6 กองทุนแนะนำจาก KS
ประจำเดือนกรกฏาคม
Core Portfolio
1. K-GSELECT
กองทุนหลัก JPMorgan Global Select Equity ETF
นโยบายการลงทุน
ลงทุนในหุ้นทั่วโลก เน้นบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสม และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ทั้งในวัฏจักรที่เป็นหุ้น Growth หรือ Value
แนะนำให้นักลงทุนทยอยลงทุนในยามที่ตลาดปรับตัวลง หรือ ทยอย DCA จากตลาดหุ้นโลกที่ปรับตัวขึ้นมาจน Valuation ค่อนข้างตึงตัว ขณะที่เดือนนี้มีความเสี่ยงจากการที่นโยบายภาษีนำเข้าจะกลับมากดดันอีกครั้ง รวมถึงติดตามผลประกอบการ 2Q25 ของหุ้นสหรัฐฯ ที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของตลาดต่อไป
2. UGISFX-N
กองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund
นโยบายการลงทุน
กระจายการลงทุนในตราสารหนี้หลายประเภททั่วโลกเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับสร้างผลตอบแทนรวมในระยะยาว โดยมีความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตตามสภาวะตลาด
แนะนำนักลงทุนทยอยสะสมเป็น Core portfolio ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ขยับเข้าใกล้บริเวณ 4.50% เพื่อล็อคอัตราผลตอบแทนในระยะยาว โดยกองทุน UGISFX-N ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Unhedged) ซึ่งเปิดโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในส่วนของค่าเงินจากที่เรามีมุมมองว่าค่าเงินบาทแข็งค่ามากเกินไปสวนทางปัจจัยพื้นฐาน
Satellite Portfolio (12M)
3. K-JP-A(D)
กองทุนหลัก Lazard Japanese Strategic Equity Fund
นโยบายการลงทุน
ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นที่มีศักยภาพเพียง 20-30 หลักทรัพย์ ในหุ้นทุกขนาด โดยเน้นหนักไปทางหุ้นขนาดใหญ่ และมีสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มการเงินราว 20%
แนะนำทยอยลงทุนเมื่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น (ดัชนี Topix) มีการปรับฐานลง โดยเรามีมุมมองเชิงบวกต่อญี่ปุ่นที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้ดีจากกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ อีกทั้งปัจจัยภายในยังมีแรงหนุนจากค่าจ้างที่เติบโตขึ้น ที่ทำให้การบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวต่อเนื่อง อีกทั้งการที่ BOJ ส่งสัญาณไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย พร้อมชะลอการทำ QT ทำให้ตลาดพันธบัตรมีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังเตรียมมาตรการบรรเทาผลกระทบจากภาษีนำเข้าให้แก่กลุ่มยานยนต์อีกด้วย
4. TUSFIN-A
กองทุนหลัก Financial Select Sector SPDR Fund (XLF)
นโยบายการลงทุน
มีวัตถุประสงค์ในการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Financial Select Sector
แนะนำทยอยลงทุนเมื่อดัชนี XLF ETF มีการย่อตัวลง ซึ่งนักลงทุนสามารถติดตามได้ใน Tradingview โดยเรามีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มการเงินสหรัฐฯ ที่คาดว่าหุ้นธนาคารจะรายงานผลประกอบการ 2Q25 ที่ดี อีกทั้งยังมีพัฒนาการเชิงบวกจากการลดกฎเกณฑ์เงินทุนสำรองลง และการพิจารณาไม่ต้องมีเงินสำรองสำหรับการลงทุนในพันธบัตร ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับธนาคารขนาดใหญ่
5. KT-CHINA-A
กองทุนหลัก BGF China Fund
นโยบายการลงทุน
ลงทุนในหุ้นจีน All-Shares จำนวน 30-60 หลักทรัพย์ เน้นการลงทุนแบบยืดหยุ่นทั้งในแง่ขนาด และสไตล์ เพื่อจับโอกาสในทุกมิติของตลาดจีนที่เปลี่ยนแปลง
แนะนำทยอยลงทุนเมื่อดัชนี MSCI China ย่อตัวลง โดยเรามีมุมมองที่ดีต่อหุ้นจีนในครั้งนี้ จากผลประกอบการบริษัทเทคใหญ่ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด และมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดีต่อเนื่อง ทำให้เห็นการปรับประมาณการกำไรขึ้น นอกจากนี้การบริโภคมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการที่รัฐบาลอัดมาตรการกระตุ้นการบริโภคโดยเฉพาะมาตรการเก่าแลกใหม่ (Trade-in)
Satellite Portfolio (3-6M)
6. ONE-FFI
นโยบายการลงทุน
กองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนใน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้นโดยปัจจุบันมี Port Duration ที่ 5 เดือน 26 วัน และมี Yield to Maturity ที่ 4.06% ต่อปี กองทุนไม่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Unhedged)
แนะนำลงทุนเมื่อ USD/THB อยู่ในกรอบ 32 – 33.50 ซึ่งเรามองว่าเป็นกรอบค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากเกินไปตรงข้ามกับปัจจัยพื้นฐาน โดยมีเป้าหมายการทำกำไรที่ 35/USD และจุดตัดขาดทุนที่ 31.5/USD
️*เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการหาโอกาสลงทุนในระยะสั้นและสามารถตัดขาดทุนได้
Data as of 30 June 2025

เปิดพอร์ตลงทุนกองทุนรวมกับ KS ลงทุนได้หลากหลาย บลจ. >> https://ksecurities.co/Open-Account_Fund
Follow us :
LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA
Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook
Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram
Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter
YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube
Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads
#KS #หลักทรัพย์กสิกรไทย #กองทุน #ผลตอบแทน #หุ้นไทย #การลงทุนหลักทรัพย์ #FUND #ตราสารหนี้