KS Daily View 6 พ.ย. 2025

Analysis by KS Research Strategy

Nov 6, 2025

KS Daily View 6 พ.ย. 2025>>> คาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,285-1,305 จุด จากภาพของต่างประเทศที่ยังไม่มีความแน่ชัดในเรืองของ มาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์ ขณะที่ภาพในประเทศอาจเห็นการปรับตัวขึ้นของรายอุตสาหกรรมตามปัจจัยบวกแนะนำ TRUE และ KCE

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.37%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.65%, และ Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.48% หลังความกังวลเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีที่สูงเกินจริงเริ่มคลี่คลาย ขณะที่ผลประกอบการที่แข็งแกร่งและข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าคาดช่วยกระตุ้นความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุน

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,295.29 จุดลดลง -3.31 จุด (-0.25%) จากการปรับตัวลดลงของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มค้าปลีก, และกลุ่มปิโตรเคมี ในวันนี้ เราคาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,285-1,305 จุด จากภาพของต่างประเทศที่ยังไม่มีความแน่ชัดในเรืองของ มาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์ที่ใช้อำนาจเกินขอบเขตของ IEEPA ทีอาจใช้เวลาในการพิจารณานาน คาดว่าอย่างช้าที่สุด ศาลจะมีคำวินิจฉัยภายในสิ้นเดือนมิ.ย. 2026 ขณะที่ส่วนของภาพในประเทศอาจเห็นการปรับตัวขึ้นของรายอุตสาหกรรมตามปัจจัยบวกเฉพาะและการรายงานผลประกอบการใน 3Q25 ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนยังคงมุ่งเน้นหุ้นมีผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่งใน 3Q25 อย่าง TRUE อีกทั้งมีแนวโน้มที่จะมีการจ่ายปันผลที่เพิ่มขึ้นในอนาคตด้วย สถานะกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และ KCE ด้วยแนวโน้มของผลประกอบการฟื้นตัว ประกอบกับภาพเชิงบวกของข่าวที่ชิปเซมิคอนดักเตอร์ในรถยนต์ที่อาจขาดแคลน จากการตอบโต้ทางภูมิรัฐศาสตร์

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

สกนช. เปิดเผยว่า ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ปี 2025 ฟื้นตัวชัดเจนจากเดิมติดลบ 99,087 ล้านบาท ณ วันที่ 29 กันยายน 2024 เหลือติดลบเพียง 13,274 ล้านบาท ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2025 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี จากการบริหารตามนโยบายรัฐบาลที่มุ่งลดภาระพลังงาน โดยดำเนินมาตรการสำคัญ เช่น ลดราคาน้ำมันดีเซลและเบนซินกว่า 1 บาทต่อลิตร ตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 32 บาทต่อลิตร และคาดว่าหากราคาน้ำมันโลกทรงตัว กองทุนจะกลับมามีฐานะเป็นบวกภายในสิ้นปี 2025 และสามารถชำระหนี้ทั้งหมดได้ภายในปี 2029 มองเป็นบวกกับ PTG และ OR จากแนวโน้มค่าการตลาดที่ถูกดันในอนาคตลดลง

นิสสัน มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น ประกาศว่าจะ ลดการผลิตในโรงงาน 2 แห่งในญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.นี้ ได้แก่ โรงงานเมืองโยโกสุกะ จังหวัดคานากาวะ และโรงงานของบริษัทย่อยที่เมืองคันดะ จังหวัดฟุกุโอกะ สาเหตุจากปัญหาการขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ หลังจีนระงับการส่งออกชิปของบริษัท เน็กซ์พีเรีย เพื่อตอบโต้รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ที่เข้าควบคุมกิจการบริษัทดังกล่าว ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกกับ KCE

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 ว่า รัฐบาลมุ่งดำเนินกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างพื้นฐานให้รัฐบาลต่อไป อย่างโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ที่เริ่มใช้งานจริงภายใน 3 สัปดาห์ และเตรียมเดินหน้าเฟส 2 ในช่วงครึ่งหลังเดือนธันวาคม 2025 ก่อนยุบสภา พร้อมทั้งแก้หนี้ครัวเรือนวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท การเดินหน้าโครงการ ไฟฟ้าชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ทั่วประเทศ และการผลักดันให้ ลดค่าโดยสารขนส่งสาธารณะ มองเป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีก

