KS Daily View 26 ก.ย. 2025

KS Daily View 26 ก.ย. 2025

วิเคราะห์โดย KS Research Strategy
26 ก.ย. 2568
ย้อนกลับ

KS Daily View 26 ก.ย. 2025 >>> คาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,275-1,300 จุด โดย SET index อาจลุ้นมีการปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านเชิงจิตวิทยา 1,300 จุด และตลาดรอดูมาตรการเพิ่มเติมกระตุ้นตลาดทุน และความชัดเจนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในสัปดาห์หน้าแนะนำ PTTEP BEM

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ดัชนี S&P500 ลดลง 0.50%, Nasdaq Composite ลดลง 0.50%, และ Dow Jones ลดลง 0.38% หลังรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 14,000 ราย เหลือ 218,000 รายต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ หนุนมุมมองการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,288.26 จุด เพิ่มขึ้น 9.85 จุด (+0.77%) จากการปรับตัวขึ้นของกลุ่มพลังงาน, กลุ่มธนาคาร, และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ในวันนี้ เราคาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,275-1,300 จุด โดย SET index อาจลุ้นมีการปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านเชิงจิตวิทยา 1,300 จุด เดียวกันตลาดรอดูมาตรการเพิ่มเติมกระตุ้นตลาดทุน หลังการประชุม FETCO และความชัดเจนของรายละเอียดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะมีความแน่ชัดมากขึ้นในสัปดาห์หน้า ขณะที่ภาพของต่างประเทศอย่างสหรัฐอาจส่งภาพเชิงลบมากขึ้น หลังมีการรายงานภาคการจ้างงานที่อ่อนแอกว่าที่คาดและมีแนวโน้มที่ชะลอตัวลง หนุนมุมมองการปรับลดอัตราดอกเบี้ยด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ อย่าง PTTEP จากแนวโน้มของราคาน้ำมันที่ปรับตัวดีขึ้น จาก supply ของรัสเซียที่อาจปรับตัวลดลงในอนาคต และ BEM คาดผลกระทบของปัญหาพื้นถนนทรุดอยู่ในวงที่จำกัด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. สหภาพยุโรป (EU) เผยกำลังคืบหน้าเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับไทย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย โดยตั้งเป้าลงนามภายในปีหน้า หลังจากที่เพิ่งบรรลุ FTA กับอินโดนีเซีย ซึ่งเจรจานาน 9 ปี ทั้งนี้ EU ต้องการขยายเครือข่ายทางการค้าในอาเซียนให้ครอบคลุมมากกว่าข้อตกลงที่มีอยู่กับสิงคโปร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย เพื่อเพิ่มการส่งออก การลงทุน และลดผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ มองเป็นบวกกับกลุ่มส่งออก อย่าง TEGH
  • รฟม. เปิดเผยว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (เตาปูน–ราษฎร์บูรณะ) คืบหน้ารวมกว่า 60% โดยสัญญาที่ 1 งานโยธาสำเร็จแล้ว 76% และเริ่มติดตั้งระบบ เร็วกว่าสัญญาอื่นราว 10% ขณะที่ปัญหาพื้นถนนทรุดที่หน้า รพ.วชิรพยาบาลจะมีการปรับแผนแก้ไข คาดไม่กระทบภาพรวม โดยงานโยธาจะเสร็จ ต.ค. 2027 และเปิดเดินรถได้ปลายปี 2028
  • ผลสำรวจศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ชี้หนี้ครัวเรือนไทยปี 2025 เฉลี่ยพุ่ง 740,596 บาท/ครัวเรือน เพิ่มขึ้น 22.1% สูงสุดในรอบ 4 ปี โดย 35% เป็นหนี้นอกระบบ และภาระผ่อนชำระเดือนละกว่า 20,000 บาท กว่า 74% เคยผิดนัดชำระเพราะรายได้ลดและค่าครองชีพสูง มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบเล็กน้อยกับกลุ่มการเงินอย่าง MTC SAWAD TIDLOR
  • D ร่วมมือกับ AOT โปรโมทโครงการ SAWASDEE by AOT ผ่านแอปฯ จัดกิจกรรมสะสมคะแนนแลก eVoucher ส่วนลดทันตกรรมในเครือ D ระหว่าง 1 ก.ย.–31 ธ.ค. 2025 เช่น ฟอกสีฟัน 2,390 บาท และรากฟันเทียมพรีเมียม 19,990 บาท โดยบัตรกำนัลใช้ได้ 1 ปี ปัจจุบันลูกค้า D 70% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ กลุ่ม medical tourism มั่นใจว่าความร่วมมือนี้ช่วยเพิ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ
  • อิรักจะกลับมาส่งออกน้ำมันจากเขตเคอร์ดิสถานไปตุรกีวันเสาร์นี้ หลังหยุดกว่า 2 ปี ภายใต้ข้อตกลงกับ KRG โดย SOMO จะดูแลการส่งผ่านท่อ Kirkuk–Ceyhan ยกเว้นน้ำมันที่ใช้ภายในประเทศ ในขณะเดียวกันทรัมป์เผยเชื่อว่าตุรกีจะยอมหยุดซื้อน้ำมันรัสเซียแลกกับการที่สหรัฐอาจยกเลิกคว่ำบาตรเพื่อเปิดทางให้ซื้อเครื่องบินรบ F-35 และยกเลิกคว่ำบาตรที่เคยสั่งในปี 2020 เหตุซื้อมิสไซล์รัสเซีย มองว่าอาจหนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากราคาน้ำมันที่ถูกของรัสเซีสไหลเข้ามาที่ตลาดน้อยลง เป็นบวกเล็กน้อยกับ PTTEP

