KS Daily View 24 พ.ย. 2025

KS Daily View 24 พ.ย. 2025

Analysis by KS Research Strategy
Nov 24, 2025
Back

KS Daily View 24.11.2025 >>> ภาพต่างประเทศ “เชิงบวก” หลังประธานเฟดนิวยอร์ก เผยมุมมองปรับลดดอกเบี้ย กรอบ SET วันนี้ 1,255–1,270 จุด แนะนำ ERW และ KCE

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: Sentiment ตลาดเป็นลบต่อเนื่อง SET Index ปรับตัวลงอีก 1.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นการปรับตัวลงจากปัจจัยผสมผสานทั้งตามตลาดต่างประเทศที่บรรยากาศการลงทุนเป็นลบและการเมืองในประเทศที่กลับมาเป็นประเด็น มองไปข้างหน้าในสัปดาห์นี้คาด SET ยังคงมีความเสี่ยงเผชิญปัจจัยเชิงลบกดดัน ประเมินดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,255 - 1,285 จุด ด้วยปัจจัยกดดันหลักยังเป็นเรื่องมุมมองต่อความไม่ชัดเจนของทิศทางดอกเบี้ย Fed ว่าจะกลับมาผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อ หรือจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับสูงซึ่งจะกดดันต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆทั่วโลก รวมถึงประเด็นเรื่องการเมืองในประเทศที่ต้องติดตามว่าสุดท้ายแล้วพรรคฝ่ายค้านที่เตรียมยื่นอภิปรายรัฐบาลจะขอยื่นอภิปรายทั่วไปตาม ม.152 หรือจะขอยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตาม ม.151 ซึ่งทางนายกฯ คุณอนุทิน กล่าวว่าพร้อมที่จะถูกอภิปรายหากเป็นการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ หรือตามรัฐธรรมนูญ ม.152 แต่ถ้ายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญ ม.151ก็อาจเตรียมที่จะยุบสภาเนื่องจากเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่สามารถชนะการโหวตลงมติในสภาได้ ซึ่งหากมีการประกาศยุบสภาก่อนกำหนดตลาดอาจกลับมากังวลเรื่องความต่อเนื่องของมาตรการกระตุ้นจากทางภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1254.40 จุด ปรับตัวลดลง -1.17% จากสัปดาห์ที่ผ่านหลังกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มปิโตรเคมี, และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ปรับตัวลดลง ในวันนี้เราประเมินว่าตลาดมีแนวโน้มแกว่งตัว sideway up อยู่ในกรอบ 1,255–1,270 จุด จากภาพเชิงบวกของต่างประเทศหลัง ประธานเฟดนิวยอร์ก ได้เปิดเผยมุมอมองในการปรับลดดอกเบี้ยของการประชุมในครั้งถัดไป แนะนำ ERW และ KCE

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ประธานเฟดนิวยอร์ก จอห์น วิลเลียมส์ ระบุว่าเฟดมี “ช่องว่างเพียงพอ” สำหรับการปรับลดดอกเบี้ย เพราะมองว่าความอ่อนแอของตลาดแรงงานเป็นความเสี่ยงใหญ่กว่าเงินเฟ้อ โดยชี้ว่านโยบายการเงินยังอยู่ในระดับเข้มงวดและควรขยับเข้าใกล้ระดับเป็นกลางเพื่อรักษาสมดุลระหว่างเป้าหมายเงินเฟ้อและการจ้างงาน ขณะที่ข้อมูลล่าสุดชี้การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดที่ 119,000 ตำแหน่ง แต่ “อัตราว่างงาน” กลับเพิ่มเป็น 4.4% สูงสุดตั้งแต่ ต.ค. 2021 สะท้อนแรงกดดันในตลาดแรงงานที่ยังไม่เสถียร ส่งผลให้ตลาดสหรัฐมีการ rebound ขึ้น และอาจส่ง sentiment เชิงบวกกับ DELTA ให้มีการฟื้นตัวเช่นกัน
  1. ผู้ว่า ธปท. ระบุว่านโยบายการเงิน “ผ่อนคลายต่อได้” หากจำเป็นเพื่อประคองเศรษฐกิจ แม้ปัญหาที่แท้จริงเป็นเชิงโครงสร้างและการลดดอกเบี้ยช่วยได้จำกัด แต่ยังมี room ให้พิจารณา มอง sentiment เชิงลบกับกลุ่ม Bank โดยประเมิณว่าทุกการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps จะส่งผลให้รายได้ของกลุ่มธนาคารลดลงประมาณ 1 หมื่นล้านบาท (Full year impact)
  1. สหรัฐฯ อาจอนุญาตให้อินวิเดียขายชิป AI รุ่นทรงพลัง H200 ให้จีนได้ หลังความสัมพันธ์สหรัฐ–จีนคลี่คลายจากข้อตกลงสงบศึกด้านการค้าและเทคโนโลยีที่ปูซาน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐกำลังทบทวนมาตรการควบคุมการส่งออกที่เคยสั่งห้าม มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกกับ DELTA 
  1. รฟท.เดินหน้าโครงการรถไฟชานเมือง สายสีแดงเข้ม วงเวียนใหญ่–มหาชัย พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนครั้งแรก เพื่อทบทวนผลการศึกษาเดิม ตั้งแต่ปี 2549 ให้ทันกับสภาพพื้นที่ปัจจุบัน และเตรียมจัดทำแบบรายละเอียด–EIA–เอกสารประกวดราคา โดยคาดว่าจะเสนอขออนุมัติเริ่มก่อสร้างได้ประมาณปี 2027 และเสนอ ครม. เห็นชอบปี 2028 มองเป็นบวกกับ CK และ STECON
  1. กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และ ททท. เร่งแผนดันท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น โดยโครงการ Thailand Summer Blast จะดึงเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากเมืองรองจีนกว่า 1,000 เที่ยว และกรุ๊ปIncentive อีกกว่า 50,000 คน พร้อมทั้งความร่วมมือกับสายการบินพาณิชย์ทั่วโลกที่เปิดเส้นทางบินใหม่และเพิ่มความถี่รวมไม่น้อยกว่า 170 เที่ยว/สัปดาห์ ถึง ม.ค. 2026 ขณะเดียวกันเตรียมเสนอ ครม. โครงการ Buy International, Free Thailand Domestic Flights ให้ต่างชาติที่ซื้อตั๋วบินขาเข้ารับตั๋วบินในประเทศฟรี (ม.ค.–เม.ย. 2026) มองเป็นบวกกับกลุ่มท่องเที่ยวCENTEL ERW SHR AWC BA AAV

