6 กองทุนแนะนำจาก KS ประจำเดือนสิงหาคม 2568

วิเคราะห์โดย KS Research Strategy

8 ส.ค. 2568

ย้อนกลับ

6 กองทุนแนะนำจาก KS

ประจำเดือนสิงหาคม 2568

Core Portfolio

1. K-GSELECTU-A(A)

กองทุนหลัก JPMorgan Global Select Equity ETF

นโยบายการลงทุน

ลงทุนในหุ้นทั่วโลก เน้นบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสม และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ทั้งในวัฏจักรที่เป็นหุ้น Growth หรือ Value

นโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ป้องกัน

ควรลงทุนเมื่อไร

จากตลาดหุ้นที่มักมีการปรักฐานในช่วงเดือนสิงหาคม และกันยายนตาม Seasonality ซึ่งในปีนี้อาจมาจากปัจจัยกดดันด้านมหภาค แต่ด้วยผลประกอบการหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะใน 2Q25 ล่าสุดนี้ ออกมาอย่างแข็งแกร่ง จึงมองเป็นจังหวะทยอยลงทุนสร้าง Core portfolio เพื่อทำให้พอร์ตมีความแข็งแรงพร้อมรับตลาดขาขึ้นในระยะถัดไป

2. UGISFX-N

กองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund

นโยบายการลงทุน

กระจายการลงทุนในตราสารหนี้หลายประเภททั่วโลกเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับสร้างผลตอบแทนรวมในระยะยาว โดยมีความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตตามสภาวะตลาด

นโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ป้องกัน

ควรลงทุนเมื่อไร

แนะนำนักลงทุนทยอยสะสมเป็น Core portfolio ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ขยับเข้าใกล้บริเวณ 4.50% เพื่อล็อคอัตราผลตอบแทนในระยะยาว โดยกองทุน UGISFX-N ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Unhedged) ซึ่งเปิดโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในส่วนของค่าเงินจากที่เรามีมุมมองว่าค่าเงินบาทแข็งค่ามากเกินไปสวนทางปัจจัยพื้นฐาน

Satellite Portfolio (6-12M)

3. KKP TECH-UH

กองทุนหลัก iShares Expanded Tech ETF (IGM)

นโยบายการลงทุน

เน้นลงทุนในกลุ่ม Technology, Communication Services และ Consumer Discretionary ประกอบด้วยหุ้น 280 ตัว

นโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ป้องกัน

ควรลงทุนเมื่อไร

แนะนำทยอยลงทุนเมื่อ IGM (ETF) มีการย่อตัวลง โดยเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของหุ้นในกลุ่ม Technology และ Communication Services ของสหรัฐฯ จากผลประกอบการที่ออกมาดีกว่าคาด โดยเฉพาะในหุ้นเทคฯ ขนาดใหญ่ อีกทั้งเราประเมินว่าการเติบโตจะมีความต่อเนื่องไปอีก 12 เดือนข้างหน้า จาก Organic Growth ของความต้องการที่เพิ่มขึ้นจาก Sovereign AI, Agentic AI, Physical AI และ Science AI นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากนโยบาย One Big Beautiful Bill และ AI Action Plan ที่จะมาเร่งรอบการลงทุนใน AI ให้มีความต่อเนื่องและมากขึ้น

4. K-JP-A(D)

กองทุนหลัก Lazard Japanese Strategic Equity Fund

นโยบายการลงทุน

ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นที่มีศักยภาพเพียง 20-30 หลักทรัพย์ ในหุ้นทุกขนาด โดยเน้นหนักไปทางหุ้นขนาดใหญ่ และมีสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มการเงินราว 20%

นโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ตามดุลยพินิจผู้จัดการกองทุน

ควรลงทุนเมื่อไร

แนะนำทยอยลงทุนเมื่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น (ดัชนี Topix) มีการย่อตัวลง โดยเรามีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นญี่ปุ่นจากประเด็นโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปจากการเติบโตของค่าจ้างหนุนการบริโภคในประเทศ การบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ช่วยให้กำไรของกลุ่มยานยนต์ที่ถูกกดดันไว้กลับมาผ่อนคลายมากขึ้น รวมถึงเทรนด์การเร่งลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ผ่านโครงการ Rapidus จะเป็นกำลังสำคัญต่อการเติบโตต่อไป

5. KT-CHINA-A

กองทุนหลัก BGF China Fund

นโยบายการลงทุน

ลงทุนในหุ้นจีน All-Shares จำนวน 30-60 หลักทรัพย์ เน้นการลงทุนแบบยืดหยุ่นทั้งในแง่ขนาด และสไตล์ เพื่อจับโอกาสในทุกมิติของตลาดจีนที่เปลี่ยนแปลง

นโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ตามดุลยพินิจผู้จัดการกองทุน

ควรลงทุนเมื่อไร

แนะนำทยอยลงทุนเมื่อดัชนี MSCI China ย่อตัวลง โดยเราคาดว่าผลประกอบการของหุ้นเทคฯ จีนที่จะรายงานในช่วงกลางเดือนสิงหาคม จะเป็นแรงหนุนสำคัญสำหรับ H-Shares ซึ่งกองทุนมีสัดส่วนการลงทุนราว 70% ขณะที่หุ้นจีนใน A-Shares ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จากราคาอสังหาฯ มีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น และสงครามการค้าที่ยังอยู่ในสถานะผ่อนคลาย ขณะที่ตลาดยังรอติดตามนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากการประชุม Forth Plenum ในช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่สงครามการค้ามีความชัดเจนมากขึ้นแล้ว ทางการจีนจะได้กำหนดเป้าหมายการกระตุ้นได้ตรงจุดมากขึ้น

Satellite Portfolio (3-6M)

6. ONE-FFI

นโยบายการลงทุน

กองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนใน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น โดยปัจจุบันมี Port Duration ที่ 4 เดือน 24 วัน และมี Yield to Maturity ที่ 4.08% ต่อปี

นโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ป้องกัน

ควรลงทุนเมื่อไร

แนะนำลงทุนเมื่อ USD/THB อยู่ในกรอบ 32 – 33.50 ซึ่งเรามองว่าเป็นกรอบค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากเกินไปตรงข้ามกับปัจจัยพื้นฐาน โดยมีเป้าหมายการทำกำไรที่ 35/USD และจุดตัดขาดทุนที่ 31.5/USD

️*เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการหาโอกาสลงทุนในระยะสั้นและสามารถตัดขาดทุนได้

Data as of 31/07/2025