดยตลาดคาดว่า BoJ จะคงอัตราดอกเบี้ยจากครั้งก่อนหน้าและผลการประชุมอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB interest rate decision) ตลาดคาดการณ์ว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยจากครั้งก่อนหน้า ต่อด้วยการรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDP ใน 3Q25 ของโซนยุโรปครั้งแรกตลาดคาดการณ์ที่ +1.2% YoY ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 1.5% YoY ต่อด้วยการรายงานตัวเลขคาดการณ์GDP ใน 3Q25 ของสหรัฐครั้งแรกตลาดคาดการณ์ที่ +3.0% QoQ ชะลอตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 3.8% QoQ

วันศุกร์ ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีน (NBS Manufacturing PMI) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 49.6 จุดชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 49.8 จุด