Daily pick

ERW: ราคาพื้นฐาน 3.28 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ ERW จากความคาดหวังการฟื้นตัวในปี 2026 โดยเราประเมิณว่ามีโอกาสที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2025 โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงอย่างมากจากผลกระทบไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านความปลอดภัย แผ่นดินไหว หรือการปะทะกันระหว่างไทยกัมพูชา เราคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2026 จะฟื้นตัวขึ้นจากปีนี้จากการเร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวจีน โดยเราคาด ERW จะได้ประโยชน์สูงสุดหากการท่องเที่ยวในประเทศฟื้นเนื่องจากเป็น pure-play domestic hotel ที่มีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในไทยสูงราว 70% อีกทั้งใน 4Q25 นี้เริ่มเห็นการฟื้นตัวของ Revpar จากจำนวน booking ที่ทำได้ค่อนข้างดี พร้อมกับเราเชื่อว่า ERW จะได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงเช่นกันเนื่องจากหนี้สินของ ERW เป็น 100% floating rate

KCE : ราคาพื้นฐาน 27.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ KCE จาก แนวโน้มฟื้นตัวในปีหน้า โดยแรงหนุนหลักมาจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เริ่มมีสัญญาณทรงตัวมากขึ้น และความเชื่อมั่นผู้บริโภคยุโรปที่ดีขึ้น ตามยอดจดทะเบียนรถใหม่ในยุโรปที่กลับมาเติบโตใน 3Q25 อีกทั้งดัชนี EU Manufacturing PMI กลับเข้าสู่โซนขยายตัวที่ระดับ 50.7 ในเดือนสิงหาคม 2025 ซึ่งมีความสัมพันธ์สูงกับการส่งออกPCB ของไทย จึงช่วยสนับสนุนภาพการกลับมาฟื้นตัวของรายได้ KCE ในระยะถัดไป ในด้าน Margin หาก demand กลับมาตามคาด GPM มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นมากกว่า 20% จากการใช้กำลังการผลิตของโรงงาน LKB ที่ดีขึ้นและการทำ Cost-saving program ที่เริ่มเห็นผลชัดตั้งแต่ปี 2024 รวมถึงแผนลดต้นทุนแรงงานเพิ่มเติมราว 10% และการเปลี่ยนไปใช้เคมีที่ผสมเองซึ่งช่วยลดผลกระทบจากเงินบาทผันผวนและราคาทองแดงที่ปรับขึ้น ทั้งนี้บริษัทคาดว่า GPM ปี 2026 จะได้อานิสงส์จาก product mix ใหม่ ๆ และหลังผ่าน Learning Curve ไปแล้วอาจยกระดับ GPM ได้อีก 3–4%

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันจันทร์ ติดตามแถลงการณ์ของประธานธนาคารกลางยุโรป  Christine Lagarde ในงาน BratislavAI Forum ที่เมืองบราติสลาวา ต่อด้วยดัชนีธุรกิจภาคการผลิตของธนาคารกลางรัฐดัลลาส (Dallas Fed Manufacturing Index) เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ -2 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -5 จุด

วันอังคาร ติดตามตัวเลขส่งออก (TH Exports) จากกระทรวงพาณิชย์ เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 6.5%YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 19.0% YoY และตัวเลขนำเข้า (TH Imports) ตลาดคาดการณ์ที่ 8.3% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 17.2% YoY ต่อด้วยดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.6% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และ การรายงานดัชนียอดค้าปลีกของสหรัฐ (US Retail sales) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.4% MoM ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.6% MoM

วันพุธ ติดตามยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ (Durable goods orders) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.5% MoM ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.9% MoMและ จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.26 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.20 แสนตำแหน่ง

วันพฤหัสบดี ติดตามดัชนีความเชื่อมันของผู้บริโภคของยุโรป (EU CCI) เดือน พ.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่-14.0 จุด

วันศุกร์ ติดตามดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทย (TH Industrial Production) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -0.60% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +1.02% YoY

Dailyview_24_11_2025_01.jpg

*ข้อมูลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามข้อมูลใหม่และแหล่งที่มาที่แตกต่างกัน

เปิดพอร์ตลงทุน >> https://ksecurities.co/open-account

Follow us :

LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA

Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook

Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram

Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter

YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube

Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads

#KS #หลักทรัพย์กสิกรไทย #KSecurities #การลงทุน #หุ้นไทย #การลงทุนหลักทรัพย์ #ผลตอบแทน #ข่าวหุ้น #KSTODAY

Search

Recommended searches