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • PTTEP: ราคาพื้นฐาน 134.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ PTTEP จากระดับมูลค่าที่น่าสนใจ ปัจจุบันซื้อขายที่ราว -1SD (2026 PBV 0.8x, PE 7.x) และให้ Dividend yield กว่า 7% หรือราว 8.5 บาท/หุ้น โดยยังมีโอกาสรักษาจ่ายปันผลใกล้ระดับปี 2024 ที่ 9.5 บาท/หุ้น จากฐานะการเงินแข็งแกร่ง (IBD/E เพียง 0.24x ใน 2Q25) และกระแสเงินสดอิสระที่มั่นคง ในเชิงกลยุทธ์ เราคาด PTTEP อาจ Outperform ใน 4Q25 จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่มักปรับขึ้น 14–20% ภายใน 3–12 เดือนหลังเฟดเริ่มลดดอกเบี้ย อีกทั้ง IEA, OPEC และ EIA ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกปี 2025–2026 ขณะที่สต๊อก middle distillate ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี และฤดูหนาวจะหนุน GRM เพิ่มแรงหนุนต่อราคาน้ำมัน โดย PTTEP มีสัดส่วนยอดขายจากน้ำมันดิบราว 30% ซึ่งจะได้ประโยชน์โดยตรง

  • BEM: ราคาพื้นฐาน 9.75 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ BEM และแนะนำลงทุนระยะยาว จากมูลค่าที่น่าสนใจ (2026 PBV –2SD และ PE –1SD ตั้งแต่ปี 2019) แม้บริษัทจะเข้าสู่รอบลงทุนใหม่ปี 2025–2029 แต่ถือเป็นจังหวะเข้าลงทุนที่เหมาะสมที่สุด โดยตั้งแต่ปี 2030 คาดว่า FCFF จะเป็นบวก 5–7 พันล้านบาท/ปี กำไรสุทธิราว 4.6 พันล้านบาทในปี 2029 และ 6 พันล้านบาทในปี 2030 รองรับการจ่ายปันผล 5–6% ได้ แรงหนุนหลักมาจาก 1) การหมดภาระจ่ายค่าตอบแทนสายสีน้ำเงินปีละ 5 พันล้านบาทในปี 2029 และ 2) การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออกในปี 2028 และตะวันตกในปี 2030) ซึ่งคาดผู้โดยสารเพิ่มจาก 120,000 เที่ยว/วันในปี 2028 เป็น 262,000 เที่ยว/วันในปี 2030 พร้อมส่งผลบวกต่อสายสีน้ำเงินด้วย ปัจจัยกระตุ้นใกล้คือการอนุมัติโครงการทางด่วนสองชั้น (มูลค่า 3–3.5 หมื่นล้านบาท) ใน 4Q25 ที่คาดว่า BEM จะได้สิทธิบริหาร แลกกับการขยายสัมปทาน FES และ SES ออกไปอีก 20 ปี เพิ่มมูลค่า 1.3–1.5 บาท/หุ้น

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ ติดตามรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (US Core PCE Price Index) เดือน ส.ค. ตลาดคาดที่ 2.7% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.6% YoY

*ข้อมูลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามข้อมูลใหม่และแหล่งที่มาที่แตกต่างกัน

Dailyview_26_09_2025_01.jpg

เปิดพอร์ตลงทุนออนไลน์กับ KS ได้แล้ววันนี้!

เปิดพอร์ตลงทุน >> https://ksecurities.co/open-account

Follow us :

LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA

Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook

Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram

Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter

YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube

KS #หลักทรัพย์กสิกรไทย #Ksecurities #การลงทุน #หุ้นไทย #การลงทุนหลักทรัพย์ #ผลตอบแทน #ข่าวหุ้น #DAILYVIEW

ค้นหา