KS: COM7 U-fund: ปัจจัยเร่งการเติบโตหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

วิเคราะห์โดย KS Research Fundamental

7 ธ.ค. 2568

💻 KS: COM7 U-fund: ปัจจัยเร่งการเติบโตหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

📌 COM7 รายงานกำไรสุทธิที่ 872 ลบ. (+23% YoY และ -13% QoQ) หากไม่รวมรายการพิเศษอย่างกำไรจากการลงทุนในหุ้นและพันธบัตรที่ 30 ลบ. กำไรปกติอยู่ที่ 841 ลบ. เพิ่มขึ้น 16.2% YoY จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและการขยายตัวของอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของธุรกิจค้าปลีกที่ไม่ใช่ IT แต่ลดลง 17.5% QoQ จากยอดขายที่ลดลงตามฤดูกาลในไตรมาส 3 กำไรปกติสอดคล้องกับการคาดการณ์ของเราและคิดเป็น 75% ของประมาณการทั้งปีของเรา โดย COM7 จะจัดงาน Opp Day ในวันที่ 13 พ.ย.

📌การแบ่งประเภทธุรกิจ

เมื่อพิจารณาการแบ่งส่วนธุรกิจรายไตรมาส เราพบว่าการเติบโตของรายได้และกำไรขั้นต้นของ COM7 ในปี 2568 ในกลุ่มค้าปลีกไอทีดูเหมือนจะกลับสู่ภาวะปกติเมื่อเทียบกับช่วงที่เติบโตอย่างมากระหว่างปี 2562-66 โดยในไตรมาส 3/2568 รายได้จากธุรกิจค้าปลีกไอทีอยู่ที่ 1.85 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 5.7% YoY แต่ลดลง 8% QoQ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลดลงเหลือ 12.8% เทียบกับ 13.4% ในไตรมาส 3/2567 และ 13% ในไตรมาส 2/2568 โดยมีจำนวนร้านค้ารวม 1,331 สาขา ในทางตรงกันข้าม ในไตรมาส 3/2565 และไตรมาส 3/2566 รายได้จากธุรกิจค้าปลีกไอทีเคยเติบโตได้ 47% และ 22% YoY ตามลำดับ เราเชื่อว่าปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อการเติบโตนี้คืออัตราการขยายสาขาที่ช้าลงเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ และการมุ่งเน้นธุรกิจเงินผ่อน (U-fund)

📌การวิเคราะห์ U-fund

จากการพูดคุยครั้งล่าสุด บริษัทฯ ระบุว่าโครงการเงินผ่อน U-fund ก่อตั้งขึ้นในปี 2565 โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ 2-2.75% ต่อเดือน หากอิงตามประมาณการของเรา ในไตรมาส 3/2568 รายได้ของ U-fund อยู่ที่ 295 ลบ. (+143% YoY และ +24% QoQ) คิดเป็น 1.5% ของรายได้รวม ขณะที่กำไรสุทธิของ U-fund อยู่ที่ 152 ลบ. (+908% YoY และ +32% QoQ) คิดเป็น 17.4% ของกำไรสุทธิรวม เทียบกับ 11.4% ในไตรมาส 2/2568 เราพบว่าพอร์ตการลงทุนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นส่งผลให้รายได้และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละไตรมาส ในทำนองเดียวกัน ส่วนแบ่งรายได้ของ U-fund ต่อกลุ่มค้าปลีกที่ไม่ใช่ไอทีเพิ่มขึ้นจาก 28% ในไตรมาส 3/2567 เป็น 44% ในไตรมาส 3/2568 ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อการขยายตัวของ GPM

📌สมมติฐานของ U-fund

ในสมมติฐานของเราเราคาดว่าพอร์ตการลงทุนของ U-fund ปี 2568-70 จะอยู่ที่ 4 พันลบ. 7 พันลบ. และ 9.2 พันลบ. โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่รายเดือนไว้ที่ 1.9% ในปี 2568 และ 1.6% ในปี 2569-70 ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของ U-fund อยู่ที่ 1.1 พันลบ. 1.9 พันลบ. และ 2.8 พันลบ. ในปี 2568-70 หลังจากใช้ต้นทุนดอกเบี้ย (cost of fund) ที่ 5% และค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) ที่ 7% ในปี 2568 และ 10% ในปี 2569-70 เราคาดว่ากำไรสุทธิของ U-fund จะอยู่ที่ 579 ลบ. 796 ลบ. และ 1.2 พันลบ. ในปี 2568-70 คิดเป็น 14% 18% และ 23% ของประมาณการกำไรของ COM7 ที่ 4 พันลบ. 4.5 พันลบ. และ 5 พันลบ. ตามลำดับ

📌ปรับประมาณการกำไร

ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับการรวม U-fund ไว้ในประมาณการกำไรของเรา เราจึงปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568-70 ขึ้น 5.6% 6.9% และ 8.8% ประการแรก เราปรับสมมติฐาน GPM ปี 2568-70 ขึ้นจาก 13.5% ในแต่ละปี เป็น 13.9% 14.4% และ 14.6% เพื่อสะท้อนถึงส่วนแบ่งกำไรจาก U-fund ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่ม GPM รวม ประการที่สอง เราปรับลดประมาณการอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อรายได้ปี 2568-70 จาก 8.1% 8.2% และ 8.3% เป็น 7.9% 7.7% และ 7.5% เพื่อสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายด้านการขายที่ออกมาต่ำกว่าคาดในช่วง 9 เดือนปี 2569

มุมมอง KS

🎯 แนะนำ “ซื้อ” และ TP ที่ 25.56 บาท

หลังจากรวมมูลค่า U-fund ที่เพิ่มขึ้นและการปรับตัวคูณ PER ของธุรกิจค้าปลีกไอที คำแนะนำ “ซื้อ” ของเรา หนุนโดยผลตอบแทนรวมของผู้ถือหุ้นที่ดีที่ 21% และมูลค่าหุ้นที่ไม่แพง โดยขณะนี้หุ้นซื้อขายด้วย PER ปี 2568-69 ที่ 13 เท่า และ 11.7 เท่า เทียบกับประมาณการอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของ core EPS ในช่วง 3 ปีของเราที่ 14.7% พร้อมทั้งเสนออัตราตอบแทนเงินปันผลที่ 4.6-5%

ราคาเป้าหมาย ราคาเป้าหมายใหม่ของเราอิงด้วยวิธี SOTP ที่ 25.56 บาท ประกอบด้วยมูลค่าของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกไอทีที่ 21.75 บาท สะท้อน PER ของกลุ่มค้าปลีกที่ 14.5 เท่า มูลค่าของ U-fund ที่ 3.34 บาท สะท้อน PER) ของกลุ่มการเงินที่ 10 เท่า และมูลค่าตลาดของ NCAP ที่ 0.47 บาท โดยมี holding discount ที่ 20%