BEM เปิดเผยว่า โครงการ Double Deck และมาตรการลดค่าผ่านทางในเมืองเหลือ 50 บาทตลอดสายอยู่ระหว่างรอนำเสนอครม.อนุมัติตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ คาดว่าจะลงนามสัญญาได้ภายใน ธ.ค.2025 ซึ่งการลดค่าทางด่วนจะไม่กระทบรายได้ของบริษัท เนื่องจากจะปรับสัดส่วนรายได้ค่าผ่านทางกับการทางพิเศษฯ เป็น 50:50 จากเดิม 60:40 ขณะที่โครงการลงทุนมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาทนี้จะแลกกับการขยายสัมปทานออกไป 22 ปี 5 เดือน และคาดว่าจะช่วยเพิ่มปริมาณผู้ใช้ทางราว 10–15% ทั้งนี้บริษัทมั่นใจว่ากำไร 3Q25 จะทำสถิติสูงสุดใหม่จากการเติบโตของทั้งธุรกิจทางด่วนและรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินซึ่งมีผู้โดยสารเฉลี่ยกว่า 5.2 แสนคนต่อวัน

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) เดือนตุลาคม 2025 ลดลง 0.76% YoY จากมาตรการภาครัฐในการลดค่าครองชีพ เช่น การลดค่าไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสำคัญอย่างเนื้อสุกร ไข่ไก่ ผัก และผลไม้สดที่ลดลงจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ด้วยภาพของเงินเฟื้อที่ติดหนุนทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยของ ธปท. ในอนาคต

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

TRUE: ราคาพื้นฐาน 14.12 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TRUE หลังรายงานกำไรสุทธิ 3Q25 อยู่ 1.6 พันลบ. หากไม่รวมรายการพิเศษ เช่น ค่าใช้จ่ายในการควบรวมกิจการและภาษีรอการตัดบัญชี กำไรปกติอยู่ที่ 4.1 พันลบ. เพิ่มขึ้น 41.9% YoY และ 17.2% QoQ ในขณะเดียวกัน TRUE ประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งแรกหลังการควบรวมกิจการแล้วเสร็จที่ 0.19 บาทต่อหุ้น จากผลการดำเนิน 9 เดือนแรกของปี 2025 คิดเป็น 125% ของกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2025 และ spot DY ที่ 1.7% TRUE แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่านโยบายการจ่ายเงินปันผลจะไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิในแต่ละครึ่งปี

KCE: ราคาพื้นฐาน 27.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกกับ KCE จากแนวโน้มผลประกอบการ 3Q25 คาดที่ 273 ลบ. เพิ่มขึ้น 26% YoY และ 50% QoQ ได้รับแรงหนุนหลักจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง ขณะที่การเติบโตได้แรงหนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากอุปสงค์การเติมสต๊อกในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์หลังสต๊อกเริ่มกลับสู่ภาวะปกติและความกังวลด้านภาษีนำเข้าลดลง อีกทั้งการกลับสู่ภาวะปกติหลังการปรับสต๊อกจากการเข้าซื้อสำนักงานขายในยุโรปในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ทั้งนี้ คาดว่า GPM จะเพิ่มขึ้น QoQ สู่ระดับ 20% จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นและประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น มองใน 4Q25 เราคาดว่ากำไรจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และการขยายตัวของอัตรากำไรเพิ่มเติมจากการดำเนินมาตรการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันพฤหัสบดี ติดตามดัชนียอดค้าปลีกของฝั่งยุโรป (EU Retail sales) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.0% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ปิดท้ายด้วยจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.24 แสนตำแหน่ง

วันศุกร์ ติดตามติดตามตัวเลขส่งออกของจีน (China Export) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY ชะลอตัวจากเดือนที่ผ่านมาที่ +8.3% YoY และตัวเลขนำเข้าของจีน (China Import) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY ชะลอตัวจากเดือนที่ผ่านมาที่ +7.4% YoY ปิดท้ายด้วยการรายงาน ภาคจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) และตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) ของข้อมูลเดือน ต.ค.

*ข้อมูลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามข้อมูลใหม่และแหล่งที่มาที่แตกต่างกัน