KS : 4Q25 OUTLOOK ความหวังนโยบายเชิงบวก

วิเคราะห์โดย KS Research Strategy

27 ก.ย. 2568

KS : 4Q25 OUTLOOK ความหวังนโยบายเชิงบวก

การลงทุนในตลาดดูเป็นบวกมากขึ้นหนุนจากนโยบายภาครัฐทั้งด้านการคลังและการเงิน ท่ามกลางแรงขายที่ชะลอหลังมีการขายไถ่ถอนกองทุน LTF เป็นจำนวนมากตั้งแต่ต้นปีและเห็นเม็ดเงินใหม่จากการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีปลายปีเข้ามาหนุน

การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยเป็นที่คาดกันอย่างชัดเจนแล้วว่าจะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังปี 2568 แต่ด้วยรัฐบาลใหม่มีแนวโน้มจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นในช่วง 4 เดือนที่เหลือก่อนการยุบสภาตามข้อตกลงกับพรรคประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเสริมความนิยมก่อนการเลือกตั้งทั่วไปต้นปี 2569 นอกจากนี้ทั้ง Fed และธปท. ไทยก็มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพิ่มเติมในไตรมาส 4/2568 จะเป็นปัจจัยที่ช่วยเข้ามาหนุนความเสี่ยงเชิงลบของภาพรวมเศรษฐกิจไทย

ปรับเป้า SET index
ในแง่ของแนวโน้มผลประกอบการรวมบริษัทจดทะเบียนฯ เราคงประมาณการ market EPS ไว้ที่ 88 บาทสำหรับปี 2568 โดยมองว่าอาจมี upside หลังจากเห็นกำไรไตรมาส 2/2568 ออกมาดีกว่าคาดและการปรับเพิ่มประมาณการการเติบโต GDP ในตลาด ขณะที่market EPS คาดว่าจะขยายตัวต่อราว 8% เป็น 95 บาทในปี 2569

เราปรับเป้าหมาย SET Index ขึ้นโดยใช้ฐานคำนวนเป็น “สำหรับกลางปี 2569 ที่ 1,380 จุด” อิง market EPS ที่ 91 บาท บน PE 15.2 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว -0.25SD

หุ้นเด่นในไตรมาส 4Q25

หุ้นแนะนำสำหรับพอร์ตการลงทุน ได้แก่ AEONTS, BEM , BGRIM PTTEP และ SCC

AEONTS ราคาเป้าหมาย 135.00 บาท

AEONTS กำลังเข้าสู่ FY2026 ซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจกำลังฟื้นตัว โดยกำไรคาดว่าจะเติบโต +21% โดยได้รับแรงหนุนจาก 1) คุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่จุดสูงสุดใน 3Q23 โดย NPL และสินเชื่อชั้นที่ 2 คาดว่า จะช่วยลดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) ลงอีก 2) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยกำลังแข็งแกร่งขึ้นจากหนี้สูญรับคืนที่สูงขึ้น ขณะที่การควบคุมต้นทุนอย่างมีวินัยและต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากวัฏจักรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยน่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และอาจมี upside จากแผนบริหารจัดการเงินทุนที่กำลังดำเนินอยู่ เช่น การซื้อหุ้นคืน

BEM ราคาเป้าหมาย 9.75 บาท

ปัจจัยหนุนระยะสั้น ได้แก่ การอนุมัติโครงการทางพิเศษ 2 ชั้นใน 4Q25 ซึ่งอาจทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นประมาณ 1.3–1.5 บาท/หุ้น ผ่านการขยายสัมปทานโครงการ FES และ SES sector A,B และโครงการเดินรถและบำรุงรักษา (O&M) ของรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ที่อาจเกิดขึ้นในปี 2026 แม้จะเข้าสู่รอบ CAPEX ปี 2025–2029 แต่ FCFF คาดจะเริ่มตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไป

BGRIM ราคาเป้าหมาย 15.00 บาท

Upside มาจากวัฏจักรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของประเทศไทย ซึ่งทุกๆ 10bps จะเพิ่มมูลค่าหุ้นประมาณ 5% และจากต้นทุน LNG ที่ลดลงท่ามกลางอุปทานทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้นถึง 215 ล้านตันจนถึงปี 2030 ขณะที่ความเสี่ยงจากการแทรกแซงอัตราค่าไฟฟ้ามีจำกัด ขณะที่ศูนย์ข้อมูล (data center) ขนาด 96MW นำเสนอ S-curve ใหม่ โดยทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 1.5-2.5 บาท/หุ้น เราคาดว่าการปรับอัตราค่าไฟฟ้าของฟาร์มโซลาร์เซลล์ในเวียดนามจะได้ผลสรุปใน 4Q25 ซึ่งอาจมีผลกระทบน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

PTTEP ราคาเป้าหมาย 134.00 บาท

PTTEP ยังคงน่าสนใจด้วยการประเมินมูลค่าหุ้นที่ -1SD พร้อมอัตราตอบแทนเงินปันผลที่มากกว่า 7% เรามองเห็น upside ใน 4Q25 จากราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวตามประวัติศาสตร์หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed หนุนโดยการคาดการณ์ความต้องการที่เพิ่มขึ้น ปริมาณสต๊อกน้ำมันดีเซลที่ตึงตัว และค่าการกลั่นที่แข็งแกร่งตามฤดูกาล ซึ่งส่งผลดีต่อ PTTEP ที่มียอดขายน้ำมันดิบราว 30% ขณะที่ประสิทธิภาพด้านต้นทุนน่าจะช่วยพยุงต้นทุนต่อหน่วยให้อยู่ที่ระดับ 30 ดอลลาร์สหรัฐฯ/BOE ขณะที่โครงการ MTJDA Block A-18 จะช่วยยืดอายุปริมาณสำรอง

SCC ราคาเป้าหมาย 246.00 บาท

แนวโน้มระยะยาวได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์การฟื้นตัวของ SCGC หนุนโดยการพิจารณาปิดกำลังการผลิตโอเลฟินส์ทั่วโลกประมาณ 15 ล้านตันในช่วงปี 2026–2028 ซึ่งน่าจะทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 85% และผลักดันให้ส่วนต่างราคา PE/PP เข้าสู่ช่วงกลางวัฏจักร ซึ่งอาจส่งผลให้มีการปรับเพิ่มตัวคูณ PBV ของ SCC จาก 0.8 เท่า เป็น 1.0-1.2 เท่า คิดเป็น 300-350 บาท/หุ้น ธุรกิจปูนซีเมนต์ซึ่งคิดเป็น 25% ของ EBITDA คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากอุปสงค์ที่มาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการปรับขึ้นราคาสินค้าเมื่อเร็วๆ